รู้หรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีถึง 8 ประเภทเชียวนะ? แล้วอะไรเหมาะกับผิวเรามากที่สุด
การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำนับเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผิวของสาวๆเปล่ง
ปลั่ง เรียบเนียน กระจ่างใส แม้ยังไม่แต่งหน้า
และผิวที่ดียังช่วยให้เมคอัพติดทนนานอีกด้วย
รู้แบบนี้แล้วรีบบำรุงผิวด่วนๆเลยค่ะ แต่ว่าเอ๊ะ!
ทำไมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในท้องตลาดถึงได้เยอะจัง มีทั้ง ?โทนเนอร์? ?ครีม?
?โลชั่น? ?อีมัลชั่น? ?เซรั่ม? ?เอสเซนส์? ?แอมเพิล? ล่าสุดยังมี
?บูสเตอร์? เพิ่มขึ้นมาอีก! ต่างกันยังไง? ควรใช้อันไหน?
อันไหนเหมาะกับผิว? วันนี้เรามาทำความรู้จักแต่ละตัวกันเถอะ!ขอเกริ่นก่อนว่าเจ้าโทนเนอร์, ครีม,
โลชั่น, อีมัลชั่น, เซรั่ม, เอสเซนส์, แอมเพิล และ บูสเตอร์
จริงๆแล้วมันก็คือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์
ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิวนั่นเองแต่อาจมีรูปแบบ เนื้อสัมผัส
ความเข้มข้น ฯลฯ ที่แตกต่างกัน สุดแล้วแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นกันออกมา
เอาล่ะงั้นเรามาเริ่มกันเลย Let?s gooo1. Toner : โทนเนอร์
โทนเนอร์คือตัว ?ปรับสภาพผิว? ที่สามารถ ?ขจัดสิ่งสกปรก?
ที่อาจตกค้างจากการล้างหน้า
หัวใจหลักของการใช้โทนเนอร์คือการนำสำลีชุบโทนเนอร์เช็ดใบหน้า
เพราะผิวสัมผัสของสำลีทำให้โทนเนอร์สามารถเข้าถึงสิ่งสกปรกบนผิวได้ล้ำลึก
กว่าการล้างหน้าธรรมดานั่นเอง
ทั้งนี้โทนเนอร์ไม่ได้เน้นเรื่องการบำรุงสักเท่าไหร่
แต่ช่วยปรับสมดุลผิวมากกว่า เช่น ความชุ่มชื่น ค่า pH ฯลฯ
ทำให้ครีมซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้น ดังนั้นควรใช้ครีมบำรุงหลังโทนเนอร์ภายใน
1- 2 นาทีเนื้อสัมผัส : บางเบามาก
ลำดับการใช้ : หลังล้างหน้า
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว
จุดเด่น : ปรับสมดุลผิวพร้อมขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่
2. Essence : เอสเซนส์
เอสเซนส์เป็นตัวบำรุงผิวจากภายใน
ก็คือเน้นการบำรุงที่ล้ำลึกเข้าไปถึงชั้นผิวเพื่อฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดีออกมา
จากภายในเลยทีเดียว มักมีส่วนผสมเป็น Water-Base ทำให้เนื้อสัมผัสบางเบา
ซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ เหมาะอย่างมากกับผู้ที่แพ้สารตระกูลน้ำมัน
ถึงเอสเซนส์จะไม่ได้ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นมากนักแต่กลับได้รับความนิยมจาก
สาวเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
อาจเป็นเพราะว่าเอสเซนส์สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวก็ได้เนื้อสัมผัส : บางเบามาก
ลำดับการใช้ : หลังโทนเนอร์หรือใช้แทนโทนเนอร์
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว
จุดเด่น : บำรุงผิวจากภายใน เป็น Water-Base ซึมซาบเร็ว
3. Serum : เซรั่ม
เซรั่มมีคุณสมบัติคล้ายกับเอสเซนส์มาก
เน้นการบำรุงผิวล้ำลึกจากภายในเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เซรั่มมีส่วนผสมเป็น
Oil-Base จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื่นมากกว่าเอสเซนส์ มีเนื้อสัมผัสหลากหลาย เช่น
น้ำ, น้ำมัน หรือเจลใส
ส่วนมากเซรั่มมักจะออกแบบมาเพื่อการดูแลปัญหาผิวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น
แก้ไขปัญหาสิว, ดูแลริ้วรอย หรือแก้ไขผิวหมองคล้ำ
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษเนื้อสัมผัส : บางเบา
ลำดับการใช้ : หลังโทนเนอร์หรือหลังเอสเซนส์
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว ผิวมัน
จุดเด่น : บำรุงผิวจากภายใน มีสารบำรุงเข้มข้นเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด
4. Ampoule : แอมเพิล
สำหรับแอมเพิลนี้เกิดมาเพื่อฆ่าเซรั่มอย่างแท้จริง
เพราะมีส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่าเซรั่มขึ้นไปอีก
จึงให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว! ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสบางเบาที่สุด
และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็วที่สุด
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมแอมเพิลถึงมีราคาแพง
ก็น้ำๆที่เห็นนั้นมันคือสารบำรุงแบบเต็มๆ ใช้แป๊ปเดียว รู้เรื่อง!
ดังนั้นเพื่อความประหยัดบางคนจึงใช้แอมเพิลแต้มเฉพาะจุดที่ต้องการบำรุงเท่า
นั้นเนื้อสัมผัส : บางเบา
ลำดับการใช้ : หลังโทนเนอร์
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว
จุดเด่น : มอบการบำรุงเข้มข้นให้ผลลัพธ์รวดเร็ว
5. Emulsion: อีมัลชั่น
เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ค่อนข้างบางเบา เนื้อคล้ายกับโลชั่นผสมเจล
คือไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป
มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่น
สำหรับผู้ที่มีผิวผสมและผิวมันอีมัลชั่นนี่แหละคือคำตอบของคุณ!
เพราะอีมัลชั่นช่วยปกป้องผิวให้ชุ่มชื่นอย่างพอเหมาะ ไม่ทำให้ผิวขาดน้ำ
และไม่ทำให้ผิวมันขึ้นด้วย
จึงไม่แปลกที่สาวเกาหลีจะนิยมใช้อีมัลชั่นแทนเดย์ครีมบำรุงผิวก่อนลงเมคอัพเนื้อสัมผัส: เข้มข้น
ลำดับการใช้ : หลังเซรั่ม
เหมาะกับ : ผิวผสมและผิวมัน
จุดเด่น : บำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่นโดยไม่ทำให้ผิวมันขึ้น ใช้แทนเดย์ครีมได้เลย
6. Lotion: โลชั่น
โลชั่นมีคุณสมบัติคล้ายอีมัลชั่น
คือช่วยบำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่น
ต่างกันตรงที่โลชั่นมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันมากกว่า
จึงช่วยเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ดีกว่า
นอกจากนี้ส่วนผสมจากน้ำมันยังช่วยเคลือบบนผิวชั้นนอก ลดการสูญเสียน้ำน้อยลง
เหมาะกับผู้ที่มีผิวธรรมดาหรือผิวผสมเนื้อสัมผัส : เข้มข้นปานกลาง
ลำดับการใช้ : หลังอีมัลชั่น
เหมาะกับ : ผิวธรรมดาหรือผิวผสม
จุดเด่น : ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เหนอะผิว
7. Cream : ครีม
ขึ้นชื่อว่า ?ครีม?
เนี้ยขอให้ทุกคนเดาไว้ก่อนเลยว่าเนื้อเขาต้องเข้มข้น!
เพราะครีมมีส่วนผสมจากน้ำมันเยอะที่สุด
อุดมไปด้วยสารบำรุงที่เข้มข้นและความชุ่มชื่นเต็มพิกัด
มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชั้นนอกชุ่มชื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือเอาไว้ใช้เวลาที่อากาศหนาวๆ
เพราะน้ำมันในครีมช่วยเคลือบผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำได้ดีเนื้อสัมผัส : เข้มข้นมาก
ลำดับการใช้ : ขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง
เหมาะกับ : ผิวแห้งถึงแห้งมาก
จุดเด่น : ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและป้องกันผิวแห้งกร้านได้อย่างดีเยี่ยม
8. Booster : บูสเตอร์
ศัพท์ใหม่ล่าสุดกับ ?บูสเตอร์?
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ก่อนครีมบำรุงผิวทุกขั้นตอน!
สามารถใช้แทนโทนเนอร์ได้เลย ด้วยเนื้อที่บางเบา
และคุณสมบัติเฉพาะตัวเพื่อปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้สารบำรุงต่างๆซึมเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้น
เหมาะกับทุกสภาพผิวเนื้อสัมผัส : บางเบา
ลำดับการใช้ : ขั้นตอนแรกของการบำรุง
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว
จุดเด่น : ปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุง และกระตุ้นให้สารบำรุงซึมเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากเกาหลี เคที่ดอลล์ เรดี้ทูไวท์ ไวท์บูสติ้งครีม (Cathy Doll Ready 2 White White Boosting Cream)
ขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวทุกขั้นตอน เพื่อผิวดูใสไม่ต้องรอ!
ช่วยบูสเปิดผิวเด้ง เร่งผิวใส ล็อกความกระจ่างใสยาวนาน ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด
Encapsulation 3 ชั้น เพื่อบูสผิว 3 ระดับ เปิดไฟให้ผิว,
เติมพลังให้ผิวสตรอง และล็อกความชุ่มชื่นกระจ่างใสยาวนาน
พร้อมช่วยให้ผิวเปิดรับการบำรุงอย่างเต็มที่
ดูกระจ่างใสขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้