ตามัว เลือนราง คล้ายหมอกบังตาละก็?โรคต้อกระจกตา กำลังมาทักทายแล้วล่ะ

อ่าน 4,030

โรคต้อกระจกตาในระยะเเรกอาจจะไม่มีอาการที่ส่งสัญญาณบอกอย่างเด่นชัด

เมื่อเป็นมากขึ้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการตามัวทีละน้อยๆ คล้ายกับมีหมอกมาบัง

โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงสว่างหรือแสงแดดก็จะรู้สึกมัวมากยิ่งขึ้น เพราะอะไร?

ไปอ่านให้คลายสงสัยกันค่ะ

คนที่ประสบกับอาการนี้อาจพบว่าค่าสายตามีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น

จากเป็นคนที่จำเป็นต้องใส่แว่นสายตาสำหรับมองในระยะใกล้ทุกครั้ง

ก็กลายเป็นสามารถมองระยะใกล้ได้โดยที่ไม่ต้องใส่แว่นสายตาอีกต่อไป

หากอาการตามัวเป็นมากขึ้นจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน

และอาจนำไปสู่ภาวะการสูญเสียการมองเห็น

อันเป็นผลเสียอย่างมากต่อการใช้ชีวิตต่อไปได้

รศ.นพ. นริศ กิจณรงค์ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต้อหิน

ต้อกระจก และรองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "ต้อกระจกเป็นโรคที่เมื่อตรวจพบได้เร็ว

จะสามารถรักษาให้หายได้อย่างทันท่วงที และไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น

ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการเริ่มต้นง่ายๆ คือ

ไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือคนทั่วไปที่อายุ 45 ปีขึ้นไป

ก็ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเช่นเดียวกัน"

ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการรักษาต้อกระจกมีความก้าวหน้ามากจนสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนดังเดิมหรือดีกว่าเดิมได้ โดยการรักษาต้อกระจก ประกอบด้วย

  1. แบบไม่ใช้การผ่าตัดในกรณีที่ยังเป็นต้อกระจกไม่มาก

    อาจใช้การสวมเเว่นตา

    การใช้ยาหยอดตาเพื่อช่วยชะลอหรือลดความขุ่นของต้อกระจก

    ซึ่งอาจได้ผลไม่แน่นอน

    ส่วนการขยายม่านตาเพื่อรับแสงเข้าดวงตามากยิ่งขึ้นอาจใช้ในการรักษาโรคต้อกระจกแต่กำเนิดได้

  2. แบบใช้การผ่าตัด

    โดยผ่าตัดเอาต้อกระจกออกแล้วใส่เลนส์เทียมเข้าไปในดวงตา

    ถือเป็นการรักษาที่ให้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน

    โดยทั่วไปจะใช้คลื่นความถี่สูงในการสลายต้อกระจก

    หรืออาจจะมีการใช้เลเซอร์ช่วยในการผ่าตัดได้

สำหรับเลนส์เทียมสามารถแบ่งตามลักษณะวัสดุในการผลิต แบ่งออกเป็น 2 ชนิด

  1. เลนส์เทียมชนิดแข็ง เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ใช้ในการผ่าตัดต้อกระจกชนิดแผลใหญ่ โดยเลนส์จะเเข็งไม่สามารถพับได้ ปัจจุบันจะใช้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
  2. เลนส์เทียมชนิดนิ่มหรือชนิดพับได้

    เป็นเลนส์เทียมที่สามารถพับและสอดผ่านแผลผ่าตัดต้อกระจกที่มีขนาดเล็กเพียงประมาณ

    2.5 มิลลิเมตรได้ จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเมื่อแผลผ่าตัดเล็กลง

    ระยะการพักฟื้นและการหายของแผลก็จะเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

    ผู้ป่วยจึงสามารถใช้สายตาภายหลังการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว

    ทั้งนี้เลนส์เทียมชนิดนิ่มสามารถเเบ่งได้อีก 3 ประเภท คือ

2.1 เลนส์เทียมที่ให้ความชัดระยะเดียว คือระยะไกล ปัจจุบันใช้ในผู้ป่วยประมาณร้อยละ 90

2.2 เลนส์เทียมที่ให้ความชัดได้สองระยะ คือ

ให้ความชัดระยะใกล้และระยะไกล โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้มีระยะชัดสามระยะ

คือ ให้ความชัดระยะใกล้-กลาง-ไกล

2.3 เลนส์แบบยืดหยุ่น ปรับระยะได้ในตัวเอง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคิดค้นพัฒนา

สำหรับการเลือกใช้เลนส์เทียมชนิดใดนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

แต่ที่สำคัญคือลักษณะของดวงตาผู้ป่วย การตรวจตาโดยจักษุแพทย์ว่ามีภาวะอื่นๆ

ทางตาร่วมด้วยหรือไม่ เช่น โรคของจอตา โรคของกระจกตา ความเอียงของสายตา

เป็นต้น ความรู้ในเรื่องโรคต้อกระจกตาของผู้ป่วยและคนใกล้ชิด วิธีการรักษา

วิธีการผ่าตัด และชนิดเลนส์เทียม

จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาเเละชนิดของเลนส์เทียมได้อย่างเหมาะสม

เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นภายหลังจากการผ่าตัดรักษาต้อกระจกค่ะ



บทความแนะนำ


การแต่งตัวพิถีพิถันผู้หญิงนายทองดีฟันขาวความสวยความงามภาพยนตร์ผู้หญิงการแต่งหน้าทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก