7 เมืองรถรางสุดคูล?ที่ชวนให้คุณสนุกไปกับ Street life
Tram,Trolley
หรือรถราง คือหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกระบบหนึ่ง
โดยจะขับเคลื่อนผ่านรางไปตามถนนต่างๆในเมือง
และใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักในการเดินทาง
และบางขบวนอาจใช้พลังงานดีเซลเพิ่มเติมในการเดินทางระหว่างเมืองนักท่อง
เที่ยวส่วนใหญ่มักมองข้ามการขึ้นรถราง โดยเลือกที่จะใช้ รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้า
รถเมล์แทน ด้วยเหตุผลที่ว่ารถรางนั้นช้า
หรือยากต่อความเข้าใจในขั้นตอนการซื้อตั๋วและเดินทาง
แต่จริงแล้วแล้วการขึ้นรถรางทำให้เราได้เข้าถึงเมืองในย่านต่างๆและผู้คนมาก
ขึ้นในจังหวะที่ไม่เร็วและช้าเกินไป แถมยังขึ้น-ลงง่าย
ใช้เวลาน้อยในการเดินทางต่อไปสถานที่ท่องเที่ยวหลักต่างๆของเมือง
มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่คุณไม่ควรพลาดที่จะขึ้นรถรางดูสักครั้ง1. San Francisco, USA
เมืองดังฝั่ง
ตะวันตกของสหรัฐที่มีรถรางเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง เพียง $2
คุณก็สามารถขึ้นรถสุดคลาสสิค
แถมยังได้เดินทางชมเมืองและเนินเขาด้วยรถรางหลากสีที่มีมาตั้งแต่ประมาณปี
1920 และยังสามารถชมวิวของอ่าวซานฟรานซิสโกได้อีกด้วยBest Route: สาย #F จากย่านริมน้ำและท่าเรือของซานฟรานซิสโก Embarcadero ถึง The Castro ย่านเกย์แห่งแรกของอเมริกา
2. Lisbon, Portugal
เมืองหลวงและ
เมืองชายฝั่งของประเทศโปรตุเกสที่ขึ้นชื่อเรื่องคาเฟ่และไวน์ที่ได้รับความ
นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสน่ห์ของตรอกซอยเล็กๆกว่าพันตรอก
จุดเด่นของรถรางที่นี่นั้นจะเป็นขบวนวินเทจเหมือนหลายๆเมืองโดยเริ่มมีมา
ตั้งแต่ปี 1901
แต่ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาทำให้รถรางที่นี่สามารถช่วยพาคุณประหยัดแรง
ในการเดินทาง
และไปถึงปลายทางได้ง่ายขึ้นพร้อมๆกับการได้ชมวิวสวยๆระหว่างทางBest Route:
สาย #28
จะเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมทางนักท่องเที่ยวมากที่สุดเพราะวิ่งผ่าน
เมือง Lisbon ทางด้านตะวันออกและตะวันตกตั้งแต่ central Baixa up ผ่าน
Alfama ไปจนถึง the castle.
เรียกได้ว่าครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดในบรรดารถรางสายต่างๆ
(ราคาตั๋วต่อเที่ยวประมาณ 2.85 Euros)3. Budapest, Hungary
หนึ่งในเมือง
ที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปฝั่งตะวันออกแถมยังมีระบบขนส่งทางรถรางอย่าง
ดีเยี่ยม สิ่งที่โดดเด่นของรถรางที่นี่คือวิวของแม่น้ำ Danube ที่สวยงาม
และการตกแต่งและประดับตัวรถโดยเฉพาะในหน้าหนาว
ที่บรรดาขบวนต่างๆจะถูกตกแต่งไปด้วยไฟ LED
ทำให้ยามค่ำคืนที่นี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นBest Route:
สาย #2 คือรถรางขบวนที่ถือได้ว่าวิ่งสวยที่สุดสายหนึ่งในยุโรป
โดยเส้นทางจะวิ่งในฝั่ง Pest ของเมือง
ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวของแม่น้ำ Danube, ปราสาทและเมืองฝั่ง Buda
ในฝั่งตรงข้าม (ตั๋ว Unlimited Day Pass ราคา 5 Euros)4. Amsterdam, the Netherlands
เมืองหลวงของ
ประเทศกังหันลมเนเธอร์แลนด์นี้เริ่มต้นใช้รถรางมาตั้งแต่ปี 1875
เรียกได้ว่ามีมาก่อนที่วินเซนต์ แวน โก๊ะ จะตัดใบหูของตัวเองซะอีก โดย
ปัจจุบันแม้ผู้คนจะให้ความสำคัญกับเมืองนี้ในแง่ที่เป็นเมืองจักรยาน
แต่รถรางก็ยังเป็นหนึ่งการขนส่งที่แสดงเอกลักษณ์ของเมือง พอๆกับ
Coffeehouse ที่หลายๆคนยังนึกถึงเมื่อพูดถึง AmsterdamBest Route:
สาย #2 ด้วยค่าโดยสาร 3 Euros จะพาคุณไปยังสถานที่ยอดนิยมต่างๆอย่างเช่น
Royal Palace, De Nieuwe Kerk, Begijnhof, ตลาดดอกไม้ Bloemenmarkt,
Rijksmuseum, Van Gogh Museum, Vondelpark หรือแม้แต่คลองเล็กๆ
ต่างๆในเมือง7 เมืองรถรางสุดคูล?ที่ชวนให้คุณสนุกไปกับ Street life
11.กุมภาพันธ์.2016
- Culture
Tram,Trolley
หรือรถราง คือหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกระบบหนึ่ง
โดยจะขับเคลื่อนผ่านรางไปตามถนนต่างๆในเมือง
และใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักในการเดินทาง
และบางขบวนอาจใช้พลังงานดีเซลเพิ่มเติมในการเดินทางระหว่างเมืองนักท่อง
เที่ยวส่วนใหญ่มักมองข้ามการขึ้นรถราง โดยเลือกที่จะใช้ รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้า
รถเมล์แทน ด้วยเหตุผลที่ว่ารถรางนั้นช้า
หรือยากต่อความเข้าใจในขั้นตอนการซื้อตั๋วและเดินทาง
แต่จริงแล้วแล้วการขึ้นรถรางทำให้เราได้เข้าถึงเมืองในย่านต่างๆและผู้คนมาก
ขึ้นในจังหวะที่ไม่เร็วและช้าเกินไป แถมยังขึ้น-ลงง่าย
ใช้เวลาน้อยในการเดินทางต่อไปสถานที่ท่องเที่ยวหลักต่างๆของเมือง
มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่คุณไม่ควรพลาดที่จะขึ้นรถรางดูสักครั้ง1. San Francisco, USA
เมืองดังฝั่ง
ตะวันตกของสหรัฐที่มีรถรางเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง เพียง $2
คุณก็สามารถขึ้นรถสุดคลาสสิค
แถมยังได้เดินทางชมเมืองและเนินเขาด้วยรถรางหลากสีที่มีมาตั้งแต่ประมาณปี
1920 และยังสามารถชมวิวของอ่าวซานฟรานซิสโกได้อีกด้วยBest Route: สาย #F จากย่านริมน้ำและท่าเรือของซานฟรานซิสโก Embarcadero ถึง The Castro ย่านเกย์แห่งแรกของอเมริกา
2. Lisbon, Portugal
เมืองหลวงและ
เมืองชายฝั่งของประเทศโปรตุเกสที่ขึ้นชื่อเรื่องคาเฟ่และไวน์ที่ได้รับความ
นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสน่ห์ของตรอกซอยเล็กๆกว่าพันตรอก
จุดเด่นของรถรางที่นี่นั้นจะเป็นขบวนวินเทจเหมือนหลายๆเมืองโดยเริ่มมีมา
ตั้งแต่ปี 1901
แต่ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาทำให้รถรางที่นี่สามารถช่วยพาคุณประหยัดแรง
ในการเดินทาง
และไปถึงปลายทางได้ง่ายขึ้นพร้อมๆกับการได้ชมวิวสวยๆระหว่างทางBest Route:
สาย #28
จะเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมทางนักท่องเที่ยวมากที่สุดเพราะวิ่งผ่าน
เมือง Lisbon ทางด้านตะวันออกและตะวันตกตั้งแต่ central Baixa up ผ่าน
Alfama ไปจนถึง the castle.
เรียกได้ว่าครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดในบรรดารถรางสายต่างๆ
(ราคาตั๋วต่อเที่ยวประมาณ 2.85 Euros)3. Budapest, Hungary
หนึ่งในเมือง
ที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปฝั่งตะวันออกแถมยังมีระบบขนส่งทางรถรางอย่าง
ดีเยี่ยม สิ่งที่โดดเด่นของรถรางที่นี่คือวิวของแม่น้ำ Danube ที่สวยงาม
และการตกแต่งและประดับตัวรถโดยเฉพาะในหน้าหนาว
ที่บรรดาขบวนต่างๆจะถูกตกแต่งไปด้วยไฟ LED
ทำให้ยามค่ำคืนที่นี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นBest Route:
สาย #2 คือรถรางขบวนที่ถือได้ว่าวิ่งสวยที่สุดสายหนึ่งในยุโรป
โดยเส้นทางจะวิ่งในฝั่ง Pest ของเมือง
ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวของแม่น้ำ Danube, ปราสาทและเมืองฝั่ง Buda
ในฝั่งตรงข้าม (ตั๋ว Unlimited Day Pass ราคา 5 Euros)4. Amsterdam, the Netherlands
เมืองหลวงของ
ประเทศกังหันลมเนเธอร์แลนด์นี้เริ่มต้นใช้รถรางมาตั้งแต่ปี 1875
เรียกได้ว่ามีมาก่อนที่วินเซนต์ แวน โก๊ะ จะตัดใบหูของตัวเองซะอีก โดย
ปัจจุบันแม้ผู้คนจะให้ความสำคัญกับเมืองนี้ในแง่ที่เป็นเมืองจักรยาน
แต่รถรางก็ยังเป็นหนึ่งการขนส่งที่แสดงเอกลักษณ์ของเมือง พอๆกับ
Coffeehouse ที่หลายๆคนยังนึกถึงเมื่อพูดถึง AmsterdamBest Route:
สาย #2 ด้วยค่าโดยสาร 3 Euros จะพาคุณไปยังสถานที่ยอดนิยมต่างๆอย่างเช่น
Royal Palace, De Nieuwe Kerk, Begijnhof, ตลาดดอกไม้ Bloemenmarkt,
Rijksmuseum, Van Gogh Museum, Vondelpark หรือแม้แต่คลองเล็กๆ
ต่างๆในเมือง5. Istanbul, Turkey
เดิมทีที่
Istanbul นั้นในอดีตใช้รถรางโดยขับเคลื่อนด้วยม้าแต่ได้หยุดบริการไปเมื่อปี
1966 โดยได้กลับมาพัฒนาอีกครั้งในปี 1990 โดยแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ Modern
tramline และ Heritage tramline ซึ่งทั้งสองประเภทมีให้บริการในฝั่งยุโรป
แต่ส่วนของ Heritage นั้นมีให้บริการทั้งฝั่งยุโรปและเอเชียของประเทศBest Route:
สายโบราณหรือ Heritage นั้นมีให้บริการ 2 สายคือ T2 (ยุโรป) และ T3
(เอเชีย) ซึ่งรถรางสาย Heritage นี้จะพาคุณให้ได้เห็นในส่วนของเมืองเก่า
และบรรยากาศของบ้านเมืองตลอด 2 ข้างทางรวมไปถึงสถานที่สำคัญต่างๆของเมือง6. Hong Kong, China
ฮ่องกง เมืองที่ใครหลายๆคนนึกถึง โดยเฉพาะเรื่องอาหารและช้อปปิ้ง การ
ขึ้นรถรางหรือที่หลายๆคนเรียกว่า ?Ding-Ding tram?
นั้นถือว่าเป็นการเดินทางที่สนุกที่สุดที่จะได้ดูเมืองและชีวิตของคนฮ่องกง
ซึ่งเส้นทางที่ชิวและเดินทางนานที่สุดคือจาก Shau Kei Wan ถึง Kennedy Town
โดยใช้เวลาถึง 80 นาทีBest Route:
ที่ฮ่องกงนั้นเราไม่มีคำแนะนำเส้นทางพิเศษ เพียงแต่แนะนำว่าควรขึ้นชั้น 2
ของรถรางและสนุกกับการชมเมือง
อีกอย่างที่เราเพลินเสมอกับรถรางที่นี่คือโฆษณาต่างๆบนแต่ละขบวน
ที่ดึงเอาตัวตนของแบรนด์ที่น่าสนใจมาดึงดูดเราได้เสมอ
(สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Tram ที่ฮ่องกงได้ที่ http://www.hongkongextras.com/trams.html )7. Melbourne, Australia
ปิดท้ายด้วย
Melbourne เมืองสุดฮิปของชาวออสซี่
ที่เป็นอีกเมืองนึงที่ถ้าพูดถึงรถรางแล้วต้องนึกถึงที่นี่ โดย Melbourne
นั้นมีระบบรถรางที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบด้วยระยะทางของราง 250 กม, 30
เส้นทาง, 1,763 ป้ายจอด ซึ่งแบ่งออกเป็นแบบ vintage และ modernBest Route:
สาย #96 คือขบวนที่ได้รับความนิยมที่สุดองนักท่องเที่ยว
เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ผ่าน 3 ย่านสำคัญของเมืองได้แก่ Fitzroy (ย่าน
Bohemian), เขตธุรกิจ และชายหาด St.Kilda
นอกจากนั้นมีอีกสายที่เราแนะนำคือสาย 35 (City Circle)
โดยเป็นรถรางที่ให้บริการฟรี
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการไปสถานที่สำคัญ
หรืออีเว้นท์ต่างๆในเมืองได้ (รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ https://ptv.vic.gov.au/route/view/1112)
Writer: Narith Kettong
Ref: http://www.holland.com/
http://www.hotelclub.com/blog/best-cities-to-ride-a-tram/
http://sf.funcheap.com/
Wikipedia
http://lisbon-portugal-guide.com/lisbon-transport/lisbon-tram-guide.html
http://monkeysandmountains.com/budapest-tram-2-europes-scenic-tram-journey, http://travel.nationalgeographic.com/travel/top-10/trolley-rides/
http://avecphoto.photoshelter.com/image/I00003oe0i18Pb8s