เพราะเหตุใดเราจึงรักๆเลิกๆกับแฟนเก่า

ใครที่เคยอกหักจะรู้ดีว่าไม่มีอะไรเหมือนกับภาพที่ฮอลลีวูดสร้างขึ้น เช่น คู่รักที่เลิกรากันหลังจากการโต้เถียงที่รุนแรงหรือนั่งจิบกาแฟกันอย่างสงบ แลกเปลี่ยนสมบัติส่วนตัวกันและไม่เคยพบเห็นกันอีกเลย ในชีวิตจริงไม่มีอะไรที่เป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะอกหักรุนแรงแค่ไหนก็ยังมีโอกาสที่จะจุดไฟติดขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว บางสิ่งบางอย่างยังคงเป็นปริศนาแต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายไปไหนนั่นคือเมื่อคุณเลิกกับใครสักคนแล้ว มันไม่เคยจบลงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว

เรามักคิดว่าทุกอย่างจะแตกต่างออกไปในครั้งที่สอง

แต่คุณรู้ว่ามันจะเป็นเหมือนอย่างครั้งก่อนๆ เพราะคุณทั้งคู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย คุณทั้งคู่ยังเป็นคนเดิมและมีความแตกต่างกันเหมือนเดิม

เราไม่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง

เมื่อใดก็ตามที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เรามักจะมองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสงสัย พร้อมกับฉุกคิดว่าการตัดสินใจของเรานั้นถูกต้องหรือเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบกันแน่ หลายครั้งที่เราปล่อยให้ความกลัวเป็นฝ่ายชนะและตัดสินใจด้วยความคิดที่ไร้เหตุผล

เราลืมการอยู่ตัวคนเดียว

แม้ว่าเราจะอยู่ตัวคนเดียวมาก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ แต่เมื่อใดที่คุณมีประสบการณ์รัก คุณก็มักจะลืมว่าตัวเองเคยมีความสามารถในการจัดการธุระต่างๆคนเดียวได้ นั่นเป็นเพราะการอกหักมักมาพร้อมกับความหวาดกลัวที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว อย่างไรก็ตามช่วงนี้อย่าเพิ่งพยายามมองหาคนใหม่เพราะคุณอาจต้องลงเอยด้วยการเลิกราอีกครั้ง และดูท่าว่าจะหนักหนาสาหัสไม่เบา

เรากลัวว่าอีกฝ่ายจะเจอคนที่ดีกว่า

ทุกครั้งที่มีการบอกเลิกและต่อให้คุณเป็นฝ่ายจบความสัมพันธ์ คุณก็ไม่มีทางพร้อมที่จะคิดว่าอดีตคนรักของคุณเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น เพราะเราจะทำตัวเป็นหมาหวงก้างแม้ว่าเราจะสลัดเขาทิ้งไปแล้วก็ตาม

เราต้องการในสิ่งที่เราไม่สามารถมีได้

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่โยนของเล่นทิ้งไป สักวันหนึ่งคุณอาจจะอยากได้มันกลับมา หรือถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ถูกทิ้ง คุณก็จะอยากได้ของเล่นชิ้นนั้นกลับมาตลอดเวลาจนกว่าคุณจะพบของเล่นใหม่ที่ดีกว่า แต่ท่ามกลางความรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าใจเราอาจจะลองตั้งคำถามและสงสัยว่าคนที่เราเพิ่งไม่ต้องการเมื่อ 5 นาทีที่แล้วจะเป็นคนที่คุณต้องการในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือไม่

Blogger : Lauren MartinSource : elitedaily.com