กระแสรักษ์โลกมาแรง!! เทรนด์ความงาม 2018 'ลดการใช้น้ำ-เครื่องสำอางเด็ก'

อ่าน 7,810

เทรนด์ความงามปี 2018 ยังคงตอบรับกับกระแสรักษ์โลก รักสุขภาพของผู้บริโภค

โดยมีแนวโน้มว่าสินค้าความงามจะต้องลดการใช้น้ำอันเป็นทรัพยากรสำคัญลง

ตามมาด้วยเทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เข้าใกล้ความเป็น 100%

ให้ได้มากที่สุด ส่วนอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง คือ เทรนด์เครื่องสำอางสำหรับเด็ก

1. Water ?The New Luxury

ในอนาคตโลกจะเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำ

และน้ำจะกลายเป็นทรัพยากรที่หาได้ยากและกลายเป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูงไปโดย

ปริยาย

ซึ่งผู้บริโภคในต่างประเทศในปัจจุบันกำลังตื่นตัวถึงปัญหาด้านการใช้น้ำ โดย

33% ของประชากรในสหราชอาณาจักร

บอกว่ายอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำ, 27%

อาบน้ำเร็วขึ้นและประหยัดน้ำมากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัว

เริ่มจากการปรับสูตรของผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ให้เป็นสูตรใช้น้ำน้อยไปจนถึงไม่ต้องใช้น้ำเลย เช่น Dry-Shampoo, สบู่ที่ไม่ต้องล้างออก และยาสีฟันที่ไม่ต้องล้าง เป็นต้น และสำหรับในยุคต่อไป คาดการณ์ว่าสินค้าความงามเกือบทั้งหมดจะพัฒนารูปแบบไปสู่การที่ไม่ใช้น้ำอีกเลย

2. Gas-tronomia

ผลสำรวจของมินเทล พบว่า 50% ของเพศชายในสหราชอาณาจักรเชื่อว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่

มีส่วนผสมและวัตถุดิบจากธรรมชาติให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเครื่องสำอางแบรนด์ใหญ่

ที่ผลิตในห้องแล็บ และอีกกว่า 42%

ของผู้บริโภคชาวสหราชอาณาจักรเชื่อว่าการซื้อและใช้ผลิตภัณฑ

จากธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจะทำให้สุขภาพดีขึ้นและสภาพแวดล้อมของโลก

ดีขึ้นด้วย นำมาซึ่งความนิยมของเทรนด์ความงามที่เรียกเล่นๆ ว่า ?kitchen-beauty? ที่หยิบเอาวัตถุดิบต่างๆ ในครัวมาใช้สำหรับเสริมความงาม

3. Power Play

ไลฟ์สไตล์แบบคนยุคใหม่ที่เร่งรีบ และทำกิจกรรมหลากหลาย ทำให้ปัญหากวนใจเรื่องผิวพรรณเปลี่ยนจากยุคขาวกระจ่างใส และต้านริ้วรอย

มาเป็นความกังวลเรื่องพลังงาน และความสดใสของผิวแทน

จึงทำให้ผู้บริโภคในยุคนี้เริ่มค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้

เพิ่มพลังให้ผิว โดย 79%

ของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรไม่ชอบความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เหนื่อยล้า

จากรายงานของมินเทล ระบุว่า ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามากกว่า

12% เพิ่มส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังให้ผิว

ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตา และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายอื่นๆ เพิ่มมาเช่นกัน

ผลงานวิจัยนี้ทำให้เห็นความต้องการของผู้บริโภคและโอกาสของแบรนด์ในอนาคต

ที่จะผลิตสินค้าในกลุ่ม Energy-Boosting มากขึ้น

4. Digital Experience

เทคโนโลยีความงาม

ทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ว่าตัวเองมีส่วนร่วมสำคัญในการจัดการกับความงามบน

ร่างกายตัวเองได้อย่างแท้จริง ในปัจจุบันกว่า 30% ของผู้หญิง

อเมริกาบอกว่าพวกเขาสนใจที่จะลองใช้สกินแคร์ที่มีเครื่องมือช่วยตรวจสภาพผิว

พร้อมกันด้วย มีรายงานว่า 64% ของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าความงามนั้น

มีความสนใจกับอุปกรณ์ความงามที่สร้างการมีส่วนร่วม(Interactive)กับพวกเขา

รวมถึง ประสบกาณ์ดิจิตอลที่เกิดขึ้นในสโตร์ เช่น Virtual mirror, Vitual

reality headsets และ Interactive Displays รวมถึงในซาลอนเช่นกัน

5. Kids Cosmetics

เด็กอเมริกันร้อยละ 80 ที่มีอายุระหว่าง 9-11 ขวบ

ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ทำขึ้นมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ อาทิเช่น ลิปมัน

แป้งพัฟ โลชั่นที่มีกลิ่นหอม ฯลฯ โดยเด็กวัยรุ่นอเมริกันร้อยละ 80

ที่มีอายุระหว่าง 9 และ 11 ขวบ จะนิยมใช้เมคอัพเพียงแค่บางอย่างเท่านั้น ส่วนเด็กวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 12-14 ปีนั้น ร้อยละ 54 นิยมใช้ มาสคารา, อายแชโดว์, อายไลเนอร์ และดินสอเขียนคิ้ว

ข้อมูลจากการวิจัยยังระบุไว้อีกว่า วัยรุ่นอเมริกันในช่วงอายุ 12-14

ปีบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า

การที่พวกเขาได้ตัดสินใจใช้เครื่องสำอางตั้งแต่ยังเด็กเนื่องจากมันทำให้พวก

เธอรู้สึกมั่นใจ

6. Real Influencer

เพราะความดังทำให้ Influencer ขายได้ และเพราะความดังเช่นกัน

ที่เป็นจุดเปลี่ยนในยุค Influencer

เพราะในอนาคตผู้บริโภคจะรู้ว่าคนดังเหล่านี้ ได้รับผลประโยชน์จากการรีวิว

และเลิกเชื่อในที่สุด ขณะเดียวกันก็จะหันมาเชื่อ Influencer เฉพาะกลุ่ม

ซึ่งเป็นเพื่อน หรือคนรู้จัก ใกล้ตัว

เพราะเชื่อว่าการรีวิวเหล่านั้นเกิดจากประสบการณ์ตรงจากการใช้จริงมากกว่า

ภายใน 5 ปี ข้างหน้า เพื่อนๆ พี่น้อง ใกล้ตัวของเราจึงกลายเป็น The Real

Influencer ที่แท้จริง

ที่มาจากwww.aseanbeautyshow.com



บทความแนะนำ


ผู้ชายความสวยความงามลิปสติกเนื้อิควิดการแต่งหน้าลิปเนื้อแมทความรักลิปจิ้มจุมเซ็กส์ผู้หญิงลิปสติกทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก