ในที่สุดฉันก็นอนหลับอย่างเต็มอิ่มและเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง

อ่าน 9,610

เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับขั้นรุนแรงซึ่งเป็นเหตุให้ทางเดินหายใจยุบลงระหว่างการนอนหลับ สกัดกั้นการไหลเวียนของอากาศ ทำให้รบกวนการพักผ่อน และจำกัดปริมาณออกซิเจนที่เข้าไป นอกจากนี้ฉันยังมีภาวะขากระตุกขณะหลับ (PLM) และมักพบว่ากล้ามเนื้อขาเกร็งและคลายตัวอยู่บ่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับบอกว่าดัชนีการตื่นของฉันคือ 97 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างรุนแรงจนทำให้เขาอยากรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ฉันเดาว่าตัวเองเคยชินกับการอดนอน แพทย์ได้เพิ่มตัวยา Ropinirole (ยารักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน) ในปริมาณต่ำสำหรับ PLM พร้อมกับสั่งเครื่องเป่าความดันลมเพื่อขยายทางเดินหายใจ (CPAP) เพื่อป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจยุบลง เมื่อผ่านไปราว 1 เดือนอาการก็ค่อยๆดีขึ้นและยังมีอีก 8 วิธีที่ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังไม่นับประโยชน์ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวจากการนอนหลับที่ดีขึ้นเลยนะ!

1. ในที่สุดฉันก็รู้สึกถึงการนอนหลับอย่างเต็มอิ่มอีกครั้ง

เมื่อฉันเข้าร่วมการศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับ พวกเขาสั่งให้ฉันใส่เครื่อง CPAP และไปนอน ในคืนนั้นฉันนอนได้ 5 ชั่วโมงด้วยเครื่อง CPAP แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะนอนได้ 10 ชั่วโมงทั้งที่ไม่มีเครื่องนี้ แต่เครื่อง CPAP ก็เจ๋งสุดๆ ในที่สุดฉันก็รู้สึกดีกับการนอนหลับอีกครั้ง

2. อารมณ์แปรปรวนไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป

ฉันไม่หงุดหงิดง่ายเหมือนที่ผ่านมาแต่ก็ยังมีบ้างเวลาทำงาน ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกเพราะอาการอีกอย่างหนึ่งของการอดนอนเรื้อรังก็คืออารมณ์ไม่ดีนั่นเอง

3. ดูเหมือนว่าอาการวิตกกังวลของฉันจะรุนแรงน้อยลง

ฉันมีอาการวิตกกังวลเกินเหตุ (GAD) และความผิดปกติในการนอนหลับจะทำให้ GAD แย่ลง ที่สำคัญ GAD ก็ทำให้ความผิดปกติในการนอนหลับแย่ลงตามไปด้วย! อย่างไรก็ตาม GAD จะรุนแรงน้อยลงหากฉันได้พักผ่อนจิตใจ และเลิกวิตกกังวลเกินเหตุ จากนั้นก็แทนที่ด้วยความคิดเชิงบวกซึ่งเป็นวิธีจัดการกับ GAD ให้คงที่

4. การตื่นตลอดทั้งคืนทำให้ความจำขาดช่วง

ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับฉันกับการตื่นขึ้นมาคืนละ 5-6 ครั้ง บางครั้งฉันต้องอาบน้ำอุ่นกลางดึกเนื่องจากขาของฉันกระตุกอย่างรุนแรงจาก PLM นอกจากนี้ฉันยังต้องดื่มน้ำบ่อยๆเนื่องจากปากแห้งจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมานับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ฉันนอนหลับอย่างเต็มอิ่มโดยที่ไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก

5. ฉันไม่งีบหลับในช่วงกลางวันอีกต่อไป

ฉันไม่เคยทำงานอะไรเสร็จที่ออฟฟิศเลยเนื่องจากทั้งเสียงแอร์ดังเบาๆกับแสงไฟนวลๆเหนือศีรษะมักจะทำให้ฉันเผลอหลับ ทว่าตอนนี้ฉันสามารถทำงานในที่เงียบๆและไม่เผลองีบหลับอีกต่อไปแล้ว บางครั้งฉันมองนาฬิกาและรู้สึกแปลกใจกับความตื่นตัวของตัวเองเหลือเกินทั้งที่ปกติเปลือกตาหนักจะตาย

6. การนอนหลับเพียง 7 ชั่วโมงก็พอแล้วสำหรับฉัน

แม้องค์กรการนอนหลับแห่งชาติจะแนะนำว่าทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-64 ปีควรนอนหลับให้ได้คืนละ 7-9 ชั่วโมงขณะที่ฉันเคยพยายามนอนหลับให้ได้ 10-11 ชั่วโมง แต่ฉันคิดว่าการนอนหลับเพียง 7 ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว

7. การเดินทางในตอนเช้ามีความปลอดภัยมากกว่า

เมื่อสามเดือนก่อนฉันต้องเดินทางไปทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ฉันต้องพยายามมีสติทุกครั้งที่ขับรถในตอนเช้า ตั้งแต่เครื่องดื่มคาเฟอีน เปิดเสียงเพลงดังๆ หรือยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างรถ เป็นต้น บางครั้งฉันต้องนอนที่ลานจอดรถก่อนเข้าไปทำงาน และบางครั้งฉันต้องหยุดงีบหลับระหว่างทาง อุบัติเหตุทางรถยนต์ประมาณ 72,000 ครั้งต่อปีเป็นผลมาจากการง่วงแล้วขับและคุณก็ไม่ควรขับรถถ้าเป็นโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ตอนนี้ฉันยังนึกไม่ออกว่าจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างไรถ้าไม่มีเครื่อง CPAP

8. อย่าไปยุ่งกับปุ่ม snooze มากนัก

ปกติฉันจะวางนาฬิกาปลุกไว้ไกลๆเพื่อบังคับตัวเองให้ลุกออกจากเตียงในตอนเช้า แม้ว่าจะได้ผลแต่สุดท้ายฉันก็ปิดนาฬิกาปลุกและกลับไปนอนต่ออยู่ดี แต่เมื่อเริ่มบำบัดฉันจะวางนาฬิกาปลุกไว้ข้างเตียงและไม่เคยกดปุ่ม snooze มากกว่า 1 ครั้ง ทุกวันนี้ฉันนอนหลับได้ดีขึ้นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่โดยที่ไม่ต้องต่อสู้กับอาการเหล่านี้อีกต่อไป

Blogger : Christopher PostSource : self.com



บทความแนะนำ


ความรักผู้หญิงนอกใจการศึกษาดูดวงความเชื่อทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก