11 เหตุผลที่ไขมันหน้าท้องไม่ยอมหายไปซะที
การกำจัดไขมันหน้าท้องเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องโดยเฉพาะไขมันในช่องท้องซึ่งอยู่ล้อมรอบอวัยวะสำคัญและทำให้คุณกลายเป็นคน ?ลงพุง? เป็นต้นกำเนิดของโรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคมะเร็งบางชนิด และนี่คือ 11 เหตุผลที่ไขมันหน้าท้องไม่ยอมหายไปไหน
1. อายุมากขึ้น
เมื่อคุณอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวของคุณก็จะมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง อัตราการเผาผลาญน้อยลง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการด้วย หากผู้หญิงมีน้ำหนักตัวเพิ่มหลังจากที่เข้าสู่ภาวะวัยหมดประจำเดือนแล้วก็เป็นไปได้ว่าไขมันเหล่านั้นจะไปสะสมอยู่ที่หน้าท้อง เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรนก็จะช้าลง ขณะเดียวกันระดับเทสโทสเตอโรนก็จะเริ่มลดต่ำในอัตราที่ช้ากว่าปกติและทำให้ผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องนั่นเอง ข่าวดีคือคุณยังสามารถรับมือกับกระบวนการนี้ได้
2. ออกกำลังกายผิดวิธี
การวิ่งหรือการปั่นจักรยานทุกวันมีประโยชน์ต่อหัวใจแต่การบริหารเฉพาะหัวใจก็ไม่ได้ทำให้รอบเอวลดลงสักหน่อย คุณต้องบริหารหัวใจพร้อมกับควบคุมน้ำหนักไปด้วยซึ่งจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามเนื้อจะเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าไขมัน ดังนั้นยิ่งสร้างกล้ามเนื้อก็จะยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้เท่านั้น คุณควรออกกำลังกายแบบเบาๆราว 250 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายแบบหนักหน่วงราว 125 นาทีต่อสัปดาห์
3. รับประทานอาหารแปรรูปมากเกินไป
กลุ่มธัญพืชแปรรูปอย่างขนมปัง แคร็กเกอร์ และมันฝรั่งทอดกรอบ รวมถึงน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในเครื่องดื่มรสหวานและขนมหวานต่างๆจะช่วยเพิ่มการอักเสบในร่างกาย ไขมันหน้าท้องก็พอกพูนด้วย ดังนั้นการรับประทานอาหารแปรรูปมากเกินไปจะทำให้ความสามารถในการลดไขมันหน้าท้องลดลง อาหารธรรมชาติ เช่น ผลไม้ ผัก และเมล็ดพืชเต็มเมล็ดจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีสรรพคุณต่อต้านการอักเสบและป้องกันการสะสมของไขมันหน้าท้อง
4. รับประทานไขมันผิดประเภท
ร่างกายของคนเราไม่ได้มีปฏิกิริยากับไขมันทุกประเภทในรูปแบบเดียวกัน การรับประทานไขมันอิ่มตัว (พบได้ในเนื้อสัตว์และนม) จะทำให้ไขมันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (พบได้ในน้ำมันมะกอกและอะโวคาโด้) กับไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนบางประเภท (เช่น โอเมก้า3 พบได้ในถั่ววอลนัท เมล็ดทานตะวัน และปลาแซลมอน) จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในร่างกายและถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้แคลอรี่กับน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
5. การออกกำลังกายยังไม่เข้มข้นพอ
ในการลดไขมันหน้าท้องคุณจำเป็นต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น การออกกำลังกายแบบหนักๆ เช่นการเล่นเวท ยกน้ำหนัก หรือชกมวย เป็นต้น จะเผาผลาญแคลอรี่และลดไขมันหน้าท้องได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างเช่น การเดินเล่นชมนกชมไม้ การปั่นจักรยานในสวน การแกว่งแขน หรือวิ่งเหยาะๆบนลู่วิ่ง
6. บริหารไม่ถูกท่า
คุณเล่นท่าบริหารกล้ามท้องงั้นเหรอ? หยุดเลยนะ! เพราะมันไม่ได้ช่วยให้หน้าท้องของคุณมีซิกซ์แพคขึ้นมาทันทีหรอก แต่คุณควรออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง กระดูกเชิงกราน ข้างลำตัว และส่วนอื่นๆแทน อย่างเช่น ท่า Plank ก็ใช้ได้ผลดีสำหรับการลดหน้าท้อง เพราะนอกจากจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลักแล้ว ยังช่วยบริหารกล้ามเนื้อแขน ขา และก้นด้วย
7. ความเครียด
ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเส้นตายของงานที่กระชั้นชิด เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือเรื่องลูกๆ ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างความเครียดให้แก่คุณและยิ่งทำให้น้ำหนักลดยากขึ้นอีกด้วยโดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ซึ่งตัวการหลักของเรื่องนี้ได้แก่ ไขมัน แคลอรี่ และฮอร์โมนคอร์ติซอลนั่นเอง
8. นอนหลับไม่เพียงพอ
การศึกษาจากผู้หญิงเกือบ 70,000 คนพบว่าผู้ที่นอนหลับนานคืนละ 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นมีแนวโน้มที่จะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ที่นอนหลับนาน 7 ชั่วโมงถึงร้อยละ 30 ดังนั้นมีคำแนะนำว่าคุณควรนอนหลับคืนละ 7-8 ชั่วโมง
9. หุ่นทรงแอปเปิ้ล
หากคุณมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากกว่าช่วงสะโพกและต้นขาล่ะก็ นั่นหมายความว่าคุณมีหุ่นเป็นทรงแอปเปิ้ล ซึ่งรูปร่างตามพันธุกรรมลักษณะนี้จะทำให้การกำจัดไขมันหน้าท้องยากกว่าปกติ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
10. อาการป่วย
หากระดับเทสโทสเตอโรนของคุณสูงก็เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS ซึ่งมีปัญหาในเรื่องการลดน้ำหนัก หากคุณมีหุ่นทรงแอปเปิ้ลพร้อมกับน้ำหนักตัวมากเกินไปก็ควรไปพบแพทย์ดีกว่า เนื่องจากคุณมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
11. ขาดแรงจูงใจ
คุณออกกำลังกายเพื่อลดไขมันหน้าท้องหรือเปล่า? การลดไขมันหน้าท้องต้องรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำซึ่งอุดมไปด้วยกากใยอาหารและมีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตกับน้ำตาลต่ำ พร้อมกับออกกำลังกายเพื่อบริหารหัวใจควบคู่ไปด้วย หากคุณมีความตั้งใจ อีกไม่นานไขมันหน้าท้องก็จะยอมโบกมือลาจากคุณไปอย่างแน่นอน
Source : health.com