ฉันเคยใช้ยาทั้งอ้วนและไม่แข็งแรงแต่ด้วย 3 วิธีนี้ได้ช่วยชีวิตฉันไว้

หลายปีที่ผ่านมาฉันต้องต่อสู้กับโรคไขข้ออักเสบเรื้อรังเนื่องจากเป็นเชฟที่ต้องทำงานหนักหลายชั่วโมงและตึงเครียด จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มเลวร้ายจนต้องยอมรับว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ฉันเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งด้วยอาการปวดรุนแรงกะทันหันและต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง ฉันอ้วนขึ้นและรู้สึกสิ้นหวัง โรคภัยรุมเร้าซึ่งฉันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนฉันอายุ 37 ปี ฉันต้องถูกฉีดยาแก้ปวดทุกสัปดาห์ในปริมาณสูงมาก แม้กระทั่งยาเคมีบำบัดด้วย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ดีขึ้นเลย

ตอนอายุ 38 ปี ฉันยอมรับว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว ฉันติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้เกิดไข้สูงถึง 41 องศาเซลเซียสและทำให้ฉันเกือบตาย แพทย์ของฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้ ไม่นานหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลฉันได้พบกับดร.แฟรงค์ ลิปแมน เขาบอกฉันว่าเขาต้องการรักษาที่ต้นเหตุการเกิดโรคไขข้ออักเสบ ในทางปฏิบัติเขาว่าโรคไขข้ออักเสบ โรคลำไส้อักเสบ และโรคโครห์นมีสาเหตุมาจากปัญหาภายในลำไส้ ฉันรักษาอาการเจ็บป่วยโดยการใช้ยาแผนปัจจุบัน ฝังเข็ม อาหารเสริม การปรับโครงสร้างอาหาร รวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ภายใน 6 เดือนของการรักษาฉันไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมเหงื่อโทรมกายอีกแล้ว มือกับเท้าก็ไม่บวมด้วย การเคลื่อนไหวร่างกายและสุขภาพจิตดีขึ้น ฉันเริ่มกลับมาเป็นคนอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าอาหารที่ฉันกินมีผลโดยตรงกับความรู้สึกของฉัน ฉันงดน้ำตาล นม และธัญพืช ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉันไม่ดื่มมา 2 ปีแล้ว แต่อาจจิบไวน์บ้างเป็นครั้งคราว

หลังจากที่เลิกรับประทานยาต่างๆมา 1 ปีเต็ม ฉันก็ไม่มีอาการของโรคไขข้ออักเสบหรือโรคภูมิต้านทานผิดปกติในเลือดอีกต่อไป นอกจากนี้รูปร่างของฉันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลง น้ำหนักของฉันลดลงและได้ค้นพบความเป็นนักกีฬาในตัวเอง ฉันเริ่มปั่นจักรยานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 241 กิโลเมตรและเริ่มฝึกโยคะ การฝึกโยคะเป็นไปอย่างค่อนข้างช้าเนื่องจากข้อต่อของฉันเสียหายจากการอักเสบและผ่าตัดมานานหลายปี ขนาดท่าง่ายๆยังทำไม่ค่อยได้เลย แต่เพราะโครงสร้างกล้ามเนื้อ ความสมดุล และการหายใจมีการพัฒนาดีขึ้น ฉันจึงปั่นจักรยานและฝึกโยคะรวมถึงเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และฉันเชื่อว่า 3 สิ่งนี้มีผลต่อโดยตรงต่อสุขภาพของฉัน

1. อาหาร

ควรเลือกรับประทานอาหารที่บำรุงร่างกาย มีความเป็นธรรมชาติ ปลอดสารเคมี และแบ่งปันอาหารกันกับเพื่อนๆและครอบครัว อ่านฉลากทุกครั้งก่อนซื้อ ตระหนักถึงสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในร่างกายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร ควรถามตัวเองทุกครั้งว่าอาหารนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่?

2. ขยับเท่ากับออกกำลังกาย

ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ หมั่นขยับแข้งขยับขา เคลื่อนไหวร่างกายให้ได้มากที่สุด และถ้าหากไม่มีเวลาการใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เช่นเดียวกับทำงานบ้านด้วยตัวเอง เดินเล่นรอบหมู่บ้าน เดินจ๊อกกิ้ง หรือการปั่นจักรยาน เป็นต้น

3. การพักผ่อน

ในโลกที่มีแต่ความรีบเร่ง เราควรหาเวลาคลุกคลีกับธรรมชาติบ้าง ใช้เวลาดื่มด่ำไปกับมันและปลดปล่อยร่างกายกับจิตใจให้มีโอกาสได้พักผ่อนและกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง บทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้จากดร.ลิปแมน คือฉันต้องมีความรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของตัวเองเพื่อการมีชีวิตที่ดีขึ้น ฉันกลายเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นกับการดูแลสุขภาพของตัวเอง รวมถึงมีวินัยซึ่งนับว่าเป็นงานหนักมากเลยทีเดียว แต่ฉันก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ชีวิตของฉันดีขึ้น

Blogger : Seamus MullenSource : mindbodygreen.com