กระโดดเชือกอย่างไรให้เฟิร์ม
ว่าด้วยเรื่องการกระโดดเชือก นับว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ที่รักสุขภาพ
ด้วยวิธีการเล่นที่ง่ายๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการกระโดดเชือกเพียง 10-15
นาทีเบิร์นเทียบเท่ากับการวิ่งจ๊อกกิ้ง 30 นาที หรือการเต้นแอโรบิก 1
ชั่วโมง แต่เดี๋ยวก่อน !! ถ้าจะให้กระโดดเชือกใครๆ ก็กระโดดได้
แต่จะมีวิธีไหนนะที่ทำให้หุ่นกระชับได้ทันใจ slimming
เดือนนี้ขออาสาพาไปกระโดดเชือกอย่างถูกวิธีให้สัดส่วนกระชับเป๊ะเวอร์กันเลยหยิบรองเท้าออกกำลังกายคู่โปรดเตรียมโดดกันเลย
1 กระโดดข้ามเชือก แค่ต่ำๆ สูงไม่เกิน 1-2 นิ้ว จากพื้น (แค่กระโดดให้ข้ามเชือกได้ก็พอ)
2 ท่าทางขณะกระโดด จะต้องเปิดส้นเท้า ใช้ปลายเท้ารับน้ำหนักตัว และงอเข่าด้วยเล็กน้อยเสมอ
3 ท่าการหมุนเชือก ข้อศอกจะต้องแนบลำตัว
และใช้เฉพาะข้อมือในการหมุนเท่านั้น ให้เชือกหมุนเป็นวงกลม
โดยไม่ต้องกางแขนออกและใช้ท่อนแขนหรือหัวไหล่ช่วยหมุน
ซึ่งจะช่วยให้เชือกหมุนด้วยความราบเรียบต่อเนื่อง
และสามารถควบคุมความเร็วในการหมุนเชือกให้สูงได้ตามที่เราต้องการก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การกระโดดเชือกที่ใช้ออกกำลังกายในที่นี้
ไม่เหมือนกับการกระโดดเชือกที่เราเคยเล่นกับเพื่อนตอนเด็กอย่างที่คิด
เพราะการกระโดดลักษณะนั้นอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บแต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไป
เพราะมันก็ไม่ได้ยากและอันตรายขนาดนั้น
ข้อสำคัญก็คือก่อนและหลังการกระโดดเชือกทุกครั้ง อย่าลืม warm up
ยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดการบาดเจ็บลงได้ และมาที่ขั้นตอนการเตรียมเชือก
สิ่งที่สำคัญก็คือความยาวของเชือก
โดยความยาวที่เหมาะสมจะช่วยให้กระโดดได้ง่ายไม่สะดุดบ่อย
ซึ่งวัดได้โดยใช้เท้ายืนเหยียบกึ่งกลางเชือก
ดึงปลายเชือกทั้งสองข้างขึ้นมาจนเชือกตึง
ปลายด้ามจับต้องเสมอกับระดับรักแร้พอดีการกระโดดลักษณะนี้จะเป็นการกระโดดอย่างนุ่มนวลและเบาๆ
ซึ่งจะต่างจากการกระโดดเชือกที่เราเคยเล่น เพราะไม่ใช่การกระโดดสูงๆ
และหมุนเชือกแรงๆ หรือใช้หัวไหล่หมุนเชือก ซึ่งท่ากระโดดลักษณะนี้
จะสร้างแรงกระแทกสูง และอาจทำให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมได้
การกระโดดเชือกช่วยเผาผลาญส่วนไหนบ้างนะ
การกระโดดเชือก ร่างกายจะได้ออกกำลังทั้งช่วงล่างและช่วงบนไปพร้อมๆ กัน
ช่วยให้แขน ขา หน้าท้อง แข็งแรงและกระชับขึ้น ควรกระโดดให้ได้วันละ 5-15
นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นวันละ 20-40 นาที ประมาณสัปดาห์ละ 3-4 วัน
จุดสำคัญ สาวๆ ต้องมีความอดทนทำอย่างสม่ำเสมอ
เพราะนอกจากจะได้หุ่นเป๊ะกันแล้ว
ยังช่วยให้ร่างกายทนทานต่อความเหนื่อยได้มากขึ้น ทำให้ระบบหายใจ หัวใจ
ระบบหมุนเวียนโลหิต ทำงานได้ดีขึ้นเรียกว่าได้ครบทั้งหุ่นสวยและสุขภาพแข็งแรงกันเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพประกอบจาก :
http://www.istockphoto.com/
เนื้อหาโดย :
นิตยสาร แม่บ้าน