13 ช่วงเวลาสุดเงียบเหงาที่ทุกคนต้องประสบพบเจอในชีวิต

แม้ว่าเราจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนจำนวนมาก พร้อมพรั่งด้วยสมบัตินับไม่ถ้วน และข้อมูลมหาศาลที่อยู่รายล้อมรอบตัว แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องรู้สึกเงียบเหงาและว้าเหว่ ความรู้สึกเหงาอาจไม่ใช่สิ่งที่น่าปรารถนาแต่ความเหงานี่แหละคือคุณสมบัติที่ทำให้เราเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง เราทุกคนต้องเผชิญกับช่วงเวลาดังกล่าวในชีวิตและนี่คือบางส่วนของช่วงเวลาอันแสนเงียบเหงาเหล่านั้น

1. เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับใครได้

มีหลายครั้งที่เราอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากแต่กลับรู้สึกเหงาและถูกตัดขาดจากคนรอบตัว คุณอาจรู้สึกแบบนี้ได้หลังจากที่เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศใหม่ ก้าวเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่ๆ เริ่มต้นทำงานในที่ใหม่ หรือเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใหม่ อย่ากังวลไปเพราะนี่คือเรื่องปกติที่คุณจะมีช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยวเป็นของตัวเอง

2. เมื่อคุณสูญเสียผู้คนอันเป็นที่รัก

เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเราทั้งเพื่อนและคนที่เรารักอาจมีการเจ็บป่วยและล้มตายซึ่งเกิดจากสาเหตุธรรมชาติและผิดธรรมชาติ น่าเศร้าเหลือเกินที่เราไม่อาจพบเจอพวกเขาได้อีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะยังคงอยู่ในจิตใจของเราเสมอเหมือนกับที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า ?อย่าเศร้าไปเลยที่มันจบลงแล้ว แต่จงดีใจที่มันเกิดขึ้น?

3. เมื่อคุณสูญเสียคนรักให้กับงาน

เมื่อเพื่อนๆและคนรักของคุณต่างมีความก้าวหน้าในชีวิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงงานยุ่งและมีภาระเพิ่มขึ้นอีกมากมาย หลังจากที่เรียนจบเพื่อนๆแต่ละคนจะแยกย้ายไปทำงาน ขณะที่บางส่วนก็แต่งงานและมีลูก ระยะเวลาที่เราเคยใช้ร่วมกันก็จะค่อยๆลดลงอย่างมาก ทว่านี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องเพราะเรายังต้องสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นต่อไป แม้ว่าเราจะไม่มีเวลาแต่เราก็สามารถหาเวลาให้กับสิ่งต่างๆหรือคนสำคัญของเราได้เสมอ

4. เมื่อคุณต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

การเก็บกระเป๋าและย้ายไปอยู่ต่างประเทศหมายความว่าคุณอาจจะทิ้งเพื่อน ครอบครัว ความสุขสบาย และสังคมเดิมๆไว้ข้างหลังและเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณอาจจะรู้สึกเหงาเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมใหม่ที่คุณไม่รู้จักใครเลย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการผจญภัยครั้งใหม่ จงให้เวลากับมันและสร้างมิตรภาพใหม่ๆที่นั่น

5. เมื่อคุณมีความคิดแจ๋วๆแต่ไม่มีใครฟัง

ลองนึกภาพว่าคุณแบ่งปันสิ่งที่น่าตื่นเต้นกับเพื่อนแต่ความคิดของคุณกลับถูกเพิกเฉยซะงั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร? ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นไปได้ว่าคุณยังไม่พบกลุ่มคนที่สนใจความคิดของคุณจริงๆ เพียงเปิดกว้างในการพบปะเพื่อนใหม่ๆและในที่สุดคุณก็จะพบคนที่ชื่นชมคุณอย่างแท้จริง

6. เมื่อคุณมีความฝันยิ่งใหญ่แต่ไม่มีใครเข้าใจ

คล้ายกับประเด็นก่อนหน้านี้ พวกเขาทำเหมือนกับว่าฉันพูดคนละภาษากับพวกเขาหรือไม่ก็คิดว่าความฝันของฉันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เป็นไร ฉันไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวหรือชักจูงใครให้มาเชื่อตราบใดที่ฉันยังเป็นคนรับผิดชอบชีวิตและโชคชะตาของตัวเอง ฉันไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาต การอนุมัติ หรือการตรวจสอบจากคนอื่นเพื่อที่จะได้มีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ

7. เมื่อคุณ ?ประสบความสำเร็จ? แต่ยังรู้สึกว่างเปล่า

ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพของตัวเองอาจจะเก่งในโลกธุรกิจแต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อได้ไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ความจริงอันโหดร้ายคือเมื่อคุณพยายามไล่ตามความสำเร็จในชีวิต คุณก็มักจะทิ้งใครบางคนไว้เบื้องหลัง ดังนั้นแทนที่จะจมปลักอยู่บนหอคอยงาช้าง คุณควรกลับมายังพื้นดินและช่วยคนอื่นให้ประสบความสำเร็จบ้างดีกว่า

8. เมื่อคุณพยายามแต่ไม่มีใครเข้าใจ

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจเมื่อคุณพ่ายแพ้ ต่อสู้ และหมดแรง บางคนอาจจะเยาะเย้ยกับความพยายามของคุณขณะที่คนอื่นอาจตั้งคำถามว่าคุณพยายามทำอะไรอยู่ อย่าปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ขัดขวางคุณได้เพราะยังมีคนอีกมากมายกำลังเผชิญปัญหาเดียวกับคุณและพวกเขาก็จะเข้าใจคุณ

9. เมื่อคุณพลาดโอกาสที่ไม่มีวันหวนกลับมา

ฉันรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือไปและน่าเสียดายที่โอกาสเหล่านั้นจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว แต่ในไม่ช้าโอกาสใหม่ๆก็จะผ่านเข้ามาในเส้นทางของคุณอีกอย่างแน่นอน

10. เมื่อมีใครบางคนทิ้งคุณไปเพื่อสิ่งอื่นหรือคนอื่น

มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ที่อาจจะนอกใจ หักหลัง หรือเลือกที่จะไปหาสิ่งอื่นหรือคนอื่นที่ ?ดีกว่า? อย่างง่ายดาย สถานการณ์เหล่านี้อาจสร้างความหดหู่และสิ้นหวัง ทำให้พวกเขาสงสัยในคุณค่าของตัวเองและอาจปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกเพื่อป้องกันความเจ็บปวดในอนาคต ดังนั้นคุณต้องลุกขึ้นยืนและก้าวต่อไป แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเลือกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณได้แต่คุณก็ยังเลือกวิธีรับมือกับมันได้

11. เมื่อคุณต้องเสียสละเพื่อบางสิ่งหรือคนอื่น

ในกรณีเช่นนี้คุณอาจต้องเก็บกระเป๋า ก้าวต่อไป และไม่หันกลับไปมองข้างหลัง อย่าลืมว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นและคุณก็สมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า ทางที่ดีคุณควรก้าวออกมาจากตรงนั้นและมุ่งหน้าต่อไปเพราะโลกที่ดีกว่ารอคุณอยู่

12. เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่น่ากลัวที่สุดของคุณ

เมื่อหลายปีก่อนฉันขาดความเชื่อมั่นในตนเองอย่างรุนแรง ฉันจะเกิดอาการสั่นเมื่อต้องสบตาคนอื่นในการสนทนาเชิงลึก ฉันเคยอ้างว่าตัวเอง ?เป็นคนเก็บตัว? เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน อย่างไรก็ตามฉันจำเป็นต้องเอาชนะความกลัวในการพูดคุยกับคนอื่น ฉันจึงค่อยๆก้าวออกมาจากเปลือกและปัจจุบันฉันก็สามารถพูดต่อหน้าสาธารณะได้อย่างมั่นใจแล้ว

13. เมื่อคุณก้าวออกมาจากพื้นที่สุขสบายของตัวเอง

ความรู้สึกเหงาสามารถโจมตีเราได้ทันทีที่ก้าวออกมาจากพื้นที่สุขสบายของตัวเอง ในทางกลับกันโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเราก็อยู่นอกพื้นที่สุขสบายเช่นกัน และเมื่อก้าวออกมาเราจะได้ทำในสิ่งที่มีความหมายอย่างแท้จริง ขอให้ทุกคนอย่าหวาดหวั่นเมื่อต้องเผชิญกับฤดูกาลอันแสนเงียบเหงาในชีวิต อันที่จริงความเหงาคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์และข่าวดีคือทุกปัญหาจะมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์เสมอ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งนี้เพียงลำพัง