กราโนลา เมนูธัญพืชกรุบกรอบหอมหวานมีประโยชน์
ถ้าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับเมนูขนมธัญพืชอย่างกราโนลา (Granola) เท่าไหร่นัก แต่ขนมชนิดนี้เป็นขนมสุขภาพยอดฮิตของฝรั่งเชียวนะ แล้วในตอนนี้กระแสการกินอาหารคลีนในบ้านเราก็มาแรงเสียด้วย เลยมีคนจำนวนไม่น้อยหันมาทำกราโนลากินและขายไปด้วย
กราโนลาทั่ว ๆ ไปจะมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต ถั่ว และน้ำผึ้ง ที่นำไปอัดเป็นแท่ง ๆ นิยมทานยามเช้ากับนมสด น้ำเต้าหู้ หรือเอาไปอัดเป็นแท่ง ๆ ที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า บาร์อาหารเช้านั่นเอง กัดกินตอนเช้า ๆ มีประโยชน์ทีเดียว พกพาไปกินตอนไหนก็สะดวก แต่วันนี้เราจะพาไปดูวิธีทำกราโนลาแนวใหม่ เป็นไอเดียจากจากนิตยสาร Health & Cuisine ที่จับกราโนลามาทำเป็นทาร์ตถ้วยจิ๋ว มีฐานด้านล่างเป็นแป้งพายกรอบที่อัดแน่นไปด้วยครีมเนยถั่ว แล้วโรยกราโนลารสกลมกล่อมไว้ด้านบนกับเมนู กราโนลามินิมทาร์ต (Granola Mini Tart) ที่น่าลิ้มลองไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนใครที่อยากจะกินเป็นขนมหวานคลีน ๆ ก็ไม่ต้องนำไปอัดลงในแป้งพายก็ได้เลย
ส่วนผสม แป้งพาย (สำหรับ 8 ชิ้น) **ถ้าต้องการกินเป็นอาหารคลีนก็ไม่ต้องทำในส่วนนี้** 
แป้งเค้ก 170 กรัม เนยสดชนิดเค็ม หั่นเต๋าเล็ก แช่เย็น 100 กรัม น้ำตาลทราย 22 กรัม เกลือป่น 0.5 กรัม นมข้นจืด 36 กรัมส่วนผสม ครีมเนยถั่ว ครีมชีส 126 กรัม เนยจืด 26 กรัม น้ำตาลไอซิ่ง 78 กรัม น้ำมะนาว 38 กรัม เนยถั่ว 116 กรัมส่วนผสม กราโนลา มูสลี่ 134 กรัม กล้วยน้ำว้าตากแห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็ก 84 กรัม เมล็ดฟักทอง กะเทาะเปลือกอบ 50 กรัม แครนเบอร์รีอบแห้ง 50 กรัม น้ำผึ้ง 50 กรัม เนยเค็ม 34 กรัมวิธีทำ 1. ผสมนมข้นจืด น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้ละลาย พักให้เย็น 2. ผสมแป้งกับเนยให้เข้ากันจนมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย จากนั้นเทส่วนผสมในข้อ 1 ลงไปแล้วนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ 10 นาที กรุใส่พิมพ์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 15 นาที 3. ทำครีมเนยถั่ว โดยใช้หัวตีใบไม้ตีครีมชีส และเนยให้อ่อนตัว เติมน้ำตาลไอซิ่ง น้ำมะนาว และเนยถั่ว ตีต่อให้เข้ากันดี พักไว้ 4. ทำกราโนลา โดยละลายเนยแล้วเติมน้ำผึ้งลงไป คนผสมให้เข้ากัน พักให้เย็น ใส่มูสลี่ กล้วยน้ำว้าตากแห้ง เมล็ดฟักทอง และแครนเบอร์รีอบแห้ง คนผสมให้เข้ากัน 5. บีบครีมชีสลงไปให้ได้ครึ่งหนึ่งของทาร์ตแล้วตักส่วนผสมกราโนลาทับจนเต็ม เป็นไงบ้างเอ่ยกับอาหารเช้าแนวใหม่ ดูดีเชียว แถมความอร่อยยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ใครมีเวลาเหลือก็ลองทำกินกันดูนะคะ
