เจ้าของร้านสักคิ้ว ติดใจมาตรการ กทม. หลังผ่อนคลายให้เปิดร้านสัก - ร้านทำเล็บ
เจ้าของร้านสักคิ้ว ติดใจมาตรการ กทม. หลังผ่อนคลายให้เปิดร้านสัก - ร้านทำเล็บ
กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้ กรณีผู้ประกอบการ้านสักคิ้ว ร้าน SecretOhm ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอตั้งข้อสงสัย หลังทาง กทม. ประกาศคล้ายล็อกดาวน์ 5 กิจการ อย่าง คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ร้านทำเล็บและร้านสัก แต่ร้านเจ้าตัวกลับไม่สามารถเปิดได้นั้น
เมื่อวานนี้ (15 มิถุนายน 2564) คุณโอม เจ้าของร้านสักคิ้ว secretohm เปิดเผยผ่านไลฟ์ไอจี ระบุว่า ร้านตนเป็นร้านสักคิ้ว สักปาก ซึ่งลักษณะร้านของตนก็เป็นสถาบันเสริมความงานเหมือนกัน แต่ทำไมเปิดไม่ได้ จึงได้มีการโทร. ไปสอบถามกับทางสำนักงานเลขานุการ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับคำตอบว่า สักคิ้วไม่ได้ เพราะคิ้วอยู่ใกล้สมอง เสี่ยงจะติดเชื้อโควิด 19 ได้ง่าย
ร้านติดใจ สักคิ้วไม่ได้เพราะอยู่ใกล้สมอง แต่สักไหล่ได้
โดยคุณโอม เล่าว่า เจ้าหน้าที่ตอบว่า ร้านสักคิ้วกับร้านทำเล็บให้เปิดได้ แต่ห้ามทำที่หน้า หมายความว่าต่ำกว่าคาง ต่ำกว่าหน้า ต่ำกว่าสมองลงมาทำได้ เพราะโควิด 19 เวลาติดเชื้อมันเข้าทางปาก ทางจมูกก็จริง แต่มันจะขึ้นไปที่สมองก่อน แล้วถึงสั่งการว่าจะลงปอดหรือไม่
เมื่อถามว่า แล้วถ้าสักที่ไหล่ ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ทำได้ แต่สักคิ้วไม่ได้ เพราะคิ้วอยู่ใกล้สมอง ทั้งที่เมื่อวัดระยะแล้ว ไหล่กับหน้าห่างกันแค่ 12 เซนติเมตร และในทางการแพทย์ระบุว่าระยะ 12 เซนติเมตร ไม่มีผลต่อการป้องกันการแพร่ระบาด
ร้านยันมีมาตรฐาน วอนอย่าคิดแทนเรื่องไม่มีลูกค้า
ทั้งนี้ รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ รายงานบทสัมภาษณ์ คุณโอม สถาปัตย์ วรวิทย์วัฒนะ เปิดเผยว่า ตนเองติดใจ 2 ประเด็น คือ มาตรการที่ชี้ชัดเรื่องความเสี่ยงอยู่ตรงไหน และอย่าตัดสินใจแทน อย่าคิดแทนพวกเรา หลังเจ้าหน้าที่บอกว่าตอนนี้เปิดไปก็ไม่มีใครกล้ามาทำ
ตนอยากให้ลงมาศึกษาก่อน เพราะร้านสักคิ้วทุกวันนี้มีมาตรฐานความสะอาด ไม่ต่างจากคลินิกความงาม มีการป้องกันความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก ที่ผ่านมาตนต้องเลื่อนคิวลูกค้า จนเสียรายได้ไปมหาศาล ซึ่งตอนนี้แอบคิดว่าจะย้ายเปิดที่รังสิตดีไหม เพราะเขตนั้นไม่ได้ห้ามสักคิ้ว ทั้งที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงเช่นกัน
โฆษก กทม. ยันเป็นกฎ แม้ใส่หน้ากากก็ห้าม
ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประกาศของ ศบค. แนบท้ายระบุชัดเจนว่า ร้านทำเล็บ ร้านสัก เปิดให้บริการได้ แต่ห้ามกระทำบริเวณใบหน้า เพราะยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 แม้จะใส่หน้ากากอนามัยแล้ว แต่ก็ยังใกล้ชิดกัน และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ