เส้นทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ

อ่าน 9,818

ขึ้นชื่อว่า "รถไฟ" แล้วหลายคนอาจจะคุณเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีโอกาสได้ใช้บริการกันบ้าง ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แถมบางคนถึงกับหลงใหลกับเสน่ห์การท่องเที่ยวด้วยรถไฟที่เนิบนาบฉึกฉัก ๆ แต่ถึงที่หมายปลายทางแน่นอน วันนี้เราเลยแวะไปหยิบเอาทริปสั้น ๆ กับเส้นทางท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เก็บเอาไว้เป็นลายแทงให้ได้วางแผนทริปเที่ยวด้วยรถไฟกัน ส่วนจะมีเส้นทางไหนที่น่าสนใจบ้างนั้นตามไปชมกันเลย

ภาพจาก Chalabala / shutterstock.com 1. นั่งรถไฟไปอัมพวา ช้อปปิ้งลั้ลลาที่ตลาดน้ำ

มาชมเส้นทางแรกกับทริปท่องเที่ยวที่เริ่มต้นด้วยการขึ้นรถไฟที่สถานีวงเวียนใหญ่ เดินทางไปยังสถานีมหาชัย แล้วเดินช้อปปิ้งเบา ๆ ชมตลาดพร้อมซื้ออาหารทะเลแห้งจากแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากนั้นลงเรือข้ามฟากไปยังสถานีบ้านแหลมเดินทางออกจากสถานีบ้านแหลมไปยังสถานีแม่กลอง เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตการค้าสุดอันซีนของ "ตลาดร่มหุบ" พร้อมกราบนมัสการ "หลวงพ่อบ้านแหลม" พระคู่บ้านคู่เมืองอำเภอแม่กลอง และลงต่อเรือไปยังตลาดน้ำอัมพวา ตลาดริมคลองที่ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือพ่อค้าและแม่ค้าที่อัมพวาจะพายเรือจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ที่บ่งบอกวิถีชีวิตความเป็นอัมพวาได้อย่างดี

เวลาเที่ยว : จุดเริ่มต้นสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ปลายทางสถานีมหาชัย ลงนั่งเรือข้ามฟากจากสถานีบ้านแหลมไปยังสถานีแม่กลอง

2. นั่งรถไฟเที่ยวเดอะสวนไทรโยค ผจญภัยกับแอดแวนเจอร์ปาร์ค

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว เดินทางไปเรื่อย ๆ โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีรถไฟถ้ำกระแซ เพื่อสัมผัสความสวยงามของวิวสองฝั่งรถไฟที่แตกต่าง คือฝั่งริมแม่น้ำแควน้อยและฝั่งหน้าผาสูง จากนั้นเดินทางเข้าสู่ เดอะสวนไทรโยค แอดเวนเจอร์ปาร์ค ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมผจญภัยนานาชนิด แถมเวลาเดินทางกลับก็สามารถนั่งรอขึ้นรถไฟที่หน้าสวนไทรโยค รีสอร์ท ได้เลย

เวลาเที่ยว : ขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง เวลา 06.30 น. และเวลากลับ 15.00 น. ขึ้นที่หน้าสวนไทรโยค รีสอร์ท หรือสามารถดูขบวนรถปกติได้ที่ tts.railway.co.th

ค่าบริการในโปรแกรมทัวร์ : อัตราค่าบริการดูได้จากที่นี่ railway.co.th

3. นั่งรถไฟเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์

แวะไปชมอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์กับ "ปราสาทเมืองสิงห์" โบราณสถานที่เป็นศิลปะในสมัยขอมตอนปลายที่มีอยู่แห่งเดียวในภาคตะวันตก โดยเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ เข้าสู่สถานีกิเลน จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ พร้อมชมโครงกระดูกมนุษย์โบราณ จากนั้นเดินทางไปเที่ยวต่อที่หยุดรถสะพานถ้ำกระแซ ที่ในอดีตเป็นจุดอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่เต็มไปด้วยสถานที่น่าเที่ยวอย่างถ้ำกระแซ, สะพานถ้ำกระแซ สะพานไม้เลียบหน้าผาที่มีความยาวกว่า 450 เมตร อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวลำน้ำแควน้อยจากหน้าผาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย

เวลาเที่ยว : ขึ้นรถไฟจากสถานีต้นทางกรุงเทพฯ เวลา 06.30 น. และเวลากลับ 16.53 น. ขึ้นที่สถานีกาญจนบุรี หรือสามารถดูขบวนรถปกติได้ที่ tts.railway.co.th

ค่าบริการในโปรแกรมทัวร์ : อัตราค่าโดยสารรถไฟ รถธรรมดา ชั้น 3 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 900 บาท/คน และนั่งรถปรับอากาศชั้น 2 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 1,020 บาท/คน (ค่าเข้าอุทยานสำหรับชาวต่างชาติ คนละ 40 บาท***) หรือดูรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ railway.co.th

4. นั่งรถไฟไปล่องแพ นอนแผ่สบาย ๆ ที่เมืองกาญจนบุรี

เป็นที่แน่นอนแล้วว่ากิจกรรมพักผ่อนแบบสบาย ๆ ล่องแพแม่น้ำแควน้อยที่เมืองกาญจนบุรี เป็นอีกประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลายคนมักจะพูดถึง และวางอยู่ในลิสต์ท่องเที่ยวเสมอ โดยขบวนรถไฟเส้นนี้จะใช้การเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-กาญจนบุรีเท่านั้น และกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่จะใช้การล่องแพ ซึ่งสถานีปลายทางของทริปนี้จะจอดให้นั่งท่องเที่ยวได้เก็บภาพความสวยงาม พร้อมถ่ายเซลฟี่กับสะพานข้ามแม่น้ำแควก่อน และเดินทางลงแพขนาดใหญ่ ล่องไปตามแม่น้ำแควใหญ่ ชมทิวทัศน์สองข้างทางจากนั้นเดินทางขึ้นจากแพ บริเวณพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บริเวณวัดไทยชุมพลชนะสงคราม ซึ่งในช่วงกลางวันสามารถทานอาหารบนแพท่ามกลางธรรมชาติได้ อีกทั้งชมสุสานทหารพันธมิตร "เขาช่องไก่" สุสานทหารกล้าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมล่องแพไปทางด้านหลังของวัดถ้ำเขาปูน ซึ่งภายในโขดหินที่สวยงาม ภายในโถงถ้ำแบ่งออกเป็น 9 ห้อง แต่ละห้องมีชื่อเรียกตามลักษณะที่แตกต่างกัน จบด้วยการเดินทางไปชม "ช่องเขาขาด" หรือช่องไฟนรก (Hellfire Pass) เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นทางรถไฟมรณะสายนี้

ค่าบริการในโปรแกรมทัวร์ : อัตราค่าโดยสารรถไฟ รถธรรมดา ชั้น 3 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 900 บาท/คน และนั่งรถปรับอากาศชั้น 2 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 1,040 บาท/คน หรือดูรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ railway.co.th

ภาพจาก LightCooker / shutterstock.com

5. เส้นทางรถไฟลอยน้ำบนเขื่อนป่าสัก ผ่านทุ่งทานตะวันสระบุรี

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟสายนี้เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นสู่เส้นทางสายเหนือ ด้วยขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เมื่อผ่านสถานีแก่งคอยเป็นต้นไปเราสามารถชื่นชมความสวยงามของทุ่งทานตะวันได้ (ขบวนรถไฟพิเศษจะจอดให้ลงถ่ายรูปได้ 30 นาที) หลังจากนั้นขบวนรถไฟจะเคลื่อนตัวไปยังสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อชมบรรยากาศไฮไลท์ คือ "สะพานเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟลอยน้ำสวยงามมาก และในระหว่างที่รอรถไฟขากลับสามารถชมวิวเขื่อนป่าสักที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีโคกสลุงได้

ทั้งนี้ปกติแล้วเส้นทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟสายนี้จะฮอตฮิตมากในช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงที่ทุ่งดอกทานตะวันกำลังเบ่งบานในพื้นที่จังหวัดสระบุรี (ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย)

เวลาเที่ยว : ขึ้นรถไฟจากสถานีต้นทางกรุงเทพฯ ปลายทางที่สถานีโคกสลุง หรือสามารถดูขบวนรถปกติได้ที่ tts.railway.co.th

6. นั่งรถไฟตรงดึ่งไปรับลมที่ชายทะเลหัวหิน

ปิดท้ายกับเส้นทางเที่ยวเอาใจคนรักทะเลในเส้นทางหัวหิน โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีหัวหิน พร้อมเดินทางด้วยขบวนรถพิเศษนำเที่ยว ที่จะจอดยังจุดหลายปลายทางที่บริเวณสวนประดิพัทธ์ ซึ่งเป็นทั้งจุดลงเที่ยวไป-กลับที่มีความสวยงาม ใสสะอาด ละเมื่อเดินทางมาถึงสถานีหัวหินแล้วสามารถต่อรถสองแถวไปยังที่เที่ยวหัวหินแบบใกล้ ๆ ได้อีกด้วย

เวลาเที่ยว : ขึ้นรถไฟจากสถานีต้นทางกรุงเทพฯ เวลา 06.30 น. และเวลากลับ 15.31 น. ขึ้นที่สวนประดิพัทธ์ หรือสามารถดูขบวนรถปกติได้ที่ tts.railway.co.th

ค่าบริการในโปรแกรมทัวร์ : อัตราค่าโดยสารรถไฟ รถธรรมดา ชั้น 3 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 120 บาท/คน และนั่งรถปรับอากาศชั้น 2 ผู้ใหญ่/เด็ก ราคา 240 บาท/คน หรือดูรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ railway.co.th

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวตามเส้นทางรถไฟแบบ 6 เส้นทางนี้จะต้องตกหลุมรักการเดินทางนี้แน่นอนค่ะ

หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง