ตามัว เลือนราง คล้ายหมอกบังตาละก็?โรคต้อกระจกตา กำลังมาทักทายแล้วล่ะ
โรคต้อกระจกตาในระยะเเรกอาจจะไม่มีอาการที่ส่งสัญญาณบอกอย่างเด่นชัด
เมื่อเป็นมากขึ้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการตามัวทีละน้อยๆ คล้ายกับมีหมอกมาบัง
โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงสว่างหรือแสงแดดก็จะรู้สึกมัวมากยิ่งขึ้น เพราะอะไร?
ไปอ่านให้คลายสงสัยกันค่ะ
คนที่ประสบกับอาการนี้อาจพบว่าค่าสายตามีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น
จากเป็นคนที่จำเป็นต้องใส่แว่นสายตาสำหรับมองในระยะใกล้ทุกครั้ง
ก็กลายเป็นสามารถมองระยะใกล้ได้โดยที่ไม่ต้องใส่แว่นสายตาอีกต่อไป
หากอาการตามัวเป็นมากขึ้นจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน
และอาจนำไปสู่ภาวะการสูญเสียการมองเห็น
อันเป็นผลเสียอย่างมากต่อการใช้ชีวิตต่อไปได้รศ.นพ. นริศ กิจณรงค์ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต้อหิน
ต้อกระจก และรองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "ต้อกระจกเป็นโรคที่เมื่อตรวจพบได้เร็ว
จะสามารถรักษาให้หายได้อย่างทันท่วงที และไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น
ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการเริ่มต้นง่ายๆ คือ
ไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือคนทั่วไปที่อายุ 45 ปีขึ้นไป
ก็ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเช่นเดียวกัน"
ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการรักษาต้อกระจกมีความก้าวหน้ามากจนสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนดังเดิมหรือดีกว่าเดิมได้ โดยการรักษาต้อกระจก ประกอบด้วย
- แบบไม่ใช้การผ่าตัดในกรณีที่ยังเป็นต้อกระจกไม่มาก
อาจใช้การสวมเเว่นตา
การใช้ยาหยอดตาเพื่อช่วยชะลอหรือลดความขุ่นของต้อกระจก
ซึ่งอาจได้ผลไม่แน่นอน
ส่วนการขยายม่านตาเพื่อรับแสงเข้าดวงตามากยิ่งขึ้นอาจใช้ในการรักษาโรคต้อกระจกแต่กำเนิดได้
- แบบใช้การผ่าตัด
โดยผ่าตัดเอาต้อกระจกออกแล้วใส่เลนส์เทียมเข้าไปในดวงตา
ถือเป็นการรักษาที่ให้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน
โดยทั่วไปจะใช้คลื่นความถี่สูงในการสลายต้อกระจก
หรืออาจจะมีการใช้เลเซอร์ช่วยในการผ่าตัดได้
สำหรับเลนส์เทียมสามารถแบ่งตามลักษณะวัสดุในการผลิต แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
- เลนส์เทียมชนิดแข็ง เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่ใช้ในการผ่าตัดต้อกระจกชนิดแผลใหญ่ โดยเลนส์จะเเข็งไม่สามารถพับได้ ปัจจุบันจะใช้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
- เลนส์เทียมชนิดนิ่มหรือชนิดพับได้
เป็นเลนส์เทียมที่สามารถพับและสอดผ่านแผลผ่าตัดต้อกระจกที่มีขนาดเล็กเพียงประมาณ
2.5 มิลลิเมตรได้ จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเมื่อแผลผ่าตัดเล็กลง
ระยะการพักฟื้นและการหายของแผลก็จะเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
ผู้ป่วยจึงสามารถใช้สายตาภายหลังการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้เลนส์เทียมชนิดนิ่มสามารถเเบ่งได้อีก 3 ประเภท คือ
2.1 เลนส์เทียมที่ให้ความชัดระยะเดียว คือระยะไกล ปัจจุบันใช้ในผู้ป่วยประมาณร้อยละ 90
2.2 เลนส์เทียมที่ให้ความชัดได้สองระยะ คือ
ให้ความชัดระยะใกล้และระยะไกล โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้มีระยะชัดสามระยะ
คือ ให้ความชัดระยะใกล้-กลาง-ไกล2.3 เลนส์แบบยืดหยุ่น ปรับระยะได้ในตัวเอง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคิดค้นพัฒนา
สำหรับการเลือกใช้เลนส์เทียมชนิดใดนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
แต่ที่สำคัญคือลักษณะของดวงตาผู้ป่วย การตรวจตาโดยจักษุแพทย์ว่ามีภาวะอื่นๆ
ทางตาร่วมด้วยหรือไม่ เช่น โรคของจอตา โรคของกระจกตา ความเอียงของสายตา
เป็นต้น ความรู้ในเรื่องโรคต้อกระจกตาของผู้ป่วยและคนใกล้ชิด วิธีการรักษา
วิธีการผ่าตัด และชนิดเลนส์เทียม
จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาเเละชนิดของเลนส์เทียมได้อย่างเหมาะสม
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นภายหลังจากการผ่าตัดรักษาต้อกระจกค่ะ