อยากหน้าเด้งเบอร์ไหน เลือกใช้กันได้เลย!! 7 น้ำมันบำรุงผิวหน้าจากธรรมชาติ ยิ่งใช้ยิ่งดี ผิวเด้งมาก

อ่าน 12,604

หากพูดถึงน้ำมันบำรุงผิวหน้า สาวผิวมันส่วนใหญ่จะขอเซย์โนทันทีเพราะคิดว่าจะยิ่งทำให้หน้ามันไปกันใหญ่ และเมื่อผิวมันอยู่แล้ว ยิ่งใช้จะยิ่งเป็นสิวไหม? ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เป็นสูตร Oil-Free เพื่อไม่ให้มีน้ำมันไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้ แต่ในความเป็นจริงน้ำมันคือส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยรักษาความสมดุล ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ ไม่แห้งหรือมันเกินไป เมื่อผิวมีความสมดุลปัญหาผิวอื่นๆก็จะไม่ตามมา แถมช่วยไม่ให้สิวบุกอีกด้วย ซึ่งเคล็ดลับผิวสมดุลด้วยการทาน้ำมันบำรุงผิวมีมาตั้งแต่ยุคสมัยอียิปต์โบราณ คลีโอพัตราได้คัดสรรสารพัดน้ำมันมาประทินโฉมและผลลัพธ์ที่น่าทึ่งก็เป็นอย่างที่เราๆทราบกันตามตำนานว่าผิวของเธองดงามไร้ที่ติจริงๆ

สำหรับสาวผิวแห้งถึงผิวธรรมดายิ่งเหมาะกับการใช้น้ำมันบำรุงผิวเพราะผิวต้องการความชุ่มชื่นมากกว่าสาวผิวมัน นอกจากนี้ก็ยังมีสาวๆที่เริ่มมีริ้วรอยมาถามหาก็ยิ่งต้องใช้เพราะริ้วรอยเป็นตัวบ่งบอกว่าผิวขาดความชุ่มชื่นอย่างรุนแรง ดังนั้นไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ควรหาน้ำมันมาบำรุงเพื่อให้ผิวเกิดความสมดุลและชุ่มชื่น ปัญหาผิวต่างๆก็จะไม่มากวนใจ และต้องบอกเลยว่าน้ำมันนั้นมีคุณภาพประสิทธิภาพไม่แพ้ครีมบำรุงที่หลายคนกำลังใช้อยู่เลยทีเดียว และเพื่อให้สาว issue247 เลือกน้ำมันบำรุงผิวได้ตรงความต้องการ เราจึงมีคุณสมบัติของน้ำมัน 7 ชนิดมาฝากกัน อยากหน้าเด้งเบอร์ไหน เลือกใช้กันได้เลย

1. น้ำมันโจโจบา

เริ่มต้นด้วยน้ำมันที่สามารถดูแลผิวได้หลากหลายด้านอย่าง Jojoba Oil หรือน้ำมันโจโจบาซึ่งหลายคนจะคุ้นหูกันดีเพราะน้ำมันชนิดนี้ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย แต่จะดีกว่ามากถ้าเราได้บำรุงผิวด้วยน้ำมันโจโจบาแบบเพียวๆ ด้วยความบางเบาที่แทบไม่ต่างจากน้ำมันซีบัมที่หล่อลื่นผิวตามธรรมชาติ ทุกครั้งที่ทาจะซึมซาบได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือผิวหน้าที่เงาสวย ใครที่ชอบผิววาวแบบสาวเกาหลีต้องลองเลย นอกจากผิวเด้งๆแล้วยังช่วยต้านการอักเสบ เป็นสิวก็สามารถใช้ได้ ผิวแพ้ง่ายก็เหมาะเพราะมีความอ่อนโยน สำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยก็เวิร์ค นอกจากใช้กับผิวแล้วยังใช้บำรุงเส้นผมได้ด้วย ทูอินวันกันไปเลย

2. น้ำมันโรสฮิป

โรสฮิปก็เป็นน้ำมันอีกหนึ่งชนิดที่กำลังมาแรง ขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างเซลล์ผิวและผลิตคอลลาเจน เหมาะมากกับคนที่ต้องการสมานแผล เพราะมีวิตามินซี กรดไขมัน โอเมก้า3 โอเมก้า6 จะช่วยรักษาเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังมีกรดเรติโนซึ่งช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวสว่างใส ให้ความชุ่มชื้น มอบความสมดุลให้ผิวไม่แพ้ง่าย ลดอาการอักเสบและความแห้งกร้าน และคุณสมบัติที่โดดเด่นมากคือการฟื้นฟูผิวที่ไหม้จากแสงแดดและรังสี สำหรับข้อมูลที่ควรทราบสำหรับน้ำมันชนิดนี้คือไม่ควรใช้ทาผิวเพียงอย่างเดียว แต่ควรตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำอยู่ด้วย เพราะแม้จะมีคุณค่าบำรุงที่ครบครันก็อาจทำให้ภาพรวมของผิวดูแห้ง ถ้าใช้น้ำมันโรสฮิปเดี่ยวๆ

3. น้ำมันมะพร้าว

ขึ้นแท่นน้ำมันเพื่อความงามไปแล้วสำหรับน้ำมันมะพร้าวเพราะอยู่คู่ผู้หญิงรักสวยรักงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ หลักๆคือเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับสาวผิวแห้งเนื่องจากขาดความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งเป็นขุย แตก ลอก มีผื่นแพ้ แค่ใช้สำลีชุบน้ำอุ่น บีบน้ำออก แล้วหยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า ผิวหน้าจะกลับมาชุ่มชื้น ละเอียดขึ้น แถมจุดด่างดำจากสิวก็ลดเลือนลงด้วย สำหรับสาวที่มีผิวแห้งมากๆสามารถทาที่ผิวหน้าโดยตรงได้ และแนะนำให้เลือกเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพราะจะยังคงคุณค่าของวิตามินอีเอาไว้ ในช่วงกลางคืนสามารถทาบางๆแทนครีมบำรุงผิวได้เลย

4. น้ำมันมะกอก

เป็นอีกหนึ่งชนิดน้ำมันที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะการบำรุงเส้นผม แต่น้ำมันมะกอกยังดูแลผิวของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย คุณสมบัติเด่นคือการต้านอนุมูลอิสระต้นเหตุของผิวแก่ก่อนวัย ปกป้องหนังกำพร้าและช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สำหรับผิวหน้าให้ทาน้ำมันมะกอกบางๆก่อนนอนทุกคืน สำหรับผิวกายให้ผสมน้ำมันมะกอก 5 ช้อนชาลงไปในอ่างอาบน้ำ แนะนำให้อุณหภูมิของน้ำมีความอุ่น ความร้อนจะช่วยให้วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระซึมซาบสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ขนตาและคิ้วดกดำอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่อยากคิ้วเข้มหรือมีขนตาที่หนาขึ้นสามารถแตะน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลงบริเวณแนวขนตาและคิ้วทา ทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

5. น้ำมันเมล็ดองุ่น

มาต่อกันที่น้ำมันเมล็ดองุ่นที่ได้รับตำแหน่งซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ไปครอง เพราะมีโอลิโกเมริคโปรแอนโธไซยานิดีน (Oligomeric Proanthrocyanidin) หรือ OPC ในปริมาณสูงมาก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า แน่นอนว่าจะช่วยสาวๆ ชะลอการเกิดริ้วรอย และหากต้องการการบำรุงอย่างเต็มที่ต้องเลือกแบบสกัดเย็น น้ำมันเมล็ดองุ่นจะช่วยให้เซลล์อ่อนเยาว์และยืดอายุให้อยู่นานขึ้น ที่สำคัญน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถจับกับโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของคอลลาเจนในผิว จึงช่วยปกป้องคอลลาเจนและผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีและตึงกระชับ นอกจากใช้บำรุงผิวอย่างล้ำลึกแล้วยังสามารถนำไปผสมกับน้ำมันโจโจบาสำหรับนวดผิวหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย

6. น้ำมันละหุ่ง

สาวที่มีปัญหาสิวและผิวอักเสบบ่อยๆต้องลองหาน้ำมันละหุ่งมาใช้ ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบและเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี โปรตีน และแร่ธาตุ ทั้งหมดจะช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวรวมถึงป้องกันการเปลี่ยนสีและแผลเป็นจากสิวด้วย แต่จุดด้อยคือน้ำมันชนิดนี้มีความข้นเหนียวหากใช้เดี่ยวๆจะทำให้ผิวแห้งเกินไป วิธีแก้คือนำไปผสมกับน้ำมันชนิดอื่นอย่างน้ำมันโจโจบาหรือน้ำมันมะกอก นอกจากจะช่วยให้ทาได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ผิวไม่แห้ง โดยผสมน้ำมันละหุ่งกับน้ำมันอีกชนิดในปริมาณที่เท่ากัน วิธีการใช้ที่แนะนำคือนำน้ำมันที่ผสมกันแล้วเทใส่มือประมาณ 1/4 ของฝ่ามือ จากนั้นทาให้ทั่วใบหน้าที่แห้งสนิท ทิ้งไว้หนึ่งนาที แล้วชุบผ้าลงในน้ำร้อน บิดหมาดๆ วางประคบบนใบหน้าประมาณ 30 วินาที เมื่อเช็ดออกก็จะสัมผัสได้ถึงผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลาขึ้นจนสังเกตเห็นได้

7. น้ำมันม้า

ปิดท้ายกันที่น้ำมันชนิดเดียวที่สกัดมาจากสัตว์อย่างน้ำมันม้า เชื่อแน่ว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าถ้าทำความรู้จักแล้วจะเซอร์ไพรส์มาก น้ำมันม้าส่วนใหญ่สกัดมาจากผิวหนังส่วนโคนหางและบริเวณแผงคอของม้า น้ำมันที่ได้จึงประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลักซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันที่ผิวของคนเรา นอกจากจะซึมซาบสู่ผิวได้ดีและเติมความชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ยังช่วยป้องกันการระเหยน้ำจากผิวที่เป็นสาเหตุของการขาดความยืดหยุ่น และที่สำคัญคือมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดและชะลอการเสื่อมของเซลล์

หากใครยังไม่เคยลองเราขอแนะนำน้ำมันม้า Meiyoku (เมโยกุ) น้ำมันม้าคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ที่เลือกสรรมาจากฟาร์มในจังหวัดคุมาโมโตะ ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงม้าชั้นดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว อุดมไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงผิว เช่น กรดอะมิโน, กรดไฮยาลูโรนิก, วิตามิน, คอลลาเจน, growth factor เป็นต้น โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกันเพื่อเติมความชุ่มชื่น ปกป้องผิวจากปัญหาผิวแห้ง ปรับสภาพผิวให้เนียนเรียบ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ และคงความอ่อนเยาว์โดยเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ที่สำคัญ Meiyoku ได้ผลิตพลาเซนต้าให้มีขนาดโมเลกุลที่แตกต่างเพื่อการทำงานในแต่ละชั้นผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ โมเลกุลเล็กซึมเข้าสู่ส่วนลึกผิวหนังด้านใน โมเลกุลกลางอยู่ที่ในชั้นเคราติน และโมเลกุลใหญ่อยู่เหนือชั้นเคราติน ดังนั้นผิวทุกชั้นจึงได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความงามจากญี่ปุ่นที่สาวไทยต้องลอง ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ผิวสวยใสชุ่มชื่นแบบสาวญี่ปุ่นพลาดไม่ได้เลย

สาวๆคนไหนที่ตกหลุมรักคุณค่าของน้ำมันม้าที่สามารถทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ได้อย่างแตกต่าง ทั้งมอบความชุ่มชื่น กักเก็บน้ำใต้ผิว เข้าฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย ลดเลือนริ้วรอยเดิมและป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ก็อย่าลืมไปหามาใช้กันดู โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและติดตามแบรนด์ Meiyoku ได้ที่

Facebook : www.facebook.com/meiyoku.thailand

และหาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ (LAB Pharmacy, P&F Super drug, Matsumotokiyoshi DRUG STORE)จัดจำหน่ายโดยบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิลติคัล จำกัด



บทความแนะนำ


เด็กผู้ใหญ่ฉลาดUberเทคโนโลยีนิกุยะร้านบุฟเฟ่ยากิเบคอนโรลทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก