16 เคล็ดลับ กิน ? ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก เพื่อรูปร่างในฝันของคุณ
ท่ามกลางภาวะที่เร่งรีบในปัจจุบัน อะไรๆ ก็ต้องรวดเร็วไปหมด
หลายคนต้องรีบออกจากบ้านแต่ไก่โห่เพื่อไปโรงเรียนหรือทำงาน
แทบไม่มีเวลาทานมื้อเช้าหรือไม่ก็ทานแบบด่วนๆ
ก่อนจะไปติดอยู่ในจราจรสุดโหดยามเช้า
จากนั้นก็ใช้เวลาทำงานหรือเรียนหนังสือหลายชั่วโมง
และทานมื้อเที่ยงอย่างรีบเร่ง
กว่าจะกลับถึงบ้านพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
ทำให้ไม่มีแรงหรือเวลามากพอกับการเตรียมมื้อเย็นที่ดีต่อสุขภาพ แล้วไหนจะออกกำลังกายอีกล่ะ บ่อยครั้งที่เราอาจไม่ได้ออกกำลังบ่อยนัก เพราะรู้สึกเมื่อยล้าจนอยากจะอยู่นิ่งๆ หรือไม่ก็นอนหลับไปเลยคุณว่าเรื่องราวข้างบนมันฟังดูคุ้นๆ ไหม?
วันหนึ่งคุณอาจจะประหลาดใจในสิ่งที่คุณไม่เคยสังเกต
หรือปฏิเสธกับตัวเองมาตลอด?นั่นคือ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งหนทางแก้ไขก็คือการรีดน้ำหนักส่วนเกินออกไป
ฟังดูเหมือนง่ายแต่มันไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ เลย
แต่โชคดีที่เราได้รับคำแนะนำดีๆ
ในการควบคุมน้ำหนักจากกูรูเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพอย่าง ดร. แมเรียน
เฟล็คชเนอร์-มอร์ส หัวหน้าคณะผู้วิจัยด้านโภชนาการและโรคอ้วน ณ
มหาวิทยาลัยอูล์ม ประเทศเยอรมนี ได้แบ่งปันเคล็ดลับการใช้ชีวิตประจำวัน 16
ข้อเพื่อให้มีสุขภาพดีและห่างไกลความอ้วน และที่สำคัญมันไม่ได้ยากจนเกินไป
ขอเพียงคุณมีความตั้งใจเท่านั้น1. ชั่งน้ำหนักเป็นประจำ และสังเกตตัวคุณเองด้วยว่าช่วงนี้คุณรู้สึกว่าเอื่อยเฉื่อยหรือเปล่า หรือเสื้อผ้าที่ใส่เริ่มคับไปหรือยัง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกว่าน้ำหนักตัวกำลังเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ2. ตั้งเป้าหมายและทำตามอย่างมุ่งมั่น กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ?ฉันจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัมก่อนจะถึงวันปีใหม่ เพราะฉะนั้นฉันจะทานสลัดเป็นอาหารเย็นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง? เป็นต้น
3. หลีกเลี่ยงสิ่งล่อตาล่อใจต่างๆ
ไม่ว่าจะเยลลี่สีสันสดใสเอย คุ้กกี้เอย เฟรนช์ฟรายและไก่ทอดร้อนๆ
ไหนจะโซฟานุ่มสบายน่าซุกตัวนอน แล้วยังรายการทีวีสุดโปรดอีก
คุณต้องตั้งสติดีๆ คิดก่อนกิน ออกกำลังกายก่อนนั่งเล่นนอนเล่น
4. ออกกำลังกายทุกวัน แม้เพียงเล็กน้อย เช่น เดินให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ หรือเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์
5. ออกกำลังกาย 3 ประเภทนี้อย่างสม่ำเสมอ โดยทำสลับกันไป ได้แก่
? บอดี้คอมโพสิชั่น เทรนนิ่ง หรือเวทเทรนนิ่ง
โดยใช้อุปกรณ์แบบพิเศษหรือจะใช้ฟรีเวท (เช่นดรัมเบล หรือบาร์เบล)
เพื่อช่วยเพิ่มกำลังและสมรรถภาพให้กับกล้ามเนื้อและยังช่วยเผาเผลาญไขมัน
? การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือแอโรบิค เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
และว่ายน้ำซึ่งช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายจะทำงานได้ดีขึ้น
และช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารด้วยล่ะ
? การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น โยคะ หรือพีลาทิส ช่วยลดความตึงเครียดของร่างกาย
? หากเราจะออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโอต่อเนื่องกัน ให้เริ่มเวทเทรนนิ่งก่อน จากนั้นค่อยทำคาร์ดิโอหรือแอโรบิคต่อ
6. ทานให้หลากหลาย
การทานอาหารที่ดีคือการเลือกทานอาหารหลายๆ ประเภทอย่างมีสมดุล
โดยเฮอร์บาไลฟ์แนะนำว่า
ร่างกายคนเราต้องการสัดส่วนของประเภทอาหารที่ให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตร้อย
ละ 45 โปรตีนร้อยละ 30 และไขมันร้อยละ 25 (ควรเลือกโอเมกา 3
และจำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัว)
7. พยายามทานอาหารจากธรรมชาติให้มากที่สุด
เช่น อาหารที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป เลือกทานปลาหรือเนื้อสัตว์ปีก
แทนที่จะทานหมูหรือเนื้อแดงหรือเนื้อที่ผ่านการแปรรูป เลือกทานผักและผลไม้สดๆ แทนที่จะเป็นอาหารทอด และเลือกทานโฮลเกรน (ธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย) เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทนขนมปังธรรมดา
8. เลือกทานผลไม้สดๆ แทนที่จะเป็นน้ำผลไม้ ยกตัวอย่าง คุณต้องใช้ส้มจำนวน 6-8 ลูกสำหรับน้ำส้ม 1 แก้ว ทำให้คุณดื่มเข้าไปแต่แคลอรี่ แต่ไม่มีไฟเบอร์หรือกากใยของผลส้มเลย
9. ลดจำนวนน้ำตาลลง หลีกเลี่ยงเมนูของหวานและเครื่องดื่มอย่าง น้ำอัดลม กาแฟเย็น ชานม และสมูทตี้ที่ใส่น้ำตาลมากๆ
10. ลดปริมาณไขมัน
ไขมันบางชนิดสามารถทานได้ถ้ามาจากแหล่งไขมันที่ดีอย่างถั่วต่างๆ
เมล็ดธัญพืช หรือน้ำมันพืชที่ได้จากบีบแบบไม่ใช้ความร้อน
รวมทั้งเลือกใช้กะทะเคลือบผิวแบบนันสติ๊คในการทำอาหารเพื่อลดน้ำมัน
11. ดื่มโปรตีนเชคหรืออาหารเสริมทดแทนมื้ออาหาร
ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า เที่ยง หรือเย็น
โดยเครื่องดื่มเชคมีการควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสม
รวมถึงมีสารอาหารหลักและสารอาหารรองต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ
12. ลดปริมาณอาหารลง หลีกเลี่ยงเมนูขนาดบิ๊กไซต์ โดยเฉพาะตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย
13. หลีกเลี่ยงร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่ทานได้ไม่อั้น เพราะคุณจะบังคับตัวเองให้หยุดทานได้ยากมาก
14. เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ และหยุดทานเมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองอิ่มแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานอาหารให้หมดจาน
15. อย่าทานอาหารเมื่อคุณรู้สึกเครียดหรือเบื่อ เปลี่ยนเป็นเดินเล่นหรือคุยกับเพื่อนๆ แทนดีกว่า
16. ทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ หากเผลอทานมากเกินไปในวันหนึ่ง ให้ลดปริมาณแคลอรี่ในวันถัดไป และไม่ทานขนมจุกจิกระหว่างมื้ออาหาร
ไม่มีเวทมนต์วิเศษใดจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้อย่างมหัศจรรย์
คุณต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้
แล้วคุณก็จะเห็นผลลัพธ์ของการใส่ใจสุขภาพตัวเองในระยะยาว
แถมยังทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีขึ้นใน
ทุกๆ วัน ด้วยที่มาบทความจากเฮอร์บาไลฟ์