10 เหตุผลที่ทำให้คุณลดน้ำหนักไม่สำเร็จซักที
1. ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
อันที่จริงการออกกำลังกายที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีที่สุดคือ HIIT ซึ่งเน้นการฝึกเข้มข้นสูง เช่น ทาบาตะของญี่ปุ่น รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อเน้นการเสริมสร้างระบบเผาผลาญ หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำก็อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จและสุดท้ายก็สูญเสียกำลังใจในการลดน้ำหนัก สำหรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อลดน้ำหนัก คุณควรทำอย่างน้อย 5 วันๆละ 30 นาที แต่โดยปกติแล้วหากต้องการเผาผลาญแคลอรี่จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่านั้น ทางที่ดีคุณควรเลือกออกกำลังกายแบบเข้มข้นสัปดาห์ละ 2-3 วันสลับกับการออกกำลังกายแบบปานกลางเพื่อการเผาผลาญแคลอรี่และเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อควรทำควบคู่ไปพร้อมกับคาร์ดิโอเพื่อช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งสร้างกล้ามเนื้อได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งลดน้ำหนักได้มากเท่านั้น ที่สำคัญได้ผลในระยะยาวด้วย
2. นอนหลับไม่เพียงพอ
การอดนอนจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นยิ่งนอนเยอะก็ยิ่งลดน้ำหนักได้มากขึ้น เนื่องจากการอดนอนจะส่งผลกระทบต่อระบบเผาผลาญทำให้คุณรู้สึกหิวแม้ว่าตอนนั้นจะไม่หิวก็ตาม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการอยากอาหาร รวมถึงทำให้คุณรู้สึกสับสน หดหู่ และอารมณ์แปรปรวนด้วย คุณควรพยายามเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกคืนและถ้าทำได้ควรนอนให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
3. เครียดเกินไป
ความเครียดย่อมส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดน้ำหนักได้น้อยลง การเครียดติดต่อกันจะทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้นและทำให้อยากอาหารเพิ่มขึ้น รวมถึงไขมันที่สะสมบริเวณรอบเอวมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน คลอเรสเตอรอลสูง และปัญหาสุขภาพอื่นๆ คุณควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดเพียงวันละไม่กี่นาที หรือลดชั่วโมงการทำงานลงพร้อมกับเพิ่มเวลาสันทนาการให้มากขึ้น
4. รับประทานอาหารมากเกินไป
หากคุณจริงจังกับการลดน้ำหนักก็ควรจริงจังกับการรับประทานอาหารด้วย เริ่มจากหมั่นสังเกตปริมาณแคลอรี่และสารอาหารต่างๆที่บริโภคเข้าไป ที่สำคัญควรใส่ใจเรื่องระบบเผาผลาญที่จะเสื่อมประสิทธิภาพลงเมื่ออายุมากขึ้นหากคุณไม่รู้จักควบคุมมวลกล้ามเนื้อ คุณควรออกกำลังกายและเริ่มยกน้ำหนักได้แล้วเพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานอย่างเหมาะสม
5. ไม่หมั่นออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการออกกำลังกาย หากคุณทำๆหยุดๆก็เหมือนกับว่าคุณต้องเริ่มใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนอื่นคุณต้องหาโปรแกรมการออกกำลังกายที่ทำให้คุณสนุกและตรงกับการใช้ชีวิตและความต้องการของคุณ
6. ตามใจปากในช่วงวันหยุด
หากคุณมีความสุขกับการกินในช่วงวันหยุด เป้าหมายในการลดน้ำหนักของคุณก็จะถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี การลดไขมันหนึ่งปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) ในหนึ่งสัปดาห์หมายความว่าคุณต้องลดอาหารและออกกำลังกายติดต่อกัน 7 วันเพื่อให้น้ำหนักหายไป 500 แคลอรี่ หลีกเลี่ยงการตามใจปากในช่วงวันหยุด แต่อาจยกเว้นได้สักครึ่งจาน และห้ามกินจนอิ่ม ส่วนช่วงเวลาที่เหลือก็รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพต่อไป ที่สำคัญไม่ควรให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารสุดโปรดที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและไขมัน แต่ควรเลือกอาหารปราศจากแคลอรี่ หรือให้ไปดูหนัง ฟังเพลง นวดผ่อนคลาย หรือเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่แทนจะดีกว่า
7. ไม่ให้เวลาตัวเองในการรอดูผลลัพธ์
อย่าลืมการลดน้ำหนักหนึ่งปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) คุณต้องกำจัดไขมันส่วนเกินวันละ 500 แคลอรี่ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญด้วยการออกกำลังกายมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่วัดค่าไม่ได้ เช่น ระดับในการทำงานหรือระดับความแข็งแรงของคุณ ลองให้เวลาร่างกายของตัวเองในการตอบสนองต่อสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ อาจจะนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าที่มันจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ดังนั้นอย่าเพิ่งสติแตกถ้าคุณยังไม่เห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์ จงอดทนและมีความสุขกับการเดินทางแทนที่จะเอาแต่สนใจปลายทาง
8. มีปัญหาด้านสุขภาพ
โรคที่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัวอย่างชัดเจนได้แก่โรคไทรอยด์ ซึ่งจะทำให้การเผาผลาญน้อยลงและเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมียาอีกไม่น้อยที่ก่อผลข้างเคียงทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม เช่น ยาที่เกี่ยวกับการควบคุมฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด หรือยาสำหรับหญิงวัยหมดประจำเดือน ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน ยารักษาโรคซึมเศร้า โรคเบาหวาน เป็นต้น
9. ถึงจุดอิ่มตัวของการลดน้ำหนัก
เกือบทุกคนที่ลดน้ำหนักมาจนถึงจุดที่ลดไม่ลงแล้ว เนื่องจากร่างกายจะปรับตัวให้เข้ากับการออกกำลังกายของคุณ ดังนั้นคุณควรเปลี่ยนโปรแกรมทุกๆ 4-6 สัปดาห์ นอกจากนี้การรับประทานแคลอรี่ไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายมีพลังงานไม่พอที่จะไปทำกิจกรรมต่างๆ น้ำหนักตัวจึงไม่ลดลง
10. คุณไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก
ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องลดน้ำหนัก เนื่องจากคนเราล้วนมีรูปร่างที่แตกต่างกัน ลองถามตัวเองดูว่าคุณจำเป็นต้องลดน้ำหนักจริงเหรอ? คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจหรือเปล่า? ดัชนีมวลกายของคุณต่ำกว่ามาตรฐานงั้นเหรอ? ถ้าใช่คุณก็สามารถลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพได้ อย่างไรก็ตามขอแค่คุณพอใจและมีความสุขกับน้ำหนักตัวปัจจุบันก็พอ
Blogger : Paige Waehner, Our Exercise ExpertSource : exercise.about.com