อาหารเผ็ด สรรพคุณเยอะ มีสุขภาพดีได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

อาหารไทย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของบ้านเรา โดยเฉพาะอาหารรสเผ็ด

ที่ไม่ว่าชนชาติไหนได้ลิ้มลอง เป็นต้องติดใจ

พากันกลับมาทานอีกครั้งอย่างแน่นอน

แล้วรู้ไหมว่าอาหารสุดแสนอร่อยของบ้านเรานั้น

ล้วนเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย

บางอย่างเรียกได้ว่าเป็นสมุนไพร รักษาโรคได้เลยทีเดียว

วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกันว่า อาหารเผ็ด

อาจารย์แววตา เอกชาวนา

นักโภชนาการบำบัดและผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ

วิทยากรประจำศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ได้กล่าวไว้ว่า

อาหารไทยเต็มไปคุณค่าทางโภชนาการ และสารอาหารที่ครบถ้วน

รวมถึงมีความหลากหลายของสมุนไพร

และเครื่องเทศที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย

เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความเป็นชาติไทยมาแต่สมัยโบราณ

แน่นอนว่าถ้าจะพูดถึงความเผ็ดในรสชาติอาหาร

ก็คงจะหนีไม่พ้นตัวการอย่าง ?พริก? เห็นเล็กๆ จิ๋วๆ แบบนี้

แต่ก็มีสรรพคุณมากมายเลยทีเดียว เช่น เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร

ทำให้เจริญอาหารบรรเทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ช่วยลด การอุดตันของหลอดเลือด

ลดไขมันในเลือด รวมทั้งสีของพริก ไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองสีส้มและสีแดง คือ

สารตั้งต้นของวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา

อีกทั้งในพริกยังมีวิตามินซีมากกว่าในผลส้มเสียอีก

แต่วิตามินซีในพริกจะสลายตัวเมื่อถูกความร้อน

แนะนำ 5 อาหารไทย ถึงเผ็ดร้อน แต่ก็ให้ประโยชน์มากมาย

1. น้ำพริก ตัวเอกที่อยู่คู่กับโต๊ะอาหารของคนไทยมายาวนาน

น้ำพริก เคียงคู่กับผักสด ผักลวก ปลานึ่ง เมนูง่ายๆ ที่มากคุณประโยชน์

เพราะวัตถุดิบที่อยู่ในน้ำพริกล้วนเต็มไปด้วยสมุนไพรรสเผ็ดร้อน

มีผลจากการศึกษาพบว่า น้ำพริก ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนนั้น

มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและชะลอความชรา

สามารถกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหารได้หลายชนิด

กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค

อีกทั้งยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน

2. ต้มยำกุ้ง เมนูเด็ดที่โด่งดังไปทั่วโลก

เป็นเมนูที่เสมือนเป็นหม้อยาหม้อใหญ่ที่อุดมไป

ด้วยสมุนไพรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า รากผักชี

ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ใบมะกรูดช่วยแก้จุกเสียด

3. ส้มตำ รสแซ่บเมนูยอดนิยมของคนไทย

ส่วนผสมของผักและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว

ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยสร้าง ภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย

แต่การทานส้มตำให้ได้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ

เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ผ่านความร้อน อาจเสี่ยงทำให้เกิดท้องเสียได้

โดยเฉพาะต้องระวังเชื้อราอย่าง ?อะฟลาทอกซิน? ที่มักอยู่ในถั่วลิสง

กุ้งแห้ง กระเทียมที่มีโทษต่อตับ และไม่ควรทานส้มตำเกิน 2-3

ครั้งต่อสัปดาห์หากมีส่วนผสมของ ปูดองเค็มหรือปลาร้า ควรทานเพียงอาทิตย์ละ 1

4. หมูย่างน้ำตก เมนูคู่หูกับส้มตำ

อุดมด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนของพริกขี้หนูสดผสมพริกป่นกลมกล่อมด้วยหอมแดงต้นหอม

ผักชี ใบสะระแหน่คลุกเคล้ามะนาว

รวมถึงคลุกกับข้าวคั่วเพื่อช่วยดูดซับแก๊สในช่องท้องที่เกิดจากหมูไม่ย่อย

เมื่อเทียบกันแล้ว

สเต็กบาร์บีคิวของฝรั่งที่ทาเนยแสนเลี่ยนจิ้มกับซอสมะเขือเทศ

5. มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง

รสเผ็ดหอมกรุ่น ทั้งยังมีพริกแห้งกับ พริกไทย

รวมถึงกลุ่มเครื่องเทศไทยรสเผ็ดร้อนอื่น เช่น กระเทียมไทย ตะไคร้ซอยข่าแก่

หอมแดง หอมใหญ่ รากผักชีอบเชย ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู ฯลฯ

ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเต็มที่จากโปรตีนและไขมันของเนื้อสัตว์ที่ช่วยย่อยด้วยกลุ่มเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน

ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทานเผ็ดอยู่ตลอดเวลานะคะ

อย่าลืมว่าอะไรที่มากไป ก็มักไม่เป็นผลดีต่อร่างกายหรอก อย่างไรก็ตาม

การมีสุขภาพที่ดี

ไม่ได้มากจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว

แต่ยังต้องรวมไปถึงการิิกกำลังกายที่เหมาะสม ตลอดจนการพักผ่อนที่เพียงเพอ

อันเป็น 3 ส่วนผสมที่ลงตัว

ที่มา : www.thaihealth.or.th