11 อาหารควรกิน เมื่อน้ำหนักหยุดนิ่ง ลดไม่ลงอย่างเคย !

อ่าน 6,331

นี่คืออาหารที่ช่วยกระตุ้นให้เราไปต่อกับการลดน้ำหนักได้ สำหรับคนที่ลดความอ้วนจนน้ำหนักถึงจุดอิ่มตัว และเริ่มกลัวว่าจะโยโย่ !

คนที่ลดน้ำหนักมาสักพักใหญ่

ๆ จนกระทั่งพบว่าตัวเองมาถึงจุดที่น้ำหนักอิ่มตัว

พยายามลดน้ำหนักเท่าไรตัวเลขบนตาชั่งก็เหมือนไม่ขยับลดลงเหมือนช่วงที่ลดความอ้วนแรก

ๆ มองดูรวม ๆ แล้วเหมือนจะเข้าสู่ภาวะหิดปลาทู (Hit The Plateau)

ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ว่าจะออกกำลังกายหนักแค่ไหนร่างกายก็ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากร่างกายเคยชินกับการออกกำลังกายหรือการรับประทานแบบเดิม ๆ

มาเป็นเวลานาน

โดยบางคนอาจจะเรียกภาวะนี้ว่าเป็นภาวะระบบเผาผลาญพัง

เพราะแม้ว่าคุณจะออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร

หรือดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัดแค่ไหน น้ำหนักก็ไม่ลดลง

แต่ครั้นจะให้เพิ่มการออกกำลังกายให้หนักขึ้น

หรือจะลดการกินอีกก็กลัวว่าจะเกินกำลังเราไป

งั้นเอาเป็นว่าเรามาแก้หิดปลาทู (Hit The Plateau)

ด้วยการปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสม

สับขาหลอกเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายลดน้ำหนักได้เรื่อย

ๆ ไปจนจุดที่พอใจ ตามนี้กันดีกว่า

อินทผลัม และเชอร์รี

ผลไม้อย่างอินผลัมและเชอร์รีมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองส่วนหน้าหลั่งฮอร์โมนคอร์ติโคโทรปิน

(corticotropin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา

ส่งผลในการช่วยยับยั้งความรู้สึกอยากอาหารได้

และมีส่วนช่วยให้รู้สึกอยากกินอาหารที่เฮลธ์ตี้มากขึ้นด้วย

ดังนั้นใครคิดจะลดปริมาณการกินเพื่อให้น้ำหนักลง

ลองเปลี่ยนความคิดใหม่มากินอินผลัมหรือเชอร์รีเป็นของว่างบ้างก็ดีนะคะ

ไข่ไก่ อัลมอนด์ เนื้อไก่ กรีกโยเกิร์ต

การศึกษาจาก U.S. Army Research Institute of Environmental Medicine

พบว่า อาหารที่เปี่ยมไปด้วยโปรตีนอย่างไข่ เนื้อไก่ อัลมอนด์ และโยเกิร์ต

ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้เท่านั้น

แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญไปพร้อมกันด้วย โดยจากการสำรวจปริมาณโปรตีนในกลุ่มนักกีฬาที่เคร่งครัดกับการคุมน้ำหนักตัวเพื่อเข้าแข่งขัน

ทีมวิจัยก็บอกว่า ใน 1 วันนักกีฬาเหล่านี้จะกินโปรตีนให้ได้ 2.5

กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ

ซึ่งก็จะช่วยให้เขารักษาสมดุลน้ำหนักตัวได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พร้อมทั้งเพื่อให้โปรตีนเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อไปพร้อมกันด้วย

ทว่าหากคุณไม่ได้จะโฟกัสเรื่องกล้ามมากนัก แนะนำให้รับประทานโปรตีนในปริมาณ

1.2-1.7 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

เท่านี้ก็ถือว่าร่างกายได้รับโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมแล้วล่ะค่ะ

โดยอาจเริ่มด้วยไข่ต้มในมื้อเช้า อกไก่ต้มกับสลัดในมื้อเที่ยง

พร้อมด้วยของว่างเป็นอัลมอนด์ 15 เม็ด ตบท้ายด้วยมื้อเย็นเบา ๆ

เป็นกรีกโยเกิร์ต

แอปเปิล ราสป์เบอร์รี บรอกโคลี

อาหารเหล่านี้สามารถกินเป็นดินเนอร์ได้เหมือนกัน

เพราะเป็นผัก-ผลไม้ที่มีใยอาหารสูงมาก

เหมาะกับคนที่อยากกระตุ้นระบบย่อยให้ทำงานสะดวกขึ้น

ส่งผลดีต่อการขับถ่ายให้คล่องตัว

ซึ่งก็ถือเป็นหัวใจของการลดน้ำหนักอย่างหนึ่ง

ดังนั้นลองเปลี่ยนมากินบรอกโคลีต้มเป็นมื้อเย็น

หรือกินแอปเปิลเป็นมื้อเย็นอย่างเดียวดูบ้างก็น่าจะช่วยให้ร่างกายได้รับอะไรใหม่

ๆ เติมสีสันให้ระบบเผาผลาญได้อีกทาง

เกรปฟรุต

สำหรับคนที่น้ำหนักตัวคงที่ ลดไม่ลงมาสักระยะหนึ่งแล้ว

แนะนำให้กินเกรปฟรุตก่อนมื้อเย็นประมาณ 30 นาที

ผลไม้ฉ่ำน้ำแต่มีแคลอรีต่ำอย่างเกรปฟรุตจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้พอสมควร

เท่ากับมื้อเย็นคุณจะกินได้น้อยลง ร่างกายก็จะรับแคลอรีลดลงนั่นเอง

ยืนยันจากผลการวิจัยที่พบว่า

คนที่กินเกรปฟรุตก่อนมื้อเย็นจะกินอาหารได้ลดลงราว 25%

และลดน้ำหนักได้ผลกว่าคนที่ไม่ได้กินเกรปฟรุตก่อนมื้อเย็นประมาณ 7%

เลยทีเดียว

พริก

ใช่ว่าจะมีดีแค่ความเผ็ด

เพราะทราบไหมคะว่าพริกมีวิตามินซีสูงมาก

ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่ล่ะที่คอยช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร

ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งนอกจากวิตามินซีแล้ว

ในพริกยังมีสารแคปไซซิน (Capsaicin), โอลีโอเรซิน (Oleoresin)

และกรดแอสคอร์บิก ที่มีบทบาทสำคัญในการลดความอ้วน

เพราะมีสรรพคุณช่วยเผาผลาญไขมันให้กลายเป็นพลังงานได้ดี

โดยเฉพาะใครที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ ระบบเผาผลาญเกเร

การกินพริกเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญให้ดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พริกจะช่วยลดความอ้วนได้

แต่ก็ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากถึงจะได้รับสารอาหารที่อยู่ในพริกเพียงพอ

ดังนั้นถ้าหากต้องการใช้พริกช่วยในการลดความอ้วนก็แนะนำให้รับประทานพริกในรูปแบบของสารสกัดจะดีกว่าทานแบบสด

ๆ เป็นกำ ๆ ที่อาจทำให้ท้องอืด ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้อีกต่างหาก

ภาวะหิดปลาทู (Hit The Plateau)

หรือการที่เราลดน้ำหนักแต่น้ำหนักหยุดนิ่ง

บางทีก็เกิดจากพฤติกรรมการกินที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ

รวมทั้งการออกกำลังกายที่ซ้ำซากจำเจ

เป็นรูทีนที่ไม่ค่อยได้ปรับเปลี่ยนอะไรเท่าไร

ดังนั้นการกินอาหารที่แปลกใหม่ดูบ้าง

ก็น่าจะเป็นวิธีแก้ภาวะหิดปลาทูในเบื้องต้นได้ไม่มากก็น้อย

ยังไงลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

womenshealthmag

bodyrock



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นMaroonชุดเดรสมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อเชิต80%SALEPARADEFASHIONทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก