4 เหตุผลที่ควรกินไข่เป็นอาหารเช้า
ท่านอาจารย์กฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหารตีพิมพ์เรื่อง
?เมนูไข่?ไข่?ไข่?? ในวารสาร HealthToday ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2552
(ที่ถูกมองข้าม ปัจจุบันคนเราไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้กันเท่าไหร่นัก
!!!)ท่านกล่าวว่า ไข่เจียวหรือไข่คน (omlette / ออมเลทท์) เป็นอาหารประเภท
?comfort food? หรือทำง่าย อิ่มท้อง และดีกับสุขภาพ
ผู้เขียนขอนำเรื่องคุณค่าของอาหารไข่มาเล่าสู่กันฟัง?4 เหตุผลที่ควรกินไข่เป็นอาหารเช้า
(1). ไข่ไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริง
ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้โคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูงคือ ไขมันอิ่มตัว
เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู การกินเนื้อมากเกิน
(เนื้อที่เห็นเป็นเนื้อแดงก็มีไขมันแฝงอยู่มาก) ฯลฯ และที่ร้ายที่สุดคือ
ไขมันทรานส์หรือไขมันแปรสภาพ ซึ่งส่วนใหญ๋มาจากการนำไขมันพืชไปเติมไฮโดรเจน
ทำให้เกิดเป็นเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม (คอฟฟี่เมต) ที่ใช้ทำเบเกอรี
ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟูดแนวทางในการลดโคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดหลักคือ
การลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ รองลงไปคือ
การออกแรง-ออกกำลังให้มากพอเป็นประจำ
และการกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลให้น้อยลง- ไข่ 1 ฟองมีโคเลสเตอรอลมากถึง 210 มิลลิกรัมก็ใช่
แต่ผลการศึกษาวิจัยพบว่า คนที่กินไข่สัปดาห์ละ 4
ฟองมีโคเลสเตอรอลต่ำกว่าคนที่กินไข่สัปดาห์ละ 1 ฟองหรือไม่กินไข่เลย
- กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ ไข่มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างต่ำ
ทำให้อิ่มนาน และความอิ่มนี่เองมีส่วนทำให้กินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น
เนื้อ อาหารประเภท ?ผัดๆ ทอดๆ? ฯลฯ ลดลง
(2). ไข่มีโคลีนสูง
ไข่ 1 ฟองให้โคลีนมากประมาณ 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน
การกินไข่จึงเปรียบคล้ายการซื้อ ?ประกันชีวิต? ในเรื่องอาหารคุณค่าสูงว่า
โอกาสขาดสารอาหารจะลดลงไปมากมายโคลีน (choline) เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย
โดยเฉพาะผนังเซลล์ของสมองและเซลล์ประสาท
เป็นองค์ประกอบของสารสื่อประสาทที่สมองใช้ในการสื่อสารภายใน (คล้ายๆ
จุดเชื่อมหรือ router ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต)
คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งของโคลีนคือ มันออกฤทธิ์ต้าน (ลด) การอักเสบ หรือป้องกันไม่ให้ธาตุไฟในร่างกายกำเริบได้ในระดับหนึ่งการอักเสบนี้มีผลมากเป็นพิเศษที่ผนังหลอดเลือด
เนื่องจากผนังหลอดเลือดที่มีการอักเสบจะบวม และสูญเสียความ ?เรียบลื่น
(ปกติจะลื่นคล้ายๆ กระทะเคลือบเทฟลอน)? ทำให้คราบไขมันไปพอก
หรือเกล็ดเลือดไปเกาะกลุ่มได้ง่าย(3). ไข่แดงบำรุงสายตา
ลูทีน-ซีแซนทีนเป็นสารพฤกษเคมีหรือสารคุณค่าพืชผักกลุ่ม ?สีเหลือง-แสด?
ช่วยปัองกันจอรับภาพ (retina / เรทินา) โดยทำหน้าที่เป็นตัวกรอง (คล้ายๆ
กับเป็นแว่นกันแดดชั้นดี) แสงสีน้ำเงินหรือฟ้า และรังสี UV (อัลตราไวโอเลต /
ultraviolet) ทำให้ความเสี่ยง (โอกาสเป็น) โรคตาเสื่อมสภาพ
หรือตาบอดในคนสูงอายุ(age-related macular degeneration / ARMD) ลดลงแน่นอนว่า การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า แสงไฟจ้า หรือการอยู่หน้าจอ TV, จอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นการดีที่สุด
ทว่า? ถ้าจำเป็นต้องทำงานกลางแดด ชมโทรทัศน์
หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละนานๆ การพักสายตาอย่างน้อยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
และการกินอาหารที่มีลูทีน-ซีแซนทีนสูง เช่น ผักใบเขียว (เช่น บรอคโคลี
ฯลฯ) ถั่วที่มีสีเขียว ข้าวโพด ฯลฯ ก็ช่วยได้มาก(4). ช่วยลดความอ้วน
การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า คนที่กินไข่เป็นอาหารเช้ามีโอกาสลดน้ำหนักและเส้นรอบเอวสำเร็จมากกว่าคนที่กินขนมปังเป็นอาหารเช้า
กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ ไข่มีโปรตีนคุณภาพสูง ทำให้อิ่มนาน และอย่าลืมว่า
ไม่ใช่กินอาหารเท่าเดิมแล้วเสริมไข่เข้าไป แต่ต้องใช้หลัก ?อาหารทดแทน?
ด้วย คือ กินไข่เข้าไป แล้วลดอาหารอย่างอื่นให้น้อยลงจึงจะได้ผลอาจารย์กฤษฎีแนะนำเคล็ดไม่ลับในการกินไข่ไว้ดังต่อไปนี้
(1). กินพอประมาณ :คนที่มีสุขภาพดี
ไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีความเสี่ยงต่อโรคสูง กินไข่ได้วันละ 1
ฟองคนที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน
เป็นโรคโคเลสเตอรอลสูงพันธุกรรม ฯลฯ ควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนกินไข่(2). เวลาซื้อต้องหมุนไข่ ตรวจสอบให้รอบทิศ > อย่าซื้อไข่ที่มีรูทะลุหรือรอยแตก
(3). เก็บไข่ในตู้เย็นส่วนตัวตู้ จะเก็บไข่ได้นานขึ้น > ส่วนประตูตู้เย็นมักจะเย็นน้อยกว่าส่วนกลางตู้เย็น
(4).
ฟอกไข่ด้วยฟองน้ำล้างจานกับสบู่หรือน้ำยาล้างจานล้างมือหลังหยิบจับเปลือกไข่ดิบทุกครั้ง
เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคท้องเสียติดไปกับเปลือกไข่ได้
สถิติสหรัฐฯ พบว่า โอกาสพบเชื้อท้องเสีย (salmonella) ในไข่มีประมาณ 1 ใน 30,000 ฟอง(5). กินไข่สุก อย่ากินไข่ดิบ : ไข่ดิบ
เช่น ไข่ลวก ฯลฯ มีโปรตีน (avidin) ที่จับวิตามิน B ที่ชื่อ ไบโอทิน
(biotin) ทำให้การดูดซึมลดลง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่อาจมีไข่ดิบผสมอยู่ เช่น ไอศกรีมทำเอง (home-made = ทำที่บ้าน นอกโรงงาน) น้ำสลัดซีซาร์ ฯลฯ
เวลาทำขนมหรือคุกกี้ใส่ไข่ดิบ? ไม่ควรชิมในช่วงที่ขนมหรือคุกกี้ยังไม่สุกองค์ความรู้ในเรื่องไข่คงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 5-10 ปี
ตอนนี้ทางที่ดีคือ ?eat in moderation? หรือ ?กินพอประมาณ (เดินสายกลาง)?
ไปก่อนโคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดประมาณ 80% สร้างที่ตับ?
ตับจะสร้างโคเลสเตอรอลมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์
(กินมากสร้างมาก กินน้อยสร้างน้อย)อีก 20% เป็นโคเลสเตอรอลจากอาหาร
แนวทางการลดโคเลสเตอรอลจึงควรเน้นการลดเจ้าไขมันตัวร้ายเป็นหลัก
รองลงไปจึงจะเป็นการลดโคเลสเตอรอลในอาหาร