เทรนด์ศัลยกรรมพลาสติกที่กำลังมาแรงสุดๆในตอนนี้
เมื่อผู้คนเข้ารับการผ่าตัด พวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การดูดไขมัน ฟิลเลอร์
และการยกกระชับใบหน้าเพื่อให้การถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยอย่างสมบูรณ์แบบ
จากข้อมูลของสมาคมศัลยแพทย์พลาสติกของอเมริกาพบว่ามีการยกกระชับใบหน้า
การปลูกถ่ายไขมัน และการฉีดสารเติมเต็มต่างๆ
โดยสาเหตุหลักอาจอยู่ที่อินสตาแกรม!ในปี 2016 มีการศัลยกรรมความงามมากเกือบ 1.8 ล้านครั้ง และนี่คือ 5 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- เสริมหน้าอก ( 290,467 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2015)
- ดูดไขมัน (235,237 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2015)
- ตกแต่งรูปร่างของจมูก (223,018 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปี 2015)
- ผ่าตัดเปลือกตา (209,020 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปี 2015)
- ยกกระชับใบหน้า (131,106 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2015)
ส่วนนี่คือการผ่าตัดขนาดเล็ก (MIS) ทั้งหมดราว 15.5 ล้านครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา และนี่คือประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- โบท็อกซ์ (7 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2015)
- ฉีดฟิลเลอร์ (2.61 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปี 2015)
- ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (1.36 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2015)
- เลเซอร์กำจัดขน (1.1 ล้านครั้ง ลดลงร้อยละ 1 จากปี 2015)
- กรอผิวลดริ้วร้อย (775,000 ครั้ง ลดลงร้อยละ 3 จากปี 2015)
การศึกษาพบข้อมูลที่น่าสนใจมากมายในปี 2016
อย่างแรกคือการยกกระชับใบหน้าได้ร่วงจาก 5
อันดับสูงสุดแต่ก็สามารถกลับมาได้อีกในปี 2016
และกลุ่มศัลยแพทย์ต่างก็โบ้ยว่าอินสตาแกรมเป็นต้นเหตุเนื่องจากทำให้ผู้ป่วย
ต้องการแก้ไขใบหน้าให้ดูดีขึ้น
อย่างที่สองคนไข้ต้องการใช้ไขมันของตัวเองไปฉีดในส่วนอื่นๆของร่างกายเพื่อ
เสริมความงามเฉพาะบริเวณที่เจาะจงโดยไม่ต้องผ่าตัดรวมถึงเพื่อกระชับบริเวณ
ที่หย่อนคล้อย
นอกจากนี้ก็ยังมีการเสริมสะโพกและหน้าอกโดยการฉีดไขมันของตัวเอง
และอย่างที่สามพวกเขาพบว่าการผ่าตัดยกกระชับหรือการฉีดไขมันและฟิลเลอร์เข้า
ไปในริมฝีปากซึ่งรวมทั้งหมดราว 12,000 ครั้งในปี 2016 นั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ
39 จากปี 2015
กลุ่มศัลยแพทย์กล่าวว่าคนไข้บางคนต้องการผ่าตัดหน้าอกให้มีขนาดเล็กกว่าเดิม
ขณะที่บางคนไม่ต้องการผ่าตัดวุ่นวายและเลือกที่จะฉีดฟิลเลอร์แทน
การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเนื่องจากปรากฏการณ์ไคลีย์
เจนเนอร์ซึ่งเธอยอมรับว่าไปฉีดริมฝีปากให้อวบอิ่มมา
แต่ล่าสุดมีรายงานว่าคนจำนวนมากเริ่มต้องการลดขนาดริมฝีปากของตัวเองมากกว่า
แต่ก่อน ดังนั้นเมื่อปีที่ผ่านมามีการเสริมริมฝีปาก 28,430
ครั้งและการลดขนาดริมฝีปาก 3,547 ครั้งซึ่งอย่างหลังเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ
283 เลยทีเดียวเมื่อสิบปีก่อนศัลยแพทย์พลาสติกอาจได้พบ
กับคนไข้รายหนึ่งทุกๆ 7-10
ปีเมื่อพวกเขาต้องการผ่าตัดใหญ่อย่างการยกกระชับใบหน้าหรือดึงหน้าท้อง
แต่ปัจจุบันคนไข้เริ่มคุ้นเคยกับศัลยแพทย์พลาสติกและรู้สึกสบายใจที่จะพูด
ถึงอวัยวะทุกส่วนในร่างกายมากขึ้น
ซึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาอยากจะกลับไปเป็นหนุ่มสาวอีกครั้งBlogger : Megan Friedman
Source : redbookmag.com