15 ข้อแนะนำ ลดน้ำหนัก แค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิต ก็ผอมได้แล้ว
พุงหายได้โล่ !!! จากการเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิต
กล่าวโดยทฤษฎีแล้ว การลดน้ำหนัก อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องของการเข้าฟิตเนส
การวิ่งบนลู่วิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการควบคุมอาหารเท่านั้น
สำหรับคุณแม่บ้านที่ต้องดูแลลูกเล็ก ๆ หรือคุณพ่อบ้านที่ทำงานดึก
ไม่มีเวลามากพอที่จะเข้ายิมเพื่อออกกำลังกายได้ทุกวัน ผมมี 15 ข้อแนะนำ
ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อยในชีวิต แต่สิ่งเล็ก ๆ นี่ล่ะครับ
ถ้าเริ่มทำทุกวัน ทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ก็จะเสมือนการหยอดกระปุกออมสิน ออมเงินวันละเล็กวันละน้อย
ช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงอย่างช้าๆ ได้เหมือนกัน
1 รับประทานอาหารให้เต็มคำ เคี้ยวอาหารให้ช้าลง
และเพิ่มเวลาในการเคี้ยวอาหารแต่ละคำให้นานขึ้น ลองสังเกตดูครับ
ลองแอบมองเพื่อนที่มีน้ำหนักเกิน ว่าเขาเคี้ยวอาหารกี่ครั้งก่อนกลืน !!!
คนอ้วน มักจะเคี้ยวอาหารเพียงไม่กี่คำแล้วกลืน
เพื่อที่จะรับประทานอาหารคำต่อไปได้มากขึ้น
คนทั่วไปมีค่าเฉลี่ยการเคี้ยวอาหารอยู่ที่ 15 ครั้งต่อคำ
สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรเคี้ยวอาหารอยู่ที่ 30 ครั้งต่อคำ
วิธีนี้จะช่วยให้อาหารที่รับประทานมีขนาดเล็กลง ร่างกายรับรสอาหารได้ดีขึ้น
และช่วยให้การรับประทานอาหารเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า
สมองจึงมีการสั่งการให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ2รับประทานสลัดผักสดก่อนมื้ออาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับกากใยอาหารเพียงพอ กากใยอาหารยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยดูดซับไขมันออกจากอาหารได้บางส่วน
3น้ำสลัดที่ดีที่สุดสำหรับช่วงการลดน้ำหนักคือ ?การไม่ใส่น้ำสลัด?
แต่ถ้าต้องการปรุงรสให้ลองใช้เครื่องเทศเช่นพริกไทยดำผสมกับน้ำเลมอน
น้ำส้มสายชู เกลือป่น และปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย
ก็จะช่วยชูรสของสลัดให้ดีขึ้นได้4เมื่อถึงมื้ออาหารให้ตักข้าวทีละน้อย ๆ แค่พอทานอิ่ม ค่าเฉลี่ยคือประมาณ 1 ทัพพีครึ่ง
เมื่อทานเสร็จในจานแรกแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่ม ให้ลองหากิจกรรมคั่นประมาณ
15 นาทีก่อนที่จะเติมข้าวในจานที่สอง สมองเราจะช่วยตัดสินว่า
ร่างกายต้องการข้าวจานที่สองจริงหรือไม่
ซึ่งโดยปกติแล้วสมองมักจะสั่งการว่าเราอิ่มแล้ว
เทคนิคนี้จะช่วยให้เราไม่ตักข้าวเพิ่ม รับประทานเพลินในจานที่สอง หรือสาม5ดื่มน้ำสะอาดให้ได้ประมาณ 7-8 แก้วต่อวัน
และควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เช่น กาแฟเย็น
ชาเย็น น้ำหวานต่าง ๆ
การงดเครื่องดื่มรสหวานเหล่านี้จะช่วยลดพลังงานส่วนเกินจากอาหารได้ถึงวันละ
200-300 กิโลแคลอรี
แต่ถ้าคุณผู้อ่านรู้สึกลำบากในการงดเครื่องดื่มรสหวานในช่วงแรก
ให้ลองปรับเปลี่ยนมาดื่มน้ำผลไม้แบบปั่นสด อาจจะใส่น้ำเชื่อมได้เล็กน้อย
ซึ่งมีประโยชน์กว่าการดื่มน้ำหวาน
เนื่องจากได้วิตามินและได้กากใยจากผลไม้อีกด้วย6ระหว่างการควบคุมน้ำหนัก ควรจัดอาหารให้เพียงพอต่อการรับประทานเพียง 1 มื้อ
เพื่อให้รับประทานและอิ่มเป็นมื้อ ๆ ไป ไม่ควรจัดอาหารเป็นสำรับ
เทคนิคนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการรับประทานอาหารจุบจิบเพิ่มระหว่างมื้อ7ควรกำหนดพื้นที่รับประทานอาหารให้ชัดเจน เช่น
กำหนดว่ามื้ออาหารทุกมื้อจะรับประทานบนโต๊ะกินข้าวเท่านั้นไม่ควรย้ายมื้ออาหารไปรับประทานในห้องนั่งเล่น
บนโซฟา หรือห้องอื่น ๆ ในบ้าน
การกำหนดพฤติกรรมการรับประทานเฉพาะที่จะช่วยให้ร่างกายจดจำว่า
การรับประทานอาหารจะเกิดขึ้นได้ในบริเวณที่กำหนด เป็นกฎที่ไม่ควรละเมิด
เทคนิคนี้จะฝึกให้เราไม่อยากรับประทานอาหาร หรือขนมระหว่างวัน
หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว ให้พยายามลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที
การใช้เวลาในครัวให้น้อยที่สุดจะช่วยฝึกให้ร่างกายไม่คิดถึงการรับประทานอาหาร8ไม่ควรรับประทานอาหารพร้อม ๆ กับการอ่านหนังสือ ทำงาน หรือดูโทรทัศน์
การรับประทานอาหารก็ควรจะจดจ่ออยู่กับมื้ออาหารตรงหน้า
รับประทานอย่างมีสติ เคี้ยวให้ช้าลง
นับจำนวนครั้งในการเคี้ยวอาหารให้ได้ประมาณ 30 ครั้งต่ออาหาร 1 คำ9ไม่ควรรับประทานอาหารเพื่อเป็นการแก้เครียด
คุณผู้อ่านหลายท่านนิยมไปรับประทานอาหารที่ร้านอร่อย ๆ
เพื่อช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากปัญหาต่าง ๆ ลองหาวิธีอื่น ๆ
ที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายได้เช่นเดียวกัน เช่น การนั่งฟังเพลงเพราะ ๆ
การทำสมาธิ การไปสปานวดแผนไทย หรือการนอนแช่น้ำอุ่น ๆ ในอ่างอาบน้ำ10อาหารมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย
จากการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารเช้าทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานระหว่างวันได้มากยิ่งขึ้น
125% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่รับประทานอาหารเช้า
สำหรับท่านที่ไม่มีเวลา การรับประทานผลไม้สด ร่วมกับซีเรียลที่มีกากใยสูง
และนมไขมันต่ำ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมื้อเช้าที่เร่งรีบ11จัดมื้ออาหาร โดยพยายามให้อาหารมีสีสันที่หลากหลาย
เช่น การทานข้าวกล้อง ข้าวหอมนิล ร่วมกับผักสีสันสดใสต่าง ๆ เช่น แคร์รอต
มะเขือเทศ บรอกโคลี ผักโขม พริกยักษ์สีต่าง ๆ การรับประทานอาหารหลากสีสัน
จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินจากรงควัตถุสีต่างๆ จากอาหาร12ไม่ควรเริ่มต้นความตั้งใจในการลดน้ำหนัก ก่อนช่วงการลาพักผ่อน หรือช่วงก่อนการลาไปท่องเที่ยว จากการศึกษาทางสถิติพบว่า ผู้ที่ตั้งใจลดน้ำหนักในช่วงเหล่านี้มักจะล้มเหลวเสมอ
13การปรุงอาหารด้วยตนเองเพื่อลดน้ำหนักเป็นแนวคิดที่ควรทำ
เนื่องจากสามารถคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีในการปรุงอาหารเองได้
เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง
และก่อนออกไปจับจ่ายทุกครั้งควรจดรายการวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพที่จะนำมาปรุงอาหาร
ทำการซื้อตามรายการที่จดมาเท่านั้น ไม่ซื้อขนมทานเล่น
หรืออาหารที่เพิ่มพลังงานโดยไม่จำเป็น
ที่สำคัญห้ามไปซื้อวัตถุดิบขณะท้องหิวโดยเด็ดขาด14พยายามเลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย
หลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันสัตว์ หนังสัตว์
และเครื่องในเนื่องจากให้พลังงานสูง
และอย่าลืมตัดแต่งไขมันออกจากเนื้อก่อนนำไปปรุงอาหารใช้กระทะเทฟลอนร่วมกับน้ำมันชนิดดีต่อสุขภาพ
เป็นทางเลือกที่ดีในการปรุงอาหารลดน้ำหนัก
เนื่องจากสามารถลดปริมาณไขมันในมื้ออาหารได้แล้ว
ยังช่วยให้อาหารที่ปรุงออกมามีความน่ารับประทานเหมือนเดิม15 ข้อแนะนำลำดับสุดท้าย
สำหรับคุณพ่อบ้านช่วงก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์
ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในช่วงของการลดน้ำหนัก
เนื่องจากแอลกอฮอล์ 1 กรัมให้พลังงานสูงถึง 7 กิโลแคลอรี
ซึ่งสูงกว่าอาหารกลุ่มแป้งและคาร์โบไฮเดรต แนวทางที่เหมาะสม
ในการควบคุมน้ำหนักในกรณีที่หลีกเลี่ยงการดื่มไม่ได้ก็คือ
อนุญาตให้ดื่มไวน์ประมาณ 1 แก้วต่อครั้ง เบียร์แบบไลท์ (ให้พลังงานต่ำกว่า)
ประมาณ 1 แก้วต่อครั้ง และไม่ควรดื่มมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกจากจะช่วยลดพลังงานยังช่วยลดการทำงานหนักของตับได้อีกด้วยเรื่อง : เชฟตั้ม ภาพ : ชุลีภรณ์
ที่มาเนื้อหาจาก นิตยสารแม่บ้าน
Web : http://www.maeban.co.th/
FB : https://www.facebook.com/Maeban.co.th/
MAEBAN TV : https://www.youtube.com/c/maebantv
IG : https://www.instagram.com/maebanmag/