เฝ้าชมความสวยงามของผีเสื้อแก่งกระจาน แคมป์บ้านกร่าง จังหวัดเพชรบุรี ร้อนนี้ต้องไปเยือน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sirithorn Wihock-hong

เฝ้าชมความสวยงามของผีเสื้อแก่งกระจาน แคมป์บ้านกร่าง จังหวัดเพชรบุรี ที่ต่างออกมาสยายปีกโบยบิน ตลอดช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี

อากาศร้อนที่ใคร ๆ ต่างก็คิดถึงที่เที่ยวหน้าร้อนอย่างการเที่ยวทะเลแบบนี้ ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยเลือกบ่ายหน้าเข้าหาแนวป่าและลำธาร ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติที่ต่างออกไป ซึ่งทะเลที่ไหนก็ให้ไม่ได้ เพราะมันคือการยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมสารพัดสีสันของฝูงผีเสื้อแก่งกระจาน ที่โอบล้อมด้วยแนวผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดผืนหนึ่งของไทย อะไรคือเสน่ห์ของการดูผีเสื้อแก่งกระจาน และสวยงามจริงอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า วันนี้เราจะหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

ไกลออกไปในทิวเขาสลับซับซ้อนของผืนป่าของไทย ที่นี่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ผืนป่าใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์และชุกชุมไปด้วยสรรพสัตว์นานาชนิด ในช่วงฤดูหนาวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แห่แหนเดินทางมาชมความสวยงามของทะเลหมอกที่เขาพะเนินทุ่ง พร้อมกับต้อนรับตะวันในรุ่งอรุณ จนกระทั่งส่งตะวันลาลับยอดเขา เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิตของการมาเที่ยวแก่งกระจาน

นอกจากนี้แก่งกระจานยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยอีกด้วย ไม่มีนักดูผีเสื้อคนไหนไม่รู้จักลานผีเสื้อ ณ แคมป์บ้านกร่าง อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมาที่นี่เพื่อดูผีเสื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ แปลก ๆ ที่บางครั้งก็มีที่แก่งกระจานที่เดียวเท่านั้น โดยแต่ละปีของทุกช่วงฤดูร้อนที่สภาพอากาศร้อนจัด สายน้ำในลำธารเริ่มเหือดแห้ง บรรดาเหล่าผีเสื้อนานาชนิด จะพากันมาหากินตามดินโป่งหรือน้ำแฉะ ๆ โดยเฉพาะบริเวณริมลำธารซึ่งมีแร่ธาตุต่าง ๆ ปนมากับน้ำมากมายให้ผีเสื้อได้ใช้เป็นอาหาร บางครั้งนักท่องเที่ยวอาจได้เห็นการอพยพของฝูงผีเสื้อนับร้อยนับพันตัวอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นจุดศูนย์รวมของผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์ ที่หาดูไม่ได้จากที่ไหนในเมืองไทย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่คิดจะมาถ่ายรูปที่ลานผีเสื้อ แคมป์บ้านกร่างนี้ อาจจะต้องสวมวิชาตัวเบาอยู่สักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าเจ้าผีเสื้อพวกนี้ติดเรดาร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ตัวอยู่หรือเปล่า เพราะทันทีที่เราขยับตัวแม้เพียงนิด ฝูงผีเสื้อก็จะบินฮือกระจายตัวแทบจะทันที บางครั้งนักท่องเที่ยวต้องใช้ทักษะการสังเกต ลองดูฝูงผีเสื้อที่กำลังดูดกินอาหารนิ่ง ๆ ตามดินโป่งอย่างเมามันส์ เมื่อเล็งได้ที่แล้วก็กดชัตเตอร์ไปเลยรัว ๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจได้ยินชัตเตอร์จากเพื่อนร่วมเดินทางคนอื่น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน หากแต่ยามที่ฝูงผีเสื้อบินแตกฮือในอากาศ ก็เป็นภาพที่ประทับใจไม่น้อย เพราะไม่ใช่ว่าทุกครั้งเราจะได้อยู่ท่ามกลางฝูงผีเสื้อนับร้อยนับพันแบบนี้

? ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดูผีเสื้อ

ฤดูกาลที่ดีที่สุดในการดูผีเสื้อ ลานแคมป์บ้านกร่าง เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี ส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาที่ฝูงผีเสื้อจะมาชุมนุมสยายปีกสวย ๆ ให้เราได้เห็น มักเป็นช่วงเช้าแสงแดดอ่อน ๆ เลยไปจนถึงบ่ายนิด ๆ เพราะทันทีที่แสงแดดเริ่มแรง ฝูงผีเสื้อเหล่านั้นจะหลบร้อนหนีหายเข้าไปซุกตามใบไม้และป่าเหมือนเดิม

? เส้นทางและจุดดูผีเสื้อ

จุดดูผีเสื้อห่างจากแคมป์บ้านกร่างไปไม่ถึง 2 กิโลเมตร เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกับทางที่มุ่งหน้าขึ้นไปสู่พะเนินทุ่ง และต้องผ่านลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลคดเคี้ยวไปมาอยู่ 3 ครั้ง จนเรียกกันติดปากว่า ลำธาร 1 ลำธาร 2 และลำธาร 3 ซึ่งแต่ละจุดจะมีจำนวนและสายพันธุ์ผีเสื้อที่แตกต่างกัน

? การบริการที่พัก

นักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มที่ ที่แคมป์บ้านกร่างมีลานกางเต็นท์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว หากแต่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไปเอง

? เตรียมพร้อมสู่แคมป์บ้านกร่าง

ควรเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถที่มีสภาพพร้อมสมบูรณ์ เนื่องจากเส้นทางการเดินทางในแต่ละจุดของการดูผีเสื้อค่อนข้างสมบุกสมบัน อาจต้องผ่านดินโคลน ก้อนกรวด ก้อนหิน ถ้ารถของคุณอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม แล้วรถเกิดมีปัญหา อาจจะพาลให้หมดสนุกเอาได้ หรือทางที่ดีอาจติดต่อขอเช่ารถได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้อีกทางหนึ่ง

เอาจริง ๆ แล้วคงมีไม่กี่ฤดูร้อนที่เราจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่แท้จริงแบบนี้ การเฝ้าดูอากัปกิริยาสยายปีกโบยบินของฝูงผีเสื้อแก่งกระจานเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นับเป็นภาพความงดงามที่ไม่ว่าคุณจะมีเงินเท่าไรก็หาซื้อดูเดี๋ยวนั้นไม่ได้ นอกเสียจากเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเอง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทรศัพท์ 032 459 293 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทรศัพท์ 032 471 005-6

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากททท, เฟซบุ๊ก Off Ab, เฟซบุ๊ก Sirithorn Wihock-hong