เตือนภัย!! 12 เมนูแสนอร่อย แต่แฝงไปด้วยโทษมหาศาล
เพื่อนๆ เคยลองสังเกตตัวเองไหม ว่าในแต่ละมื้ออาหารเราทานอะไรกันบ้าง
ทานอาหารครบ 5 หมู่กันหรือเปล่า หรือว่าทานแต่เนื้อสัตว์
อาหารฟาสต์ฟู้ดกันเพียงอย่างเดียว ถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลังเป็นอย่างนี้อยู่
ควรจะลดหรือเลี่ยงการรับประทานอาหารจำนวนพวกนี้บ่อยๆ นะ
เพราะมันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ในระยะยาว
ถึงบางทีอาจจะไม่ได้เห็นผลกระทบในตอนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลเสียตามมา?
เรามาลองดูกันดีกว่า ว่าอาหารอันตรายทั้ง 12
ชนิดที่เราควรเลี่ยงทานให้น้อยลงจะมีอะไรกันบ้าง
1. นักเก็ตไก่
เรียกว่าเป็น Fast Food ที่ไม่สั่งไม่ได้เลยสำหรับน้องๆ หนูๆ
ยันรุ่นปู่รุ่นย่าที่อยากรู้ว่าหลานๆ เขากินอะไรกินอยู่ แต่ขอโทษละ
ถ้าคุณได้ไปเห็นกระบวนการผลิตของเจ้าเมนูนี้ละก็รับรองว่าคุณคงอยากทานมัน
เป็นครั้งสุดท้าย และต่อให้คุณไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ
นักเก็ตก็ยังเป็นอาหารที่มีปริมาณเกลือ
และไขมันที่เกินกว่าร่างกายต้องการอยู่ดี2. เฟรนช์ฟรายด์
ตามกันมาติดๆ เรียกว่าขาดไม่ได้สำหรับใครที่ชอบรสชาติเค็มๆ มันๆ
ของเฟรนช์ฟรายด์ ต่อให้รู้อยู่แล้วว่านี่คือของว่างที่ให้แคลอรี่สูงปรี๊ด
แต่มีสารอาหารน้อยมาก ถ้าใครทานเป็นประจำ นอกจากจะเสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วนแล้ว
ยังส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงอีกด้วย แต่ถ้ามันอดไม่ได้จริงๆ
ก็แนะนำให้อบแทนทอดละกัน3. ขนมขบเคี้ยว
เช่นเดียวกับเฟรนช์ฟรายด์ เพราะเหล่าขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย
ล้วนแต่ใส่เกลือในสัดส่วนเกินพอดีทั้งสิ้น และยังไม่ต้องนับปริมาณแคลอรี่
และสารกันบูดที่อยู่ในระดับที่ทำลายสุขภาพได้ง่ายๆ4. น้ำอัดลม
แม้จะมีแคลอรี่เท่ากับศูนย์
แต่ก็ไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้นโซดาที่ขายๆ กันอยุ่ทุกวันนี้
ยังผ่านการปรุงแต่งรสแต่งกลิ่นด้วยน้ำเชื่อมฟรุกโตสที่ทำจากข้าวโพดที่ให้
โทษมากกว่าน้ำตาลซะอีก
เพราะมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไปเพิ่มระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่มีส่วน
ทำลายเซลล์ในตับ และยังทำให้อ้วนเอาง่ายๆ อีกด้วย5. ฮอทดอกและเนื้อแปรรูป
นอกจากจะเป็นเนื้อผสมแป้งที่ผ่านกระบวนการผลิตโดยใช้สารสังเคราะห์ใน
ปริมาณสูง รวมทั้งมีผงชูรส เกลือ
ที่สำคัญในขั้นตอนการแยกเนื้อและไขมันนั้นต้องผลิตภายใต้ความร้อนและความดัน
ที่สูงมาก ทำให้สารอาหารที่มีประโยชน์สูญเสียไปเยอะจนแทบไม่เหลืออะไรเลย6. แฮมเบอร์เกอร์
เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน จากการศึกษาพบว่า
ผู้หญิงที่รับประทานแฮมเบอร์เกอร์ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
จะมีแนวโน้มเป็นเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่ทาน7. ซีเรียลผสมน้ำตาล
อาหารเช้าอย่างซีเรียล
ทราบหรือไม่ว่าแต่ละกล่องเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปในระดับเสี่ยงเป็นเบาหวาน
แม้คุณสมบัติเส้นใยสูงจะช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
แต่ซีเรียลเหล่านี้ก็มีไฟเบอร์อันเป็นประโยชน์ในสัดส่วนที่ต่ำมาก
ถ้าอยากกินจริงๆ ให้มองหาซีเรียลที่ข้างกล่องระบุไว้ว่ามีไฟเบอร์ประมาณ 5
กรัม และเลี่ยงชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลสูง8. มันฝรั่งทอดชนิดแผ่น
มันฝรังแผ่นทอดกรอบต่างๆ อุดมไปด้วยไขมันและแคลอรี่ ที่สำคัญเค็มมาก
ทั้งหมดนี้แทคทีมกันทำร้ายสุขภาพ ทางที่ดีควรกินให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้
เพราะเท่ากับจะได้หนีจากปริมาณไขมันและแคลลอรี่ในปริมาณที่ร่างกายเกินต้อง
การ และไปลงท้ายด้วยการสะสมในน้ำหนักจนพุ่งกระฉูด
ซึ่งจะนำไปสู่โรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอีกสารพัด9. กราโนลา บาร์
หมายถึงบรรดาอาหารเช้าที่ประกอบด้วยนม ผลไม้แห้ง
และผลไม้เปลือกแข็งหรือข้าว ที่มาในรูปของขนมอัดแท่ง
ที่ดูแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ
แต่ความจริงคือมีปริมาณน้ำตาลไซรัปข้าวโพดสูงเป็นพิเศษ
และแม้บางยี่ห้อจะโฆษณาว่ามีส่วนผสมของน้ำผึ้งแท้
แต่สารให้ความหวานส่วนใหญ่ก็ยังมาจากน้ำตาลไซรัปข้าวโพดอยู่10. คุกกี้ แครกเกอร์ เค้ก และมัฟฟินสำเร็จรูป
ขนมเหล่านี้จัดอยู่ในสินค้าหมวดเดียวกันของร้านสะดวกซื้อ
เพราะมีผลต่อสุขภาพใกล้เคียงกัน นอกเหนือจากปริมาณน้ำตาลและเกลือที่สูงมาก
ขนมเหล่านี้ยังประกอบไปด้วยไขมันชนิดทรานส์
ซึ่งผู้ผลิตนิยมใช้เพราะราคาถูกว่าไขมันที่มีประโยชน์ขนิดอื่นๆ
และยังช่วยยืดวันหมดอายุ และ ทำให้หน้าตาขนมดูดีไปได้เป็นระยะเวลานาน11. ข้าวโพดคั่วไมโครเวฟ
ข้าวโพดชนิดนี้ล้วนผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรม ยังไม่รวมสารกันบูด
และเกลือที่ใส่ลงไปไม่ยั้ง มากกว่านั้น ยังมีสารไดอะซิติล
สารที่อยู่ในเนยหรือน้ำมันที่ใช้ในการเพิ่มรสและกลิ่น
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดหลอดลมอักเสบ หลอดลมถูกทำลาย ถ้าอยากกินจริงๆ
ให้เลือกชนิดที่ปลูกแบบออร์แกนิค และ
ซื้อมาทำเองที่บ้านด้วยส่วนผสมเตรียมเองเช่นกัน12. มาการีน
ดูเป็นทางเลือกรองจากเนยแท้ ซึ่งหลายบ้านมีไว้คู่ครัว
ข้อเสียประการสำคัญคือ อุดมไปด้วยไขมันทรานส์ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ
อย่างโรคอ้วน นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วย อนุมูลอิสระ สารกันบูด
สารอีมัลซิฟายเออร์-ป้องกันการแยกตัวของน้ำและน้ำมัน และ เฮกเซน ?
สารทำลายละลาย ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ??????????????????????
ที่มา :www.krabork.com ,www.healthiie.com