อันตราย! กินยาสลายไขมันมากไป เสี่ยงมะเร็งและความจำเสื่อม

อ่าน 13,465

โรคหัวใจเป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันและเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิต 610,000 คนต่อปี ซึ่งมีทฤษฎียอดนิยมเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นสูงของคอเลสเตอรอลที่นำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ และการแก้ปัญหาของหลายคนคือการใช้ยาเพื่อลดการเกิดภาวะการเป็นโรคหัวใจ

โชคร้ายนักที่พบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ใช้ยาสลายคอเลสเตอรอลชื่อ Statins ซึ่งไม่ได้ช่วยลดอย่างสรรพคุณที่กล่าว แต่แย่กว่านั้นคือมันส่งผลข้างเคียงอันใหญ่หลวงนำไปสู่การเกิดมะเร็ง

ผลข้างเคียงของยาลดไขมัน (STATINS)

สตาตินส์ เป็นยาที่ใช้ลดระดับค่า LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีซึ่งส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ แม้มันจะถูกสร้างมาเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลแต่จากการศึกษาก็ยังพบว่ายากลุ่มนี้ใช้ไม่ได้ผล

จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์วารสารสุขภาพ Vascular Health and Risk Management พบว่ายาลดไขมันกลุ่ม Statins ไม่สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลแก่ผู้ป่วยโรคหัวใจได้ ตามที่ผู้ผลิตยาชนิดนี้บอกว่ายาจะสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลได้เพียงร้อยละ18 จากผู้ทดสอบทั้งหมด ซึ่งหมายความว่ายากลุ่มนี้จะใช้ไม่ได้ผลกว่าร้อยละ80

อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัญหาแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความไม่มีประสิทธิภาพของยาได้ ผลข้างเคียงของยามีดังนี้

- ท้องร่วง

- ผื่นคัน

- ง่วงนอน

- ท้องผูก

- น้ำตาลในเลือดสูง

- สูญเสียความจำ

- เพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2

มีการศึกษาตีพิมพ์ในวารสารเกี่ยวกับเนื้องอกวิทยาในยุคปัจจุบันพบว่า ยาลดไขมันเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งเต้านมจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นถ้าใช้กลุ่มยาชนิดนี้ นักวิจัยยังพบอีกว่ายากลุ่มนี้อาจจะทำให้เกิดการลุกลามของเนื้องอกในผู้ที่เป็นโรคมะเร็งกระเพราะปัสสาวะอีกด้วย กล่าวได้ว่าเหตุผลที่ยาลดไขมันทำให้เกิดมะเร็งและส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย นักวิจัยยังบอกอีกว่ายาลดไขมันนั้นเพิ่มการเกิดของเม็ดเลือดขาวซึ่งไว้ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค แต่กลับทำให้ภูมิคุ้มกันชนิดอื่นๆในร่างกายอ่อนแอลงและพันฒาเป็นมะเร็งท้ายที่สุด

คอเลสเตอรอลและร่างกาย

หลายคนบริโภคยาสลายไขมันหรือยาประเภทใกล้เคียงเพราะเรื่องคอเลสเตอรอลที่มักจะส่งต่อร่างกาย และเชื่ออีกว่าคอเลสเตอรอลเป็นปัญหาต่อเส้นเลือดอุดตันทำให้เกิดโรคหัวใจ ดร.เบพเวอลี่ ทีเตอร์ นักชีวเคมีด้านไขมันมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์กล่าวว่าเป็นเพราะความผิดพลาดของนักวิทยาศาสตร์หลายปีก่อน

ดร.ทีเตอร์เชื่อว่าคอเลสเตอรอลไม่ใช่เหตุของการเป็นโรคหัวใจ เพราะนักวิทยาศาสตร์สังเกตว่าระดับคอเรสเตอรอลที่สูงขึ้นในเส้นเลือดที่ได้รับความเสียหาย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เชื่ออีกว่าคอเรสเตอรอลเป็นส่วนช่วยในการแก้ปัญหาการเกิดการอักเสบมากกว่า

เธอบอกว่าการบาดเจ็บเริ่มจากอักเสบ ร่างกายจึงส่งคอเลสเตอรอลไปช่วยปกคลุมเพื่อป้องกันระบบเลือดไม่ให้ผนังหลอดเลือดเสียหายเพิ่ม

การป้องกันการเกิดโรคหัวใจนั้น ดร.ทีเตอร์ยังแนะนำว่าควรเลี่ยงอาหารไขมันต่ำ แต่เลือกอาหารที่มีคุณสมบัติเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านการอักเสบ เช่น โอเมก้า 3 กรดไขมันอิ่มตัว และไขมันธรรมชาติ อาหารประเภทอื่นๆก็ไม่ควรเป็นไขมันทรานด์พบในอาหารทอดและขนมอบ

นี่คือประเภทอาหารที่มีคุณค่าสูงต้านการอักเสบ

- ไข่ไก่

- น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์

- ถั่วฮิกเกอรี่

- ถั่ววอลนัท

- ถั่วพีแคน

- ปลาแซลมอนป่า

- ถั่วแระญี่ปุ่น

อย่าลืมทานอาหารเหล่านี้ด้วย และในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้เพราะมันจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น

- เนยเทียม

- อาหารทอด

- ขนมขบเคี้ยว

- พาย

- น้ำตาลไอซิ่ง

- ครีมนมเทียม

พยายามหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์อาหารทอดหนักๆ อาการเหล่านี้เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบและเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล การรวมของสภาวะทั้งสองอย่างนี้จะเพิ่มความเสี่ยงพัฒนาการเกิดโรคหัวใจ



บทความแนะนำ


ข้อมูลข่าวสารการแต่งหน้าสารเคมีครีมกันแดดฆาตกรต่อเนื่องTheDevilintheWhiteCityParamountPicturesรีวิวครีมกันแดดทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก