ลิปสติก แบบ ทินต์ มีอันตรายไหม?

อ่าน 11,472

ลิปสติก หรือ ทินต์ หรือที่สาวไทยบางคนก็มักจะใช้ น้ำยาอุทัย

เป็นตัวทำให้ปากสีแดงระเรื่อ ทาแก้มได้ด้วย

จนปัจจุบันมีผลิตออกมามากมายหลายยี่ห้อ เป็นทั้งแบบน้ำ แบบเจล

เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่า ลิปสติก หรือ ทินต์ นั้น

มีอันตรายกับเราบ้างหรือเปล่า?

มีข้อมูลของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข สรุปเป็นคำตอบ ดังนี้

เครื่องสำอางที่กำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นอย่างหนึ่งคือ ทินต์ (tint)

หรือ ลิปทินต์ (lip tint) ใช้ทาเพื่อให้ปากมีสีอมชมพู ระเรื่อ

หรือออกโทนส้มอ่อน ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นคนสุขภาพดี มีเลือดฝาดดี

มีความสวยเป็นธรรมชาติ จึงมีผู้ผลิตออกมาจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ

วางขายตั้งแต่ห้างร้านราคาแพงลงไปถึงตามตลาดนัดราคาถูก

อย่างไรก็ตาม การใช้ทินต์ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะมีโอกาสที่ผู้ใช้จะกลืนกินสีที่เป็นส่วนผสมในเจลทินต์เข้าไปในร่างกายง่ายกว่า

เนื่องจากใช้ทินต์ป้ายเข้าไปในริมฝีปากด้านในทั้งบนและล่าง

ซึ่งเป็นเยื่อบุที่บอบบาง หากเป็นสีที่ไม่ใช่สีที่ใช้ผสมอาหาร

เป็นสีต้องห้ามอันตราย หรือสีไม่ได้มาตรฐาน

สารที่อยู่ในสีก็จะซึมเข้าไปตามเยื่อบุปาก

และถูกกลืนกินเข้าไปในร่างกายได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ

โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

ซึ่งจากผลทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่าก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองได้

การเลือกใช้จึงต้องพิถีพิถันในเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ จากที่ อย.ได้ตรวจสอบเครื่องสำอางประเภทลิปสติก

โดยเน้นในแหล่งชุมชนที่มีการจำหน่ายสินค้าราคาถูก

และในจังหวัดที่ติดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 693 ตัวอย่าง

พบสีห้ามใช้ 164 ตัวอย่าง โดยลิปสติกที่ฉลากไม่ครบถ้วน

หรือเป็นภาษาต่างประเทศ พบสีห้ามใช้ถึงร้อยละ 39

ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ดังนั้น

วัยรุ่นที่คิดจะใช้เครื่องสำอางจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ

มีความปลอดภัย โดยดูจากบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปิดผนึกแน่นหนา

ที่สำคัญต้องมีฉลากระบุส่วนผสมสำคัญ แหล่งผลิต ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า

ข้อแนะนำการใช้อย่างชัดเจน

เครื่องสำอางที่แบ่งบรรจุไม่มีฉลากไม่ควรซื้อมาใช้อย่างเด็ดขาด

ยังมีข้อมูลจาก นพ.จิโรจ สินธวานนท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง

ว่าหากลิปสติกมีส่วนผสมของสารต้องห้าม เช่น นิกเกิล โลหะ หรือสารตะกั่ว

ซึ่งเป็นสีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม จะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง

เกิดพิษรุนแรง และพิษดูดซึมเข้าระบบทางเดินอาหาร ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน

ตาพร่ามัว หรือทำให้ริมฝีปากปวดแสบปวดร้อน คัน เห่อแดง บวม หรือลอกเป็นขุย

และแม้จะเป็นลิปสติกที่ได้มาตรฐาน

แต่การใช้ทาบนริมฝีปากซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนวันละหลายครั้ง

และสัมผัสริมฝีปากเป็นเวลานานๆ

อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายกว่าผิวหนังบริเวณอื่น

โดยสาเหตุมาจากน้ำหอมที่เป็นส่วนผสม

หรืออาจมีสารบางชนิดกระตุ้นให้เกิดการแพ้

นอกจากนี้ สีในลิปสติกบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับแสงแดด

ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ

ส่วนลิปสติกที่มีไขมันและน้ำมันน้อยอาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตก ทำให้แพ้ง่าย

โดยระยะในการแพ้จะอยู่ในช่วง 7-10 วัน

ที่ผ่านมาพบว่าสีลิปสติกที่ทำให้ผู้ใช้แพ้มากที่สุด ได้แก่กลุ่มที่ให้สีสด

คือ สีส้ม ชมพู และแดง แต่การแพ้นั้นไม่ได้เกิดทุกคน

ปกติวัยรุ่นมักจะมีริมฝีปากเป็นสีที่เป็นธรรมชาติสวยอยู่แล้ว

เพราะเป็นวัยที่มีสุขภาพดี การดูแลความสะอาดริมฝีปากและทาลิปมันหรือลิปกลอส

เพื่อให้ความชุ่มชื้นจึงเพียงพอแล้ว และหากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

จะยิ่งช่วยให้ระบบการสูบฉีดเลือดในร่างกายดี

ทำให้ปากและแก้มเป็นสีชมพูตามธรรมชาติยิ่งขึ้น

ทั้งควรเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารและวิตามินครบถ้วน ดื่มน้ำมากๆ

เพื่อให้ปากชุ่มชื้น

หากต้องการจะใช้เครื่องสำอางขอให้เลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพเชื่อถือได้

มีการรับรองมาตรฐานถูกต้อง และควรสังเกตอาการแพ้ด้วย

เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้

ดังนั้นแล้วสาวๆ ที่คิดจะใช้ลิปสติกแบบทินต์

ก็ควรเลือกที่มีมาตราฐานรับรองความปลอดภัยชัดเจนนะคะ

อย่าเสี่ยงไปซื้อตามตลาดนัดที่ไม่ทราบยี่ห้อ

หรือไม่มีการรองรับที่ชัดเจนว่าปลอดภัย

จะได้ไม่เสี่ยงต่อสุขภาพของตัวเองนะคะ

เครดิตภาพ: pinterest

ที่มา: รู้ไปโม้ด โดย?น้าชาติ ประชาชื่น [email protected] นสพ.ข่าวสด



บทความแนะนำ


KARMARTSโปรโมชั่นโอกินาวาโบว์ชญาดาไต้ฝุ่นแบงค์ไฮโซข่าวบันเทิงวันนี้เฝ้าระวังพายุไต้ฝุ่นทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก