20 วิธี แก้อาการสะอึก!! รับรอง หายเป็นปลิดทิ้ง
สะอึก? อาการปกติที่หลายคนเคยพบเจอ และเมื่อมีอาการขึ้นมา
บางครั้งมันก็ดันไม่ยอมหายไปง่ายๆ จนทำให้เราต้องรู้สึกรำคาญและหงุดหงิด
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอาการสะอึกกัน มาดูสิว่าอาการนี้เกิดจากอะไร
แลเราสามารถรักษามันได้อย่างไรบ้างสะอึก (Hiccup, Hiccough, Singultus)
เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน (ไม่ใช่โรค)
และเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติแบบที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
ซึ่งร่างกายไม่สามารถควบคุมอาการได้ หรือเรียกว่า รีเฟล็กซ์ (Reflex)
เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รวมถึงทุกๆ
ช่วงวัยของอายุ แต่ส่วนมากจะพบในวัยเด็ก และวัยรุ่นมากกว่าอาการสะอึก โดยทั่วไปแล้วจะเป็นอาการเป็นๆ หายๆ
กลไกที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเกิดจากมีการรบกวนประสาทของกะบังลมและกล้ามเนื้อ
ระหว่างกระดูกซี่โครง ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการหายใจเช่นเดียวกับ กะบังลม
จึงส่งผลให้กะบังลมและกล้ามเนื้อระหว่างกระดูกซี่โครงนี้หดตัวทันที
ส่งผลให้เกิดการหายใจเข้าทันที
ตามด้วยฝากล่องเสียงปิดตามทันทีหลังหายใจเข้าผ่านกล่องเสียง
จึงเกิดเป็นเสียงขึ้นมา จะเกิดขึ้นประมาณ 4-60 ครั้งต่อ 1 นาที
โดยทั่วไปแล้วอาการสะอึกจะหายไปได้เองภายในระยะเวลาเป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมงสาเหตุของอาการสะอึก
โดยทั่วไปแล้วอาการสะอึกเป็นอาการปกติทั่วไป โดยมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อย ๆ เช่น
- หายใจเอาควันต่าง ๆ เข้าไป
- กินอาหารเร็วเกินไป กินมากเกินไป หรืออิ่มมากจนเกินไป
- กินอาการที่ทำให้มีก๊าซมาก
- กินอาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวานจัด เป็นต้น
- มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของกระเพาะอาหารทันที เช่น กินอาหารร้อนจัด หรือดื่มเครื่องดื่มเย็นจัด เมื่อท้องว่าง
- ดื่มเครื่องดื่มพวกที่ทำให้เกิดแก๊สหรือฟอง อย่างเช่น น้ำอัดลมหรือเบียร์
- การสูบบุหรี่จัด หรือ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- มีก้อนในบริเวณลำคอ เช่น คอพอก
- ผลข้างเคียงมาจากยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง
- อาการสะอึกอาจสัมพันธ์กับปัญหาทางจิตใจและอารมณ์ เช่น ตื่นเต้น เครียด กังวล ซึมเศร้า กลัว เหล่านี้ก็อาจเป็นสาเหตุของการสะอึกได้
วิธีแก้อาการสะอึก
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า อาการสะอึกจะหายไปได้เอง ไม่จำเป็นต้องรักษา
แต่ก็มีวิธีการทางภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อาจช่วยให้อาการสะอึกหายได้เร็วขึ้น
โดยเชื่อว่าวิธีการเหล่านี้สามารถขัดขวางการรีเฟล็กซ์ที่ทำให้เกิดอาการ
สะอึกได้ เช่น1. สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจไว้สักพัก นับ 1-10 จากนั้นหายใจออก
แล้วดื่มน้ำตามทันที หรือกลั้นหายใจไว้ แล้วกลืนน้ำลายให้ได้ 3 ครั้ง
แล้วหายใจตามปกติ หรืออีกวิธีให้แหงนหน้า แล้วกลั้นหายใจ นับ 1-10
จากนั้นให้หายใจออกทันที แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้ว2. การหายใจเข้าออกในถุงปิดหรือถุงกระดาษ โดยเอาถุงมาครอบปากและจมูก
แล้วหายใจในถุง ทนไว้สักพักจนเริ่มไม่ไหว หายใจหอบสั้น ๆ ประมาณ 1-2 นาที
อาการสะอึกก็จะหายไป หรือให้ใช้มือป้องปากและปิดจมูกไว้
แต่ยังหายใจต่อเรื่อยๆ ตามปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยระงับอาการสะอึกได้
เนื่องจากได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปมากขึ้นนั่นเอง3. ดื่มน้ำถูกวิธีก็ช่วยแก้สะอึกได้ เช่น การดื่มน้ำรัวๆ 9 อึก
การจิบน้ำจากแก้วเร็วๆ หลายๆ อึก ติดๆ กัน
หรือจิบน้ำเย็นจัดหรือดื่มน้ำเย็นจัดช้าๆ ตลอดเวลาและกลืนติดๆ กันไปเรื่อยๆ
จนกว่าอาการสะอึกจะหาย หรือจนกลั้นหายใจไม่ได้4. ให้ก้มโน้มตัวไปข้างหน้าในระดับเอวแล้วดื่มน้ำจากขอบแก้วด้านตรงข้าม
หรือด้านที่ไกลจากริมฝีปาก (กรณีนี้ให้ใส่น้ำให้เต็มแก้วก่อน)
เห็นว่าหลายคนใช้วิธีนี้แล้วได้ผลมากๆ หรืออีกวิธีที่ง่ายกว่า ให้อมน้ำไว้
คางชิดอก แล้วพยายามกลืนน้ำที่อมไว้ รอบเดียวรู้เรื่อง5. กินของเปรี้ยวจัด เช่น น้ำมะนาว 100% โดยบีบมะนาวให้ได้สัก 1 ช้อนชา
แล้วนำมาจิบแก้สะอึก หรือกลืนน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสัก 1 ช้อนชา
ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยจู่โจมปุ่มรับรส และทำให้หายสะอึกได้อย่างรวดเร็ว6. กินน้ำตาลทรายเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำตาม จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
สหรัฐอเมริกา พบว่า การกลืนน้ำตาลทรายเปล่าๆ 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ต้องใช้น้ำ)
สามารถช่วยแก้อาการสะอึกได้ถึง 19 คน จากจำนวน 20 คน7. นอกจากกลืนน้ำตาลที่ใช้ได้ผลดีแล้ว การกลืนก้อนข้าว
ก้อนขนมปังหรือเคี้ยวขนมปังแห้ง ๆ ก้อนน้ำแข็งเล็ก ๆ
หรือกลืนน้ำแข็งบดละเอียดก็ช่วยได้เหมือนกัน8. ลองเนยถั่ว 1 ช้อนชาแบบพูนๆ ระหว่างที่เคี้ยวและดุนให้เนยถั่วเหนียวๆ
หลุดจากลิ้นและฟัน รูปแบบการกลืนกับการหายใจจะถูกขัดจังหวะ
และอาจทำให้อาการสะอึกหายไปได้9. ใช้นิ้วมืออุดหูประมาณ 20-30 วินาที
หรืออุดหูไปด้วยแล้วดูดน้ำจากหลอดไปด้วย หรืออีกวิธีให้กดผิวเนื้อนุ่มๆ
ด้านหลังติ่งหูบริเวณที่ต่อจากกะโหลกศีรษะ
วิธีนี้จะช่วยส่งสัญญาณผ่อนคลายผ่านเส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve)
ซึ่งเป็นส่วนที่ทอดยาวจากก้านสมองและเชื่อมต่อกับบริเวณกะบังลม10. ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้จับลิ้นแล้วดึงออกมาข้างหน้า หรือแลบลิ้นออกมายาว ๆ เพื่อช่วยเปิดหลอดลมที่ปิดอยู่
11. ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบจมูกค้างไว้แล้วดื่มน้ำเข้าไปประมาณ 7 อึก
(หรือจนกว่าจะกลั้นหายใจไว้ไม่ไหว)
โดยที่ยังบีบจมูกไว้จนรู้สึกว่าลมดันออกที่หู เขาบอกว่าทำแบบนี้ไม่เกิน 3
ครั้ง หายชะงัดนัก12. กดจุดแก้สะอึก เป็นเคล็ดลับทางการแพทย์แผนจีน
ก่อนกดจุดให้นั่งหลังตรง หรือนอนหงาย
จากนั้นใช้นิ้วโป้งกดลงที่หัวคิ้วพร้อมกันทั้งสองข้าง (จุดจ่านจู๋)
ส่วนที่เหลืออีกสี่นิ้วให้จับหัวไว้ ให้กดเบาๆ ก่อนแล้วค่อยๆ แรงขึ้น
โดยกดแบบเบาสลับหนักค้างไว้จนกว่าจะหายสะอึก ทำประมาณ 3-6 นาที
พอหายสะอึกจึงหยุดกด13.
กดจุดโดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบตรงเนินเนื้อที่อยู่ต่อจากนิ้วโป้งของมือ
อีกข้างหนึ่งไว้ ยิ่งแรงยิ่งดี
หรืออีกวิธีหนึ่งให้กดจุดบริเวณร่องเหนือริมฝีปาก
เพราะแรงกดบีบจะช่วยเบี่ยงเบนระบบประสาทของคุณจากอาการสะอึกได้14. นวดเพดานปาก
15. เขี่ยภายในรูจมูกให้จาม แล้วจะหายสะอึกทันที
16. กำหนดลมหายใจเข้า-ออกปกติ พยายามเพ่งไปที่ลมหายใจอย่างเดียว
แล้วจะสังเกตว่าระยะการสะอึกจะค่อยๆ ยาวขึ้นๆ ช่วงแรกๆ จะยังสะอึกอยู่บ้าง
เมื่อทำไปเรื่อยๆ อาการสะอึกจะหายไปเอง17. การทำให้ตกใจ เช่น ตบหลังแรงๆ โดยไม่ให้รู้ตัวมาก่อน
หรือทำให้เกิดอารมณ์รุนแรง เช่น โกรธ ตื่นเต้น หรือกลัว
หรือทำการเบี่ยงความสนใจ เช่น ถามว่า ?น้ำเต้าหู้ทำมาจากอะไร?? อะเมซิ่งมาก
มันหายจริง ๆ18. การดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย
19. ถ้าเป็นเด็กอ่อนหรือทารกสะอึกก็ควรอุ้มพาดบ่าใช้มือลูบหลังเบา ๆ ให้เรอ
20. ส่วนวิธีอื่น ๆ ที่ใช้แล้วอาจได้ผลก็มีหลายวิธี เช่น บ้วนปาก,
เคี้ยวหัวข่าแก่ๆ กินน้ำ, คาบปากกาไว้แล้วดื่มน้ำ, กินซอสเผ็ดๆ,
กลืนน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น (น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา), กลืนผงโกโก้หรือโอวัลติน, ค่อยๆ
เคี้ยวแล้วกลืนเมล็ดผักชีลาว, ใช้กระดาษเช็ดมือปิดฝาแก้วที่มีน้ำดื่ม
แล้วพยายามดื่มน้ำ
(เมื่อคุณใช้แรงดูดน้ำผ่านกระดาษจะทำให้กะบังลมต้องออกแรงมากขึ้น
จึงช่วยต้านอาการกระตุกของกล้ามเนื้อได้)หากมีอาการสะอึกติดต่อกันหลายวัน ถือว่าเป็นอาการไม่ปกติ
คุณควรไปพบแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ ได้ เช่น
มีความผิดปกติทางสมอง การเป็นโรคทางเดินอาหาร การเป็นอัมพาต
การอักเสบในช่องท้องบริเวณกะบังลม โรคหลอดเลือดสมองตีบ ฯลฯ
แต่ส่วนมากผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยการสะอึกเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน
ก็เนื่องมาจากมีอาการผิดปกติทางสมอง หรือเป็นอัมพาต
ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการสะอึกได้ที่มา : www.medthai.com