4 อันดับ คำทักทาย 'ต้องห้าม' ที่เสียมารยาทมาก หรือ ไม่ก็น่าเบื่อค่ะซิส!
เคยไหม?
เวลาได้ยินคำทักทายที่ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป
แต่ทำมั้ยยย?ทำไมพอได้ยินแล้วมันหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก
ยิ่งถ้าเข้าหูมาเป็นครั้งที่ 9,999,999 แล้วล่ะก็?ขุ่นพระ!
ฉันอยากจะมุดดินหนีไปขั้วโลกใต้ทันที ต่อไปนี้คือ 4 คำถามติดอันดับน่าเบื่อ และอาจเสียมารยาท จนไม่ควรติดปากไปถามใคร พร้อมวิธีรับมือแบบง่ายๆ หากเราต้องเจอกับมัน
1. มีแฟนหรือยัง?
ติดอันดับหนึ่งคำทักทายตามงานรวมญาติทั่วไปที่สาวโสดได้ยินแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหะๆตามมารยาท
แต่ในใจอยากเบ้ปาก มองบน และกลอกตาเป็นวงกลมตามรอบอายุ
คำถามเรื่องการมีแฟนเป็นการก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรทักใครถ้าไม่จำเป็น
เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับใครเลย! สำหรับบางคนเขาก็ไม่อยากมีแฟนให้ปวดหัว
อยู่เป็นโสดมีความสุขกว่า หรือไม่บางคนก็อาจจะเพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ
ยังไม่ทันหายเฮิร์ต พอได้ยินคนทักเข้าไปอาจบ่อน้ำตาแตกง่ายๆ
หรือบางคนก็อยากมีนะ แต่มันยังหาไม่ได้อะ คนที่ถูกใจเราและเราถูกใจเขา
(หายากนะเออ!) ฉะนั้น อย่ามาถามย้ำ ฉันทำคะแนนอยู่!วิธีรับมือ: ตอบไปตามความจริงแล้วรีบชิ่งหนี ไม่ต้องสนใจคำพูดจากคนที่ไม่รู้จักตัวเราจริงๆ โนแคร์โนสน มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ค่ะ!
2. เมื่อไหร่จะแต่งงาน?
ติดอันดับรองลงมาจากเรื่องแฟนคือคำถามเรื่องแต่งงาน
ซึ่งสร้างความกระอักกระอ่วนใจและกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว
(ถ้าแต่งงานแล้วก็จะโดนถามว่าเมื่อไหร่จะมีลูก)
คำถามนี้ก็ก้าวล้ำเรื่องส่วนตัวคนอื่นอีกเช่นกัน เป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์
นอกจากว่าคนที่ถามจะช่วยออกเงินจัดงานแต่งงานให้ทั้งหมด
เพราะการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กเหมือนเดินไปซื้อข้าวมันไก่หน้าปากซอย
มันมีเรื่องต้องวางแผนมากมายซับซ้อน
และเป็นเรื่องที่คู่แต่งงานจะต้องตัดสินใจร่วมกัน
ถามมากไปอาจกลายเป็นกดดันจนทำให้แฟนเค้ากลับบ้านไปทะเลาะกันก็มี
(ฝ่ายหนึ่งอยากแต่ง อีกฝ่ายยังไม่พร้อม/ เมื่อไหร่เธอจะมาขอฉันแต่งงาน!)
บางคู่คบกันแล้วอาจจะไม่ลงตัว
พอศึกษาดูใจแล้วอาจไม่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงานก็ได้
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับทุกความสัมพันธ์
และไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องไปคอยตอบคำถามใครวิธีรับมือ: ถ้าเจอคำถามแบบนี้ให้ใช้ตลกกลบเกลื่อนไปว่า จะใส่ซองสักกี่พันดีคะ? หรือใช้วิธีโบ้ยกลับไปหาคนถามว่า รอเธอแต่งก่อนน่ะ!
3. ทำไมอ้วนจัง? อ้วนขึ้นหรือเปล่า?
คำถามแบบนี้ทำให้มีเรื่องบาดหมางใจกันมานักต่อนักแล้ว เราไม่มีทางรู้หรอกว่า ใครก็ตามที่คุณเห็นว่าเขาอ้วนน่ะ เขาอาจจะเพิ่งลดน้ำหนักลงมาได้ 5กิโลจากความพยายามออกกำลังกายอย่างหนักมา
2 เดือนเต็มแล้วก็ได้ หรือคนที่คุณเห็นว่าเขาอ้วนน่ะ
เมื่อคำนวณดัชนีมวลกายออกมาแล้วอาจจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์อ้วนก็ได้
หรือคนที่คุณเห็นว่าเขาอ้วนน่ะ ดูดีๆนะ?คุณอ้วนกว่าเขาหรือเปล่า!?!วิธีรับมือ:
ถามตัวเองก่อนว่าเราสุขภาพแข็งแรงดีหรือเปล่า ถ้ามั่นใจว่าสุขภาพแข็งแรงดี
จะอ้วนหรือไม่อ้วนก็ไม่ใช่ปัญหาของใคร
จงยิ้มรับอย่างนิ่งสงบและเปลี่ยนมันให้เป็นพลังงานบวกกลับมาดูแลตัวเราให้แข็งแรงทั้งกายและใจดีกว่า!4. ดำขึ้นหรือเปล่า? ไปทำอะไรมา?
สำหรับสาวๆ ที่สีผิวค่อนข้างเป็นสีแทน
สีน้ำผึ้ง หรือผิวสองสี
ด้วยลักษณะตามธรรมชาติเวลาไปตากแดดโดนแดดอะไรมาสีผิวก็มักจะเข้มขึ้นง่ายและเห็นชัดกว่าคนที่ผิวขาว
ซึ่งนำไปสู่การโดนทักอยู่บ่อยๆ จนเบื่อหรือเสียความมั่นใจ
ความจริงแล้วคำทักทายประเภทที่เกี่ยวกับรูปร่าง หน้าตา
สีผิวแบบนี้ค่อนข้างเสียมารยาท ไม่ควรไปทักใครถ้าไม่จำเป็นนะจ๊ะ
ยิ่งเมืองไทยเป็นเมืองร้อน แดดแรง การมีผิวสีเข้มควรจะเป็นเรื่องปกติมากๆ
แต่ด้วยค่านิยมผิวขาวที่ฝังลึกอยู่กับคนไทยมานานหลายทศวรรษ
ทำให้เราดูเหมือนจะเซนซิทีฟต่อเรื่องสีผิวกันมาก
ผิวดำขึ้นนิดหน่อยก็สังเกตเห็นกันละ
หนักเข้าก็กลายเป็นคำทักทายที่ติดปากกันไปเฉยวิธีรับมือ:
ยิ้มรับคำถามด้วยความมั่นใจในสีผิวตามธรรมชาติของเรา
และที่สำคัญคือตระหนักในคุณค่าของตัวเองโดยไม่หวั่นไหวไปกับความคิดหรือคำพูดของคนอื่นคำทักทายบางทีก็มาในรูปแบบของความหวังดีห่วงใยไม่มีอะไรเคลือบแฝง แต่บางครั้งก็มาในรูปแบบของความ ?เผือก? เฉยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเจอคำทักแบบไหน ขอให้เราสตรองเข้าไว้ มั่นใจในตัวเอง และมองโลกในแง่ดีเป็นที่ตั้ง?เดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ!
เรียบเรียงโดย Women Mthai Team