8 คำถาม ไขข้อข้องใจเรื่องการรักษาคีลอยด์

อ่าน 10,847

8 คำถาม เรื่องการรักษาคีลอยด์ (นิตยสาร APPEAL)

คีลอยด์ (Keloid) จัด

ได้ว่าเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่เกิดจากแผลเป็นที่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้

ที่เป็นหลายๆ คน บางคนมีขนาดเล็กเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร

แต่บางคนมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือซึ่งถือว่าใหญ่มาก

แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะรักษาอย่างจริงจัง

เพราะยังคงมีคำถามที่คาใจอยู่หลายข้อ

ฉบับนี้แอพพีลขอมาไขข้อข้องใจกับเรื่องของการรักษาแผลเป็นคีลอยด์ให้ได้

กระจ่างและรู้จริงมาฝากกัน

Q1: การรักษาแผลเป็นคีลอยด์ต้องรักษากี่ขั้นตอน

สำหรับการรักษาแผลเป็นคีลอยด์นั้น ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาด้วยเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า Scarless Technique ที่

เป็นการผสมผสานกันระหว่างการใช้การผ่าตัด แสงเลเซอร์ และตัวยา

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

ได้ผลดีกว่าวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมที่เคยทำมา

และลูกค้าได้รับพึงพอใจมากที่สุด

Q2: อะไรคือข้อจำกัดของการรักษาแผลเป็นที่เรียกว่าคีลอยด์ (Keloid)

แผล

เป็นคีลอยด์ จะมีลักษณะคล้ายเนื้องอก

มีขนาดใหญ่ขึ้นและจะลุกลามผิวปกติของเราไปเรื่อย ๆ

อาจจะไม่อันตรายเหมือนเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง

แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ที่เป็น ข้อจำกัดของการรักษา

แผลเป็นคีลอยด์อยู่ที่การเอาเซลล์ที่ผิดปกติออกไม่หมดก็จะกลับมาเป็นอีก

เกือบ 100% โดยที่ก้อนคีลอยด์ใหม่จะโตเร็วและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม

นอกจากนี้คนไข้อาจจะต้องมีเวลาในการมารักษาพอสมควรเพื่อการรักษาที่ต่อ

เนื่อง และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีกนั่นเอง

Q3: ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid)

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ

ที่ทำให้เกิดขึ้นได้นั้น อันดับแรกจะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์

ปัจจัยที่สองเป็นเรื่องของตำแหน่งบนร่างกาย ที่พบบ่อยมีอยู่ 4 จุด คือ

บริเวณหู เกิดจากการเจาะหู, บริเวณไหล่ เกิดจากการฉีดยา,

บริเวณหน้าอกหรือหลัง เกิดจากการเป็นสิว และบริเวณหน้า

อย่างเช่นตรงขากรรไกร เกิดจากการเป็นสิวหรือรอยแผลอื่น ๆ

ปัจจัยที่สามเป็นเรื่องของการอักเสบหรือติดเชื้อ เช่น

แผลบริเวณนั้นมีการอักเสบหรือติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน

ถ้าอักเสบเยอะหรือติดเชื้อและแผลหายช้าก็จะมีโอกาสเป็นเนื้องอกคีลอยด์ได้

มากกว่า นอกจากนี้ขนาดและความลึกของแผลก็จะมีผลต่อการเกิดเนื้องอก

คีลอยด์อีกด้วย

Q4: ในกรณีที่คนไข้ไม่มารักษาคีลอยด์ (Keloid) จะเป็นอันตรายได้หรือไม่

สำหรับคนไข้ที่ไม่ได้ตัดสินใจมารักษาคีลอยด์

แผลเป็นชนิดนี้อาจไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับร่างกายในแบบที่รุนแรง

แต่จะทำให้ตัวคนไข้เองมีอาการปวดคันบริเวณแผล

และก้อนคีลอยด์จะลุกลามขยายวงกว้างออกไป

โตจนถึงจุดหนึ่งแล้วจึงจะหยุดขยายขนาดซึ่งในกรณีคนที่มีคีลอยด์ขนาดใหญ่มาก

อาจจะรู้สึกรั้งเวลาขยับเขยื่อนร่างกาย เช่นบริเวณ ใบหู คอ แขน หรือขา

เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าแผลคีลอยด์เกิดบริเวณนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า ต้นแขน

ก็จะมีผลต่อความไม่มั่นใจ ความสวยงาม

ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานในบางสาขาอาชีพ

Q5: จุดไหนที่เป็นคีลอยด์ (Keloid) แล้วจะรักษายากที่สุด

ส่วนที่รักษาง่ายที่สุดคือบริเวณใบหู เพราะแผลจะเล็ก

เป็นเพียงแผลที่เกิดขึ้นเพราะการเจาะหูเท่านั้น มีขนาดแค่ 1-2 เซนติเมตร

แต่การรักษาคีลอยด์ที่ยากที่สุดคือ คีลอยด์ที่มีลักษณะใหญ่มาก อย่างเช่น

แผลเป็นบริเวณหน้าอกที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ

Q6: ระยะเวลาในการรักษาคีลอยด์ (Keloid)

ระยะเวลาในการรักษาแผลเป็นคีลอยด์นั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นเป็นหลัก

หากใหญ่มากและนูนมากก็จะใช้เวลานาน โดยทั่วไปใช้เวลาเฉลี่ย 1-6 เดือน

เพราะหลังจากการผ่าตัดและเลเซอร์แล้ว จำเป็นต้องใช้ยาร่วมด้วยไปอีกสักระยะ

และนอกจากนี้จะต้องติดตามผลการรักษาต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป

Q7: ราคาในการรักษา

โดยทั่วไปราคาจะขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของแผล หากไม่ใหญ่มากนักแค่ประมาณ

1-5 เซนติเมตร จะราคาอยู่ที่ 10,000-20,000 บาท

หลังจากนั้นก็จะเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตามผล ทายา รับประทานยาต่อไป

Q8: มีโอกาสกลับมาเป็นอีกหรือไม่

การรักษาแผลเป็นคีลอยด์นั้นสามารถรักษาให้หายได้

แต่ในทางการแพทย์เราจะไม่ใช้คำว่า หายขาด เพราะยังไม่มีผลที่ยืนยัน 100%

ว่าแผลเป็นคีลอยด์นั้นจะไม่กลับมาอีก

แต่การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถช่วยกำจัดและชะลอการเกิดขึ้นใหม่ของแผลเป็นได้

หากมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

แม้ในบางรายอาจมีการเกิดขึ้นมาใหม่แต่จะไม่มีขนาดใหญ่เท่าก่อนรักษาแน่นอน



บทความแนะนำ


สิ่งดีๆบัญชีรักเอาใจใส่ฮ่องกงสวิฟต์เทย์เลอร์ข่าวบันเทิงนิคกี้มินาจทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก