ดีท็อกซ์!! 6 วิธีช่วยล้างพิษให้กับร่างกาย

อ่าน 2,341

หากคุณมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวปวดศีรษะ มึนงง สมาธิสั้น ท้องอืด

อาหารไม่ย่อย ตาแฉะ และปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยไม่มีสาเหตุแล้วละก็

คุณควรหันมาใส่ใจระบบการใช้ชีวิตประจำวันให้มากขึ้นอีกนิด

เพราะนี่เป็นสัญญาณฟ้องว่าร่างกายของคุณได้สะสมสารพิษ (TOXIN)

ไว้มากเกินควร

ต้องช่วยร่างกายสลายพิษ

วิธีช่วยให้ร่างกายแคล้วคลาดจากสารพิษทำได้ 2 ทาง คือ

ป้องกันพิษภัยจากภายนอกและควบคุมปัจจัยที่จะก่อให้เกิดสารพิษภายในร่างกาย

ตามวิธีการต่างๆ เหล่านี้

1. กิน ล้างพิษ

หมั่นรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้นจนเป็นนิสัย เพราะเมื่อย่อย

เส้นใยจะกลายเป็นกากอาหาร ทำหน้าที่คล้ายไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่

และกระตุ้นให้ร่างกายขับถ่าย เป็นกิจวัตร

พร้อมกันนี้ให้ดื่มน้ำสะอาดให้มากวันละ 2 ? 8 แก้ว

เพื่อป้องกันกากอาหารแข็งตัวการรับประทานผักและผลไม้นี้

ควรเลือกชนิดที่ปลอดภัยจากสารพิษหรือล้างจนแน่ใจ

น้ำคั้นผักหรือผลไม้ (น้ำเอนไซม์) กับชาสมุนไพรก็ช่วยให้เลือดสะอาดขึ้น

แต่ไม่ควรดื่มน้ำสกัดผักผลไม้ที่ผสมกันหลายชนิด

และไม่ควรดื่มชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำๆ กันเป็นเวลานาน เน้นความหลากหลาย

2. อด ล้างพิษ

ผลดีของการอดอาหารอยู่ที่ตับและลำไส้ได้พักผ่อน

โดยเฉพาะตับซึ่งทำหน้าที่หนักมากทั้งย่อย กรอง และกำจัดสารพิษในอาหาร

คนที่ตับไม่แข็งแรงหรือหย่อนศักยภาพ

มักพบว่ามีระดับของการสะสมสารพิษในร่างกายสูง อย่างไรก็ตาม

ร่างกายยังคงต้องการวิตามิน แร่ธาตุและน้ำตาลธรรมชาติ

เพื่อแปรเป็นพลังงานทุกวัน ในการอดอาหารเพื่อ ล้างพิษ นั้น

จึงควรดื่มน้ำคั้นผักผลไม้ และสวนล้างลำไส้ใหญ่ควบคู่กันไปด้วย

เนื่องจากระหว่างที่อดอาหารจะมีเซลล์ที่ตายแล้วและเป็นโรคถูกเผาผลาญกำจัดออกมามาก

ทำให้เกิดมีพิษคั่งอยู่ในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะถูกขับออกผ่านไต (ปัสสาวะ) ปอด

ผิวหนัง และลำไส้ใหญ่ แต่เนื่องจากระหว่างอดอาหารในลำไส้จะไม่มีกากอาหาร

ทำให้ถ่ายไม่ออก หากไม่สวนล้างลำไส้ใหญ่ร่วมด้วย ของเสียจะหนีไปออกทางไต

ทำให้ไตต้องพลอยเสียหายไปด้วยได้

3. การสวนล้างลำไส้ใหญ่

ช่วยระบายท็อกซินออกจากร่างกายได้มากที่สุด

โดยเฉพาะท็อกซินในระบบทางเดินอาหาร

วิธีการนี้ทำได้โดยการสวนน้ำกาแฟผ่านเข้าทางทวารหนัก

กาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นตับและถุงน้ำดีให้ขับไล่พิษ

ขยายท่อน้ำให้โล่งช่วยให้ลำไส้บีบตัว

ไล่กากอาหารที่ตกค้างและส่งเสริมให้เอนไซม์ทำงานได้ดีในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์

และเพิ่มพลังการนำออกซิเจน สำหรับคนที่ลำไส้ใหญ่สกปรกมากมีคราบหนาเตอะ

การสวนครั้งเดียวไม่พอจำเป็นต้องทำซ้ำๆ หลายครั้ง นอกเหนือจากน้ำกาแฟ

อาจใช้น้ำมะขามเปียก น้ำสมุนไพรลูกใต้ใบ และน้ำผสมน้ำมะนาว ได้ด้วย

4. ขับพิษทางเหงื่อ

การอบตัวด้วยความร้อนและซาวน่าจะกระตุ้นให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดีทั่วร่างกาย

ไขมันใต้ผิวหนังลดลงการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น

กระบวน-การย่อยและเผาผลาญก็ทำงานดีขึ้น

ทำให้ระบบประสาทและต่อมไร้ท่อทั้งหลายถูกกระตุ้น ส่งผลให้เหงื่อออกมาก

ซึ่งเท่ากับว่าการขับถ่ายของเสียผ่านเหงื่อก็ถูกกระตุ้นให้ได้ทำงานมากกว่าปกตินั่นเอง

5. ขับพิษทางลมหายใจ

การหายใจคือการสูดเอาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย

และดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์กับของเสียอื่นๆ ออกไป

คาร์บอนไดออกไซด์นั้นหากคั่งอยู่ในเซลล์มาก

จะทำให้เซลล์อ่อนแอและตายได้ง่าย

โดยทั่วไปการหายใจของเรามักไม่ดีพอที่จะลำเลียงออกซิเจนเข้าไปได้มาก

และขนคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทิ้งในปริมาณที่มากพอ

เพราะเรามักหายใจเพียงครึ่งเดียว คือหายใจไม่ลึก

การฝึกสูดลมหายใจเข้า ? ออกให้เต็มที่คราวละ 5 นาที วันละ 2 ครั้ง

ในสถานที่อากาศบริสุทธิ์ จะช่วยให้ขับของเสียออกทางลมหายใจได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ การออกกำลังกายทุกวิธีก็ช่วยให้หายใจได้ลึกและมีคุณภาพดีเช่นกัน

6. ขับพิษในอารมณ์

ทุกครั้งที่ร่างกายเกิดความวิตกกังวลเคร่งเครียด

ระดับของฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพปกติสู่ความแปรปรวนทำให้ระบบการทำงานของร่างกายสับสน

ภูมิต้านทานต่ำ ระบบขับถ่ายผิดปกติ ฯลฯ การนั่งสมาธิสักวันละ 15 นาที

หรือการหาวิธีผ่อนคลายอารมณ์ด้วยวิธีการต่างๆ

ก็จะช่วยขจัดพิษภัยจากความตึงเครียดนี้ได้

วิธีการเหล่านี้ คุณทำได้เองและทำได้ทันทีอย่ารอให้สุขภาพทรุดโทรมหรือมีโรคภัยไข้เจ็บแล้วค่อยทำ เพราะบางครั้งอาจสายเกินแก้

ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสาร Health&Cuisine มีนาคม, Issue 2 และ Women.mthai.com



บทความแนะนำ


การศึกษาโปรโมชั่นSpecialUniqloSALEOfferทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก