ต้องลอง..ที่เที่ยวสุดอเมซิ่งในเอเชีย

อ่าน 6,258

เอเชียเป็นทวีปที่มีความหลากหลายทางภูมิประเทศและภูมิอากาศ จึงทำให้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนทวีปนี้มากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราค้นหาได้ไม่รู้จักหมดสิ้นและวันนี้มจะขออาสาพาไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวในเอเชียที่มีความอะเมซิ่งจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ในเอเชียด้วย จะมีที่ไหนบ้างนั้นไปชมกันเลย


1. หุบเขาช็อกโกแลต เกาะโบโฮล ประเทศฟิลิปปินส์
หุบเขาช็อกโกแลต เป็นกลุ่มของภูเขารูปร่างแปลกประหลาดคล้ายกรวยคว่ำ ที่เกิดขึ้นอยู่ในบริเวณเดียวกันไม่น้อยกว่า 1,268 ลูก ซึ่งแต่ละลูกก็มีความสูงใกล้เคียงกัน โดยแต่ละลูกมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 30-50 เมตร และมีลูกที่สูงที่สุดประมาณ 120 เมตร ในช่วงหน้าฝนหุบเขาทั้งหมดจะมีสีเขียวสดใส แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว หุบเขาแห่งนี้จะเป็นสีน้ำตาล จึงเป็นที่มาของคำว่า"หุบเขาช็อกโกแลต"(ขอขอบคุณข้อมูลจากchocolatehills)

2. เกาะหัวใจมรกต (Cocks Comb Island) ประเทศพม่า
ประเทศพม่า เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะท้องทะเลที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยลโฉม และนั่นก็ทำให้เราพบกับความมหัศจรรย์ของทะเลพม่า เป็นเกาะที่มีปล่องอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ เรียกว่าเกาะค็อกคอม(Cocks Comb Island) หากได้มองเกาะนี้จากทางอากาศจะเห็นว่าปล่องตรงกลางเกาะมีรูปร่างเหมือนหัวใจ เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัล บริเวณรอบ ๆ ปากปล่องจะมีต้นไม้สีเขียวขจีขึ้นอยู่รายล้อม ที่สำคัญเกาะแห่งนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยอีกด้วย สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้จากทางจังหวัดระนอง (ขอขอบคุณข้อมูลจากdive-the-world)

3. หุบเขาหัวซาน (Huashan Mountain) สาธารณรัฐประชาชนจีน


อยู่ห่างจากเมืองซีอานประมาณ 120 กิโลเมตร เป็นเทือกเขาสูงชันที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของทางเดินขึ้นเขาที่แคบ สูง และหวาดเสียวที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยนิยมที่จะมาปีนป่ายวัดใจกันที่ยอดเขาแห่งนี้ หุบเขาหัวซานมีทั้งหมด 5 ยอดด้วยกัน ยอดที่สูงที่สุดสูงถึง 2,160 เมตร ซึ่งเส้นทางที่จะผ่านขึ้นไปถึงแต่ละยอดเขานั้น ก็มีทั้งทางเดินปูนและทางเดินไม้ บางช่วงมีความชันเกือบ 90 องศา บางช่วงเป็นทางเดินเรียบแต่อยู่บนยอดเขา ราวกับเดินบนเมฆ บางช่วงเป็นทางเดินไม้ที่เล็กแคบเพียงแค่ประมาณ 50 เซนติเมตรเท่านั้น แต่รับรองได้เลยว่าตลอดเส้นทางจะสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องหายใจกันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากคิดว่าใจไม่กล้าพอก็สามารถนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นมาเที่ยวชมด้านบนได้เช่นกัน (ขอขอบคุณข้อมูลจากtravelchinaguide)

4. ถ้ำซันดอง (Son Doong Cave) ประเทศเวียดนาม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าถ้ำที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในโลกได้อยู่ในทวีปเอเชียนี่เอง ซึ่งถ้ำที่ว่านี้มีชื่อว่า"ถ้ำซันดอง"ตั้งอยู่ในจังหวัด Quang Binh ถูกค้นพบในปี 1991 โดย Ho Khanh และได้ถูกทำการสำรวจอีกครั้งโดย Howard Limbert นักผจญภัยถ้ำชาวอังกฤษ ถ้ำซันดองเป็นถ้ำหินโบราณ ก่อตัวมามากกว่า 2-5 ล้านปี โดยแม่น้ำที่ไหลผ่านถ้ำมายาวนาน มีความกว้างมากกว่า 200 เมตร สูงกว่า 150 เมตร และยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ภายในถ้ำได้ซ่อนความงดงามไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวถ้ำที่สวยงาม หินงอก หินย้อย เสาหินปูนขนาดใหญ่ แม่น้ำเย็นฉ่ำ พื้นหินที่เป็นชั้นลดหลั่น ฯลฯ ขอบอกเลยว่าแค่วันเดียวก็คงเที่ยวถ้ำแห่งนี้ได้ไม่ทั่ว (ขอขอบคุณข้อมูลจากsondoongcave)

5. เขาสิคิริยา (Sigiriya) ประเทศศรีลังกา
เขาสิคิริยาหรือสิคิริยะ อยู่ระหว่างเมือง Dambulla และเมือง Habarane เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางป่าอันเขียวขจีโดยรอบ เกิดจากการก่อตัวของลาวาจากภูเขาไฟ มีความสูงประมาณ 200 เมตร มีลักษณะคล้ายกับสีเหลี่ยมผืนผ้า บริเวณด้านบนจึงกลายเป็นที่ตั้งของอาณาจักรในกษัตริย์ Kasyapa บริเวณทางขึ้นด้านล่างมีเท้าของสิงโตที่ทำจากหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งสองด้าน ส่วนทางเดินนั้นเป็นทางเดินเล็ก ๆ ไต่ขึ้นไปยังด้านบน โดยบางช่วงจะมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามปรากฏอยู่ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็จะพบกับรอยเดิมของการตั้งเมือง พื้นที่กว้างใหญ่ สามารถชมวิวรอบด้านได้อย่างสวยงาม (ขอขอบคุณข้อมูลจากsigiriyatourism)

6. ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวดันหวง (Dunhuang Crescent Lake) สาธารณรัฐประชาชนจีน


ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวดันหวง อยู่ห่างจากเมืองดันหวง มณฑลกานซู ประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งในทะเลทรายโกบี บริเวณโดยรอบเป็นเนินทรายสูงใหญ่ แต่กลับมีทะเลสาบคล้ายกับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเกิดขึ้นบริเวณนี้ ซึ่งน้ำในทะเลสาบไหลมาจากแหล่งน้ำอื่น ๆ ผ่านตามรอยแยกใต้ทะเลทราย และเพราะกระแสลมที่พัดพาเม็ดทรายให้สูงขึ้นไปทับถมในบริเวณข้างเคียง จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ไม่ถูกทรายทับถมไป และปรากฏให้เราเห็นมาจนถึงปัจจุบัน บริเวณด้านข้างของทะเลสาบมีการสร้างสถาปัตยกรรมจีนไว้เพื่อเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวด้วย (ขอขอบคุณข้อมูลจากtravelchinaguide)

7. หมู่บ้าน Nongsohphan เมือง meghalaya ประเทศอินเดีย
หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านที่เปียกที่สุดในโลก ด้วยสภาพภูมิประเทศของหมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีอากาศเย็น มีไอหมอกตลอดทั้งปี ในช่วงหน้าฝนก็จะมีปริมาณฝนที่มากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของโลก ชาวบ้านใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน แม้แต่สะพานข้ามลำธารในหมู่บ้านยังสร้างขึ้นจากรากของต้นยางหลาย ๆ ต้น ที่นำมาสอดประสานถักทอกันจนเป็นสะพานเล็ก ๆ ข้ามลำธารเพื่อการสัญจรภายในหมู่บ้าน แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีหมู่บ้านแบบนี้หลงเหลืออยู่ในโลกอีกด้วย (ขอขอบคุณข้อมูลจากtheatlantic)

8.เกาะ Aogashima ประเทศญี่ปุ่น
เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 358 กิโลเมตร เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในทะเล ตัวเกาะยาว 3.5 กิโลเมตร และกว้าง 2.5 กิโลเมตร สิ่งมหัศจรรย์ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นภูเขาไฟสองลูกซ้อนกันอีกด้วย โดยลูกเล็กเกิดขึ้นอยู่ภายในปล่องของลูกใหญ่อีกทีหนึ่ง สภาพภูมิประเทศของเกาะแห่งนี้มีต้นไม้ปกคลุมอยู่มากมาย หากมองจากมุมสูงจะเห็นว่าทั้งเกาะนั้นเขียวขจี สดชื่น ในด้านหนึ่งของเกาะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 200 คน มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปได้ทั้งเรือเฟอร์รี่และเฮลิคอปเตอร์ (ขอขอบคุณข้อมูลจากwhenonearth)

9. น้ำตก Ban Gioc ประเทศเวียดนาม


น้ำตก Ban Gioc เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในจังหวัด Cao Bang แต่อันที่จริงแล้วน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างกลางเขตแดนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นน้ำตกที่อยู่ระหว่างเขตแดนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก มีความสูงถึง 30 เมตร และกว้างกว่า 300 เมตร มีแอ่งขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ซึ่งสามารถล่องเรือแบบพื้นบ้านเข้าไปชมตัวน้ำตกได้ บริเวณรอบ ๆ น้ำตกเป็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่ มีต้นไม้และดอกไม้ขึ้นล้อมรอบอย่างงดงาม (ขอขอบคุณข้อมูลจากvietnamcoracle)

10. อุทยานแห่งชาติ Gunnung Mulu ประเทศมาเลเซีย

อุทยานแห่งชาติ Gunnung Mulu ตั้งอยู่บนเกาะ Borneo รัฐซาราวัก เป็นอุทยานที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกอบไปด้วยป่าเขาเขตร้อน สัตว์ป่ามากกว่า 3,000 ชนิด ต้นไม้นานาพรรณ ถ้ำขนาดใหญ่ แม่น้ำลำธาร แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือพื้นที่ของเสาหินปูนที่ถูกกัดกร่อนโดยลม น้ำ และแสงแดดมายาวนาน จนทำให้มีลักษณะเป็นเสาหินปูนสูงและแหลม มีต้นไม้สีเขียวขึ้นแซมเป็นหย่อม ๆ จึงทำให้ดูสดชื่น อุทยานแห่งนี้ก็ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2000 (ขอขอบคุณข้อมูลจากunesco)

11. สามทะเลสาบ สามสี ปากปล่องภูเขาไฟ (Colored Volcanic Crater lakes) ประเทศอินโดนีเซีย
ทั้ง 3 ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่บนภูเขา Kelimutu บนเกาะ Flores ประเทศอินโดนีเซีย นอกจากทั้ง 3 ทะเลสาบนี้จะมีความมหัศจรรย์ด้วยอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟแล้ว ยังมีสีสันที่แตกต่างกันทั้ง ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กันอีกด้วย โดยมีสีฟ้า, สีเขียวเข้ม และสีแดง ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาของแร่ธาตุใต้น้ำนั่นเอง (ขอขอบคุณข้อมูลจากvolcanodiscoveryและndonesia.travel)

12. ทะเลทรายโกบี สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศมองโกเลีย

ทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ของทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนและทางตอนใต้ของประเทศมองโกเลีย มีพื้นที่มากถึง 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร มีทั้งเนินทรายสูงชัน และที่ราบ ทะเลทรายโกบีจะแตกต่างจากทะเลทรายที่อื่น ๆ ก็คือจะมีฝนตกเฉลี่ยประมาณ 7 นิ้ว ของปริมาณน้ำฝนในทุกปี และด้วยที่ตั้งของทะเลทรายโกบีอยู่บริเวณทางเหนือและสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,520 เมตร จึงทำให้ที่แห่งนี้เป็นทะเลทรายที่หนาวมาก บางปีอากาศติดลบถึง -40 องศาฟาเรนไฮต์ เลยทีเดียว (ขอขอบคุณข้อมูลจากgobidesert)

13. สะพานพระจันทร์ (Moon Bridge) ประเทศไต้หวัน

สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะดาหู (Dahu Park) เมืองไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 โครงสร้างทำด้วยหิน มีลักษณะเป็นสะพานโค้งครึ่งวงกลม ทอดผ่านสระน้ำภายในสวน ซึ่งหากมองจากทางด้านสถานีรถไฟฟ้าดาหูในยามค่ำคืน จะเห็นสะพานแห่งนี้สะท้อนลงผืนน้ำ เกิดเป็นภาพพระจันทร์เต็มดวง โดยเบื้องหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่ รอบ ๆ สวนสาธารณะเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น จึงทำให้สะพานแห่งนี้ดูโดดเด่นงดงาม แปลกตา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปเยือนกรุงไทเป (ขอขอบคุณข้อมูลจากtaipeitimes)

14. ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา

หากพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นครวัดก็มักจะติดอยู่ในลิสต์เสมอ ด้วยเป็นปราสาทหินที่สวยงามตามแบบศิลปะขอม สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องจักรที่สามารถยกหินก้อนใหญ่ยักษ์เพื่อนำมาสร้างปราสาทได้ แล้วคนในยุคนั้นสามารถสร้างปราสาทอันยิ่งใหญ่จากหินก้อนมหึมาขึ้นมาได้อย่างไร ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องหาคำตอบ ตัวของปราสาทนครวัดมีปรางค์ 5 ยอด สูงประมาณ 213 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบคล้ายกับเขาพระสุเมรุ บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของปราสาทต่าง ๆ มากมาย อาทิ ปราสาทนครธม, ปราสาทบายน, ปราสาทบันทายศรี, ปราสาทพระขรรค์ เป็นต้น (ขอขอบคุณข้อมูลจากtourismcambodia)

15. บลู ลากูน (Blue Lagoon) เมืองวังเวียง ประเทศลาว
เมืองวังเวียง เป็นเมืองเล็ก ๆ ในประเทศลาวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ป่าเขา ลำธาร วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้โลกตะลึงได้เช่นกัน ด้วยสระน้ำสีฟ้าใสราวกับคริสตัล ที่ตั้งอยู่หน้าถ้ำภูคำ (Tham Phu Kham Cave) ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำนั่นเอง โดยรอบ ๆ สระน้ำปกคลุมด้วยต้นไม้ ด้านหนึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ มีเชือกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กระโดดน้ำเล่น ซึ่งน้ำในสระก็เย็นฉ่ำ สามารถคลายร้อนได้อย่างดีเลยทีเดียว (ขอขอบคุณข้อมูลจากrenown-travel)

16. สะพานดินจินโด-โมโด (Jindo-Modo Landbridge) ประเทศเกาหลีใต้

เกาะจินโด (Jindo) เป็นเกาะเล็ก ๆ ในประเทศเกาหลีใต้ ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลและเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "เกาะโมโด" ในช่วงเดือนมีนาคมและกลางเดือนมิถุนายน ปริมาณน้ำทะเลจะลดต่ำลง จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์สะพานดินเชื่อมเกาะจินโดและเกาะโมโดเข้าด้วยกัน มีระยะทางประมาณ 2.9 กิโลเมตร และกว้าง 40 เมตร ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ครั้งใน 1 ปีเท่านั้น และเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะจัดเทศกาลให้นักท่องเที่ยวมาเดินเก็บกุ้ง หอย ปู ปลา สาหร่ายทะเล ตามทางเดินสะพานดินจินโด-โมโด เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่กำลังได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวเกาหลีใต้ (ขอขอบคุณข้อมูลจากepartful)

ใครชอบเที่ยวสไตล์ไหนก็เลือกวางแผนการเดินทางกันได้เลย เพราะบางสถานที่นั้นก็อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเท่าไรนัก เป็นการเที่ยวแบบไม่ต้องเปลืองเงินในกระเป๋ามากอีกด้วย แล้วแบบนี้จะรออะไร ? ออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองกันเถอะ



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นใช้บัตรเครดิตในปั๊มน้ำมันข่าวล่าสุดขโมยพระใช้บัตรเครดิตเตือนภัยเซลล์แมนขโมยรถRenovationVNCทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก