เที่ยวกาญจนบุรี เมืองแห่งสายน้ำ และการผจญภัย ปล่อยใจล่องลอยไปพร้อมแพลอยน้ำท่ามกลางขุนเขา

อ่าน 2,781

จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้นอนชิลล์บนแพฟังเสียงสายน้ำแควที่ไหลเอื่อยไปท่ามกลางขุนใหญ่ และผืนป่า วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมเมืองแห่งสายน้ำ และการผจญภัยที่ไม่มีที่สิ้นสุดของดินแดนสวรรค์ตะวันตก เที่ยวกาญจนบุรี

กันค่ะ ทริปสนุก และสุดชิลล์กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันใน 3 วัน 2 คืนนี้

ใครที่รักธรรมชาติ และความตื่นเต้นแอดเวนเจอร์

ต้องไม่พลาดมาเที่ยวตามรอยเราได้เลย

เช้าวันแรก แน่นอนว่าจากกรุงเทพฯ

ถึงกาญจนบุรี นั้นใช้เวลาไม่นานเพียง 3 ชม.

เราก็มาถึงเมืองกาญจน์กันเป็นที่เรียบร้อยค่ะ

สำหรับที่เที่ยวแรกที่เราจะแวะนั้นก็คือ พระปางขอฝน วัดทิพย์สุคนธาราม

ที่ อ.บ่อพลอย ค่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากๆ

ในปีนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็น 1 ใน 24 เขาเล่าว่า

แหล่งท่องเที่ยวจากตำนานเรื่องเล่าจากทั่วเมืองไทยนั่นเองค่ะ

ที่ วัดทิพย์สุคนธาราม กาญจนบุรี

เขาเล่าว่า...... ที่นี่มี พระปางขอฝน

ตามตำนานครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาลนั้นฝนแล้งมาก แต่ด้วยพระบารมี

ได้ทรงพลิกพื้นที่แห้งแล้งให้มีน้ำฝนหลั่งไปทั่วทุกสารทิศ

จึงเป็นที่มาของพระปางขอฝนนั่นเองค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เขาเล่าว่า ที่นี่มี พระปางขอฝน

เราแวะทานมื้อกลางวัน และไปต่อกันที่ อ.ไทรโยค เพื่อไปลงเรือหางยาวเข้าที่พัก ริเวอร์แคว จังเกิลราฟท์ (River Kwai Jungle Rafts)

ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติใจกลางของป่าเขียวขจีริมแม่น้ำแควค่ะ

สำหรับการเดินทางมารีสอร์ทนั้น

เราสามารถนำรถมาจอดค้างคืนไว้ที่ลานจอดรถของรีสอร์ท และลงเรือหางยาวไปค่ะ

ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวที่สวยงามตลอดสองฝากฝั่งแม่น้ำแคว ลมเย็นๆ

มาปะทะหน้าพร้อมสายน้ำที่กระเซ็นเย็นฉ่ำ แน่นอนว่าชิลล์สุดๆ

แล้วก็ใช้เวลาไม่นานด้วยค่ะ ประมาณ 20 นาที เราก็มาถึง ริเวอร์แคว

จังเกิ้ลราฟท์ เป็นที่เรียบร้อย

หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ได้เวลาออกผจญภัยเล็กๆ กันแล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านมอญ

ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับรีสอร์ท

สำหรับทางเดินไปหมู่บ้านมอญนั้นจะเหมือนเดินเข้าไปในป่าเลยค่ะ

แต่ก็มีทางเดินเป็นดินเรียบๆ เดินไปไม่ยาก สำหรับการแต่งตัว

แนะนำให้แต่งกายสบายๆ รองเท้าผ้าใบจะดีมากค่ะ แนะนำให้ติดยากันยุงแบบสเปรย์

หรือยาทากันยุงอื่นๆ ไปด้วย เพราะยุงค่อนข้างชุมทีเดียว

ภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนของคนในชุมชน

มีโรงเรียนซึ่งเปิดเฉพาะวันหยุดเพื่อให้เด็กๆ ได้มาเรียนภาษามอญกัน

นอกเหนือจากภาษาไทยที่ไปเรียนกันตามปกติในโรงเรียนอยู่แล้ว

เดินมาอีกหน่อยก็จะมี วัดมอญ ด้วยค่ะ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ตามปกติ

เราสามารถทำบุญไหว้พระได้ และบริเวณใกล้ๆ วัดมอญ เราจะได้เจอกับ

เจดีย์ชเวดากององค์จำลอง ซึ่งหันหน้าไปทางเมืองหงสาวดีอีกด้วย

หลังจากกลับมาจากหมู่บ้านมอญ

เราก็มาล่องแพกันต่อค่ะ ได้ชมทัศนยภาพสวยๆ

ของแม่น้ำแควช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หรือถ้าใครอยากพายเรือคายัคก็สามารถ

เต็มที่กันไปเลย

หลังมื้อค่ำที่รีสอร์ทยังมีกิจกรรมดีๆ ที่หาชมได้ยากก็คือ ระบำมอญ

โดยใช้ชาวมอญท้องถิ่นซึ่งได้รับการฝึกสอนจากรุ่นสู่รุ่น

การแสดงจะถูกกำกับโดยผู้ฝึกสอนชาวเมียนมาร์

รวมถึงยังมีการใช้เครื่องดนตรีท้องถิ่นในการบรรเลงเพลงประกอบอีกด้วยค่ะ

เช้าวันที่สอง เราตื่นนอนแต่เช้ากันหน่อยเพื่อไปชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที 2 ที่ โฮมพุเตย รีสอร์ท

ค่ะ ที่นี่จะรวบรวมประวัติศาสตร์ของการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะไว้ รวมไปถึง

และใน พิพิธภัณฑ์เอ็ดเวิลด์ แวรี ดันลอป เป็นอนุสรณ์สถานแห่งมิตรภาพ

และเพื่อการรำลึกถึงความโหดร้ายในสมัยนั้น

ภายในยังเก็บรวบรวมสิ่งของส่วนตัวที่หายาก

และมีความเกี่ยวข้องกับทางรถไฟแห่งนี้ไว้อีกด้วย

หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาแห่งความสนุกสุดแอดเวนเจอร์กับกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเมืองกาญจน์ Tree Top Adventure Park

ค่ะ ใครชอบความสนุก ตื่นเต้นท้าทายแบบ Extreme ท้าให้มาลอง

และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

เพราะที่สาขานี้ตัวเราจะมีการผูกกับห่วงอลูมิเนียม 1

อันอยู่ตลอดเวลาที่ร่วมกิจกรรมภายในที่นี่

และมีสต๊าฟดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ ขาลุยอย่างเราจะพลาดได้ยังไง !

จบกิจกรรมแอดเวนเจอร์มันส์สุดๆ ไปแล้ว ก็ได้เวลาแห่งความชิลล์ค่ะ เราเดินทางกันต่อไปยังที่พักในคืนที่ 2 หินตกริเวอร์แค้มป์

สไตล์เต้นท์ซาฟารี ไฮไลท์ก็คือ ห้องพักทุกห้องจะเป็นเต็นท์

ขนาดใหญ่สไตล์ค่ายพักแรมทั้งหมด ความกว้างขวางพอๆ กับห้องพักทั่วๆ ไปเลยค่ะ

และแต่ละหลังก็จะเว้นระยะห่างกันค่อนข้างชัดเจน ทำให้เป็นส่วนตัวมากๆ

บรรยากาศสงบ ผ่อนคลาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี

สระน้ำธรรมชาติไหลมาจากภูเขา ผ่านการกรองอย่างดีโดยชั้นหิน

ให้ได้ลงไปเล่นน้ำคลายร้อนริมแม่น้ำแควกันสักหน่อยอีกด้วย

ตอนกลางคืนที่นี่เงียบสงบมาก

แต่ก็คึกครื้นด้วยแคมป์ปิ้งรอบกองไฟ

เรามานั่งชิลล์ล้อมวงทานอาหารเย็นกันรอบกองไฟค่ะ

ได้บรรยากาศสมัยเข้าค่ายลูกเสือเลยทีเดียวเชียว !

เช้าวันที่ 3 มาถึงอย่างรวดเร็ว เรายังตื่นเช้ากันเหมือนเดิมค่ะ เพราะมีกิจกรรมชิลล์ๆ ตั้งแต่เช้าที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด ก็คือ การปั่นจักรยานไปตักบาตรที่วัดหาดงิ้ว

ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร

อากาศตอนเช้าตรู่ของบริเวณนี้ก็เย็นสบาย

และสดชื่นจนสลัดความงัวเงียได้เป็นปลิดทิ้ง

ระหว่างทางยังผ่านสะพานแขวนเล็กๆ ผ่านได้แค่จักรยาน

และมอเตอร์ไซค์ให้ได้ตื่นเต้นเล็กๆ

ก่อนกลับบ้านในวันนี้ เราพากันไปเที่ยวชิลล์ต่อริมแม่น้ำแคว กันบนรางรถไฟสายมรณะ ที่ สถานีรถไฟ ถ้ำกระแซ จุดชมแม่น้ำแควที่เรียกว่าวิวดีที่สุดในเมืองกาญจนบุรีก็ว่าได้

ถ้ำกระแซ

เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า

และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย

ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่

ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย

ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า

ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด

และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ

และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ

จบทริป 3 วัน 2 คืน สนุกสุดๆ

ได้ครบทุกอารมณ์การท่องเที่ยวเมืองกาญจน์ เมืองแห่งสายน้ำและการผจญภัยจริงๆ

ค่ะ

ใครที่อยากมาสัมผัสกับรสชาติของการเดินทางแบบเราก็มาตามโปรแกรมนี้ได้เลยนะ

คะ รับรองว่า การันตีความสนุกสุดๆ และชิลล์มากๆ ไปพร้อมๆ กัน

**บทความรีวิวร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และแนะนำวางแผนเที่ยว

เป็นบทความที่ทางเว็บขอสงวนลิขสิทธิ์ผลงานการเขียน ห้ามทำซ้ำ

หรือคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บอื่นๆ และสื่อตีพิมพ์

จนกว่าจะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทีมงาน

ติดตาม travel.truelife.com



บทความแนะนำ


อาร์เอสkimonoชุดกิมโมโนยกย่องยินยอมแยกแยะเสื้อคลุมกิมโมโนทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก