5 ข้อควรรู้เท่าทันความเครียดแล้วชีวิตจะผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

อ่าน 11,619

เราทุกคนต่างล้วนเคยประสบกับความเครียดหลากหลายรูปแบบไม่ว่าช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิตก็ตาม ตั้งแต่การนำเสนองานครั้งสำคัญหรือลุ้นว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งไหม ที่สำคัญความกังวลมักจะมาควบคู่กับความกลัว ความกลัวที่จะถูกควบคุมและความไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง คุณกลัวที่จะถูกวิจารณ์และคิดไปเองต่างๆนานา สุดท้ายแล้วความกลัวก็ครอบงำจนคุณขาดความมั่นใจในตัวเองฉันมี 5 ข้อที่อยากจะบอกกับคุณและคุณจำเป็นต้องรู้เอาไว้หากคุณกำลังมีอาการเครียด

1. คุณไม่ได้คิดมากเกินไปบ่อยครั้งใช่ไหมที่มีคนคอยบอกคุณว่าให้ผ่อนคลายลงบ้างเวลาที่คุณรู้สึกเครียด หรือบอกว่าคุณคิดมากเกินไปแล้วให้ทำใจให้สบายจะดีกว่า ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ จริงไหม? อาการเครียดเป็นการตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อความเครียดที่เกิดขึ้นจึงเป็นการพยายามหลบหนีออกจากสภาพแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกเครียด ดังนั้นสิ่งที่คุณทำไม่ได้เรียกว่ามากเกินไป แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบธรรมดา อย่างไรก็ตามอย่าให้ความคิดเห็นของผู้อื่นมามีอิทธิพลอยู่เหนือตัวเอง เว้นแต่ว่าความเครียดนั้นกำลังจะเริ่มส่งผลเสียต่อตัวคุณหรือผู้อื่น

2. คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพังหนึ่งในความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดในโลกนี้คือไม่มีใครเข้าใจคุณเลย ราวกับว่าคุณอยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง ฉันเคยรู้สึกแบบนี้มาแล้วแต่ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่ามีคนอีกเป็นล้านๆคนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกับฉัน ในสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยโรคเครียดมากกว่า 40 ล้านคน นี่จึงไม่ใช่สงครามที่คุณจะต้องเผชิญอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

3. นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทางจิตแม้ว่าความเครียดจะถูกจัดอยู่ในประเภทของปัญหาสุขภาพจิต ทว่าก็เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสรีรวิทยาเช่นกัน เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก แขนหรือนิ้วชา และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีหลายคนคิดว่าอาการเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต แต่ฉันเคยไปโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าฉันป่วยเป็นโรคเครียด ดังนั้นฉันเชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นโรคเครียดโดยไม่รู้ตัว หากคุณยังไม่แน่ใจกรุณาไปตรวจเถอะค่ะ โรคเครียดมีทางรักษาหายได้ ถ้างั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ?

4. สัญญาณบอกในช่วงที่ฉันมีปัญหาชีวิตและกำลังเครียดสุดๆ ฉันสูบบุหรี่จัดมากวันละเป็นซองเลย ดื่มกาแฟหลายแก้ว และนิสัยการกินของฉันก็เข้าขั้นเลวร้ายสุดๆ และที่แย่ไปกว่านั้นคือฉันดื่มเหล้าถี่กว่าปกติมาก แม้จะใช้ชีวิตแบบไม่เกรงใจสุขภาพขนาดนั้น แต่ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองแข็งแรงดี วิถีชีวิตแบบไร้ระเบียบของฉันกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่มันเป็นการฆ่าตัวตายลงไปอย่างช้าๆ และความเครียดได้ช่วยชีวิตฉันไว้! หากฉันไม่ได้ถูกวินิจฉัยโดยแพทย์ว่าเป็นโรคเครียด ก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ฉันจะหยุดทรมานร่างกายด้วยพฤติกรรมแย่ๆเหล่านั้นซะที และร่างกายของฉันจะทนต่อความทารุณไปได้อีกนานแค่ไหน ดังนั้นอย่าเมินเฉยต่อสัญญาณเตือนภัยที่ร่างกายของคุณพยายามจะสื่อออกมา

5. คุณสามารถควบคุมมันได้ความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยอย่างเช่น อาหาร ความกดดัน และวิถีชีวิต เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อมีสาเหตุของความเครียดก็ย่อมมีวิธีรักษาให้หายได้เช่นกัน ในกรณีของฉันการลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตายคือตัวการสำคัญที่ทำให้ฉันเครียด ตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันและพยายามสัมผัสทุกรายละเอียดในช่วงเวลานั้นให้ได้มากที่สุด แยกแยะอารมณ์และยอมรับในสิ่งที่เป็น ในที่สุดฉันก็ดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันโรคเครียดไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันสามารถควบคุมและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ อย่าปล่อยให้ความเครียดมาบงการชีวิตของคุณ ฉันรู้ว่ามันยากแต่เชื่อเหอะว่าคุณทำได้ คิดซะว่าความเครียดเป็นแค่ส่วนเล็กๆในชีวิต ขอแค่เริ่มต้นและก้าวไปข้างหน้าในทุกๆวัน มุ่งมั่นและตั้งใจจริง สักวันคุณจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอน

Source : mindbodygreen.com



บทความแนะนำ


น้องอันวาสเพลงบินตามฝันพงษ์สิทธิ์พระเลี้ยงทารกน้องแอดวานซ์สามีอยู่คนเดียวความต้องการทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก