5 ผลเสียที่เกิดขึ้นหลังจากการสัก

การสักจะทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังสังเกตอาการของโรคมะเร็งผิวหนังลำบากมากยิ่งขึ้น การสักถือเป็นเรื่องปกติแต่มันก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในบางประการ และนี่คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนที่จะละเลงหมึกพิมพ์ลงไปบนเรือนร่าง

การติดเชื้อ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ร้านสักที่ไม่ถูกสุขลักษณะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ อันที่จริงการติดเชื้อสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุแตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงช่างสักและหมึกที่ใช้ในการสักด้วย เมื่อปี 2012 มีการระบาดของโรคผิวหนังในตอนบนของนิวยอร์คโดยมีสาเหตุมาจากหมึกสีเทาที่ปนเปื้อนเชื้อมัยโคแบคทีเรีย โดยเชื้อมัยโคแบคทีเรียเชโลนีจะทำให้เกิดผื่นคันรุนแรงที่กินเวลานานหลายเดือน ขณะที่เชื้อมัยโคแบคทีเรียในกลุ่มใกล้เคียงกันจะทำให้เป็นวัณโรคกับโรคเรื้อน แม้ว่าการติดเชื้อแบคทีเรียจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดจากการสักแต่การติดเชื้อราก็มีความเสี่ยงพอๆกัน และสุดท้ายก็อาจจบลงที่การมีเนื้องอกผิดปกติออกมา หากรอยสักมีอาการบวมแดงหรือเจ็บปวด หรือเริ่มมีของเหลวไหลซึมออกมาคุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที

อาการแพ้

ทุกคนสามารถมีอาการแพ้จากรอยสักของตัวเองได้ อันที่จริงต่อให้ไม่มีอาการจากการสักในครั้งแรกก็สามารถมีอาการหลังจากการสักครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ได้ เมื่อมีการสักครั้งที่ 2 ส่วนที่อักเสบของรอยสักทั้งเก่าและใหม่อาจมีอาการคันและบวมแดงมากขึ้น อาการแพ้จากรอยสักเป็นสิ่งที่รักษาได้ค่อนข้างยาก การใช้ยาสเตียรอยด์ทาภายนอกหรือฉีดเข้าไปในร่างกายบางครั้งก็ช่วยได้แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นต้องผ่าตัดผิวหนังส่วนที่มีรอยสักออกไป

ซ่อนหลักฐาน

ลายสักบนผิวหนังจะปกปิดปัญหาด้านสุขภาพซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ทันเวลา มีรายงานว่ารอยสักจะปกปิดอาการของโรคมะเร็งผิวหนังซึ่งรวมถึงมะเร็งไฝ มะเร็งผิวหนังชนิดเบซาลเซลล์ และมะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ ในปี 2013 มีรายงานว่าพบผู้ชายคนหนึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งไฝหลังจากที่เขาไปลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้บริเวณที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งถูกปิดทับด้วยหมึกดำ รอยสักทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังสังเกตไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ลำบาก การตรวจพบโรคมะเร็งผิวหนังตั้งแต่เนิ่นๆเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

การสัมผัสถูกแสงแดด

การปกป้องผิวหนังจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญเสมอ แต่รอยสักจะเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากการสัมผัสถูกแสงแดดมากเกินไป สำหรับบางคนอาจมีอาการบวมและคันเกิดขึ้นเป็นที่รู้กันดีว่าหมึกสีเหลืองเป็นสาเหตุของอาการคัน อักเสบ และผิวหนังบวมแดงเมื่อสัมผัสถูกแสงแดด ซึ่งเกิดจากแคดเมี่ยมที่อยู่ในหมึกนั่นเอง แต่หมึกสีอื่นๆก็สามารถสร้างปัญหาได้เช่นกัน การศึกษาในเดนมาร์กพบว่าผู้ที่สักลายด้วยหมึกสีดำ แดง และฟ้าจะแสดงปฏิกิริยาทางผิวหนังอย่างชัดเจน

ผิวหนังไหม้จากการตรวจ MRI

ผู้ที่มีรอยสักจะมีปัญหาหากพวกเขาต้องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่นในปี 2011 มีนักฟุตบอลอาชีพรายหนึ่งซึ่งมีรอยสักสีดำ ปรากฏว่าผิวหนังของเขามีรอยไหม้ขณะที่ตรวจ MRI อยู่ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าได้ก่อตัวขึ้นในผงเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของหมึก ผู้ป่วยที่สักลายด้วยหมึกดำมีความเสี่ยงในการตรวจ MRI เนื่องจากหมึกดำมีเหล็กออกไซด์ แต่หมึกสีแดงก็มีเหล็กเช่นกัน

Blogger : Sara G. MillerSource : huffingtonpost.com