ตามรอย..อิคคิวซัง ที่วัดคินคะคุจิ
นุ บางบ่อ...เรื่อง / ภาพ
ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะมีความคุ้นเคยกับวัดคินคะคุจิและ
ท่านโชกุน จากภาพยนต์การ์ตูนอมตะเรื่องเณรน้อยเจ้าปัญญา หรือ อิคคิวซัง
แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าสถานที่ล้ำค่าแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไรเมืองเคียวโตะ หรือที่ทั่วไปมักจะออกเสียงเรียกกันว่า เมืองเกียวโต นั้นเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของเกาะฮนชู จากสถิติถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลกในปี พ.ศ. 2555
ความเป็นมาของเมืองเคียวโตะนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8
นับเป็นช่วงเวลาที่นักบวชในพุทธศาสนามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลาดังกล่าวนักบวชได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการในราชสำนักของสมเด็จ
พระจักรพรรดิคัมมุ
ทำให้จักรพรรดิตัดสินพระทัยที่จะย้ายนครหลวงไปยังภูมิภาคที่ห่างไกลจาก
อิทธิพลของพุทธศาสนา โดยทรงเลือกชัยภูมิแห่งใหม่ที่หมู่บ้านอุดะ
นครหลวงแห่งใหม่นี้ได้รับนามว่า เฮอังเกียว หรือเมืองเคียวโตะในปัจจุบัน
ซึ่งมีความหมายว่า นครหลวงแห่งสันติและสงบสุข
โดยได้แนวคิดมาจากนครหลวงฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เพียงแต่ปรับขนาดให้เล็กลง
และต่อมาในปี ค.ศ. 794 เฮอังเกียวก็ได้กลายเป็นนครที่ตั้งของราชสำนัก
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอัง นับเป็นยุคทองของ
ประเทศญี่ปุ่น ที่ทั้งศิลปะและวัฒนธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุด
มีการพัฒนาปรับปรุงวัฒนธรรมต่างๆ ที่หยิบยืมมาจากประเทศจีนและลัทธิขงจื้อ
จนกลายเป็นวัฒนธรรมแบบเฉพาะตัวของญี่ปุ่นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในยุคนี้คือ สถาปัตยกรรมแบบชินเด็ง (Shinden
) อันจะประกอบด้วยเรือนหลัก
และเรือนต่อขยายออกไปทางด้านตะวันตกและตะวันออก
เชื่อมกับเรือนหลักด้วยทางเดินที่มีหลังคาคลุม
เรือนหลักนั้นจะหันหน้าไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นทิศมงคลตามคติความเชื่อแบบจีน
ส่วนเรือนทางทิศเหนือนั้นจะจัดให้เป็นที่พำนักของภรรยาหลวง
ด้านหน้าทำเป็นสวนที่ประกอบไปด้วยสระน้ำ เนินเขาจำลอง เกาะ และสะพาน
โดยมีกำแพงดินล้อมรอบหมู่คฤหาสน์ทั้งหมด
ส่วนที่เป็นหลังคานิยมมุงด้วยเปลือกสนซ้อนกันเป็นชั้นหนามากกว่าการใช้
กระเบื้อง เพราะกระเบื้องแบบจีนนั้นไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของญี่ปุ่น
พื้นจะเป็นพื้นไม้กระดาน
เรือนด้านตะวันออกส่วนใหญ่จะมีทางเดินยาวเชื่อมสู่เรือนตกปลาที่สร้างไว้
เหนือลำธารหรือสระน้ำเรือนแบบชินเด็งแต่ละหลัง สามารถแบ่งห้องได้ตั้งแต่ 4 ห้องถึง 9 ห้อง
โดยใช้ฉาก หรือ ราวผ้าม่านเป็นเครื่องกั้นห้องตามขนาดความต้องการใช้งาน
สถาปัตยกรรมแบบชินเด็งนี้จะเย็นสบายในฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจึงมักพบเห็นสถาปัตยกรรมแบบชินเด็งแบบดั้งเดิมได้จากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ
ในเมืองเคียวโตะ
ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมไว้ได้เป็นอย่างดี
อย่างเช่นสถานที่สำคัญที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยวกันเมื่อเดินทางมาถึงเมือง
แห่งวัฒนธรรมนี้คือ
วัดคินคะคุจิ โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดโรคุออนจิ
แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยมักจะเรียกกันว่า วัดทอง
ซึ่งมีศาลาทองเป็นจุดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ริมสระนำอันเงียบสงบ
เริ่มแรกนั้นศาลาทองหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1940
เพื่อเป็นที่พักของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิตสึ และผู้ติดตาม
มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวศาลานั้นเป็นสีทองจากทองคำเปลวและบนยอดสุดนั้นมีรูปหล่อ
นกฟีนิกซ์ยืนตระหง่านเป็นสง่าอยู่ ตัวเรือนประกอบไปด้วย 3 ชั้น ชั้นที่ 1
เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ชินเด็ง ในรูปลักษณ์แบบพระราชวัง ชั้นที่ 2
สไตล์แบบบ้านซามุไร และชั้นที่ 3 มีสไตล์แบบวัดพุทธนิกายเซน
ต่อมาผู้เป็นบุตรชายของท่านโชกุนได้เปลี่ยนแปลงให้สถานที่แห่งนี้เป็นวัด
นิกายเซน
แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนคือ
ในปี พ.ศ. 2493
ศาลาทองล้ำค่าหลังนี้ได้ถูกเผาทำลายโดยพระวิกลจริตไปจนหมดสิ้น
ศาลาหลังที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2498
โดยมีการก่อสร้างให้เหมือนกับสภาพเดิมทุกส่วน
นับว่าเป็นการแกะรอยสถาปัตยกรรมกันอย่างละเอียดอ่อน
จนศาลาทองหลังใหม่นี้เสร็จสมบูรณ์มีความงดงามเสมอเหมือนกับศาลาทองหลังเดิม
เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. 2537 วัดโรคุออนจิ รวมทั้งศาลาทอง
ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับสถานที่สำคัญ
อื่นๆ ในเมืองเคียวโตะ
อีกหนึ่งความคุ้นเคยของชาวไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักวัดคินคะคุจิและท่านโชกุน
จากภาพยนต์การ์ตูนอมตะเรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญาอิคคิวซัง
จนนักท่องเที่ยวบางคนถึงกับเปลี่ยนชื่อวัดนี้ให้เสียใหม่ว่า วัดอิคคิวซัง
ซึ่งก็เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าเป็นสถานที่เดียวกัน
หากคุณผู้อ่านมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวชม
ผมอยากให้ลองไปยืนอยู่บริเวณริมสระน้ำหน้าศาลาทองคำหลังนี้
แล้วลองหลับตาพลันจิตนาการถึงความน่ารักเฉลียวฉลาดของเณรน้อยเจ้าปัญญาอิค
คิวซัง ที่ได้ผ่านตาพบพานผ่านจอโทรทัศน์ในบ้านเรา
คุณอาจจะยืนยิ้มหรือหัวเราะอย่างมีความสุขเหมือนผมในวันนั้นก็เป็นได้
ทุกวันนี้เศรษฐกิจที่สำคัญในเคียวโตะนั้นมาจากอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศ และอิเล็กทรอนิกส์
เนื่องจากเมืองเคียวโตะนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำมาก
มาย แต่ทั้งนี้การท่องเที่ยวยังเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเคียวโตะ
จากการที่เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทำให้ในแต่ละวัน มีนักท่องเที่ยว
นักเรียนนักศึกษาจากทั่วประเทศ เดินทางมาเยือนกันจำนวนมาก
และจากการสำรวจและจัดอันดับระดับภูมิภาคในปี 2007
นครเคียวโตะได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่สองของเมืองที่น่าสนใจที่สุดใน
ประเทศญี่ปุ่นรองจากเมืองซัปโปะโระนอกจากนี้งานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นยังคงเป็นงานที่สร้างรายได้สำคัญ
ให้กับเมืองเคียวโตะ ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยช่างฝีมือในโรงงานขนาดเล็ก
เช่นการผลิตชุดกิโมโนของเคียวโตะนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ถือเป็นศูนย์กลางของการผลิตชุดกิโมโนชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น
แต่อย่างไรก็ดีธุรกิจนี้ก็ได้รับความนิยมน้อยลงในปัจจุบัน
เนื่องจากการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลด้านช่างฝีมือที่มีคุณภาพ
ซึ่งก็คงประสบปัญหาเช่นเดียวกับงานฝีมือหลายๆ อย่างของประเทศไทย
ที่น่าจะหาผู้สืบทอดไว้ก่อนที่สมบัติล้ำค้าจะสูญหายไปในอนาคตอันใกล้นี้ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ จากนุ บางบ่อ