เที่ยวกาญจนบุรี เมืองแห่งสายน้ำ และการผจญภัย ปล่อยใจล่องลอยไปพร้อมแพลอยน้ำท่ามกลางขุนเขา
จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้นอนชิลล์บนแพฟังเสียงสายน้ำแควที่ไหลเอื่อยไปท่ามกลางขุนใหญ่ และผืนป่า วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมเมืองแห่งสายน้ำ และการผจญภัยที่ไม่มีที่สิ้นสุดของดินแดนสวรรค์ตะวันตก เที่ยวกาญจนบุรี
กันค่ะ ทริปสนุก และสุดชิลล์กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันใน 3 วัน 2 คืนนี้
ใครที่รักธรรมชาติ และความตื่นเต้นแอดเวนเจอร์
ต้องไม่พลาดมาเที่ยวตามรอยเราได้เลยเช้าวันแรก แน่นอนว่าจากกรุงเทพฯ
ถึงกาญจนบุรี นั้นใช้เวลาไม่นานเพียง 3 ชม.
เราก็มาถึงเมืองกาญจน์กันเป็นที่เรียบร้อยค่ะ
สำหรับที่เที่ยวแรกที่เราจะแวะนั้นก็คือ พระปางขอฝน วัดทิพย์สุคนธาราม
ที่ อ.บ่อพลอย ค่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากๆ
ในปีนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็น 1 ใน 24 เขาเล่าว่า
แหล่งท่องเที่ยวจากตำนานเรื่องเล่าจากทั่วเมืองไทยนั่นเองค่ะที่ วัดทิพย์สุคนธาราม กาญจนบุรี
เขาเล่าว่า...... ที่นี่มี พระปางขอฝน
ตามตำนานครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาลนั้นฝนแล้งมาก แต่ด้วยพระบารมี
ได้ทรงพลิกพื้นที่แห้งแล้งให้มีน้ำฝนหลั่งไปทั่วทุกสารทิศ
จึงเป็นที่มาของพระปางขอฝนนั่นเองค่ะรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เขาเล่าว่า ที่นี่มี พระปางขอฝน
เราแวะทานมื้อกลางวัน และไปต่อกันที่ อ.ไทรโยค เพื่อไปลงเรือหางยาวเข้าที่พัก ริเวอร์แคว จังเกิลราฟท์ (River Kwai Jungle Rafts)
ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติใจกลางของป่าเขียวขจีริมแม่น้ำแควค่ะ
สำหรับการเดินทางมารีสอร์ทนั้น
เราสามารถนำรถมาจอดค้างคืนไว้ที่ลานจอดรถของรีสอร์ท และลงเรือหางยาวไปค่ะ
ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวที่สวยงามตลอดสองฝากฝั่งแม่น้ำแคว ลมเย็นๆ
มาปะทะหน้าพร้อมสายน้ำที่กระเซ็นเย็นฉ่ำ แน่นอนว่าชิลล์สุดๆ
แล้วก็ใช้เวลาไม่นานด้วยค่ะ ประมาณ 20 นาที เราก็มาถึง ริเวอร์แคว
จังเกิ้ลราฟท์ เป็นที่เรียบร้อย
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ได้เวลาออกผจญภัยเล็กๆ กันแล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านมอญ
ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับรีสอร์ท
สำหรับทางเดินไปหมู่บ้านมอญนั้นจะเหมือนเดินเข้าไปในป่าเลยค่ะ
แต่ก็มีทางเดินเป็นดินเรียบๆ เดินไปไม่ยาก สำหรับการแต่งตัว
แนะนำให้แต่งกายสบายๆ รองเท้าผ้าใบจะดีมากค่ะ แนะนำให้ติดยากันยุงแบบสเปรย์
หรือยาทากันยุงอื่นๆ ไปด้วย เพราะยุงค่อนข้างชุมทีเดียวภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนของคนในชุมชน
มีโรงเรียนซึ่งเปิดเฉพาะวันหยุดเพื่อให้เด็กๆ ได้มาเรียนภาษามอญกัน
นอกเหนือจากภาษาไทยที่ไปเรียนกันตามปกติในโรงเรียนอยู่แล้ว
เดินมาอีกหน่อยก็จะมี วัดมอญ ด้วยค่ะ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ตามปกติ
เราสามารถทำบุญไหว้พระได้ และบริเวณใกล้ๆ วัดมอญ เราจะได้เจอกับ
เจดีย์ชเวดากององค์จำลอง ซึ่งหันหน้าไปทางเมืองหงสาวดีอีกด้วย
หลังจากกลับมาจากหมู่บ้านมอญ
เราก็มาล่องแพกันต่อค่ะ ได้ชมทัศนยภาพสวยๆ
ของแม่น้ำแควช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หรือถ้าใครอยากพายเรือคายัคก็สามารถ
เต็มที่กันไปเลยหลังมื้อค่ำที่รีสอร์ทยังมีกิจกรรมดีๆ ที่หาชมได้ยากก็คือ ระบำมอญ
โดยใช้ชาวมอญท้องถิ่นซึ่งได้รับการฝึกสอนจากรุ่นสู่รุ่น
การแสดงจะถูกกำกับโดยผู้ฝึกสอนชาวเมียนมาร์
รวมถึงยังมีการใช้เครื่องดนตรีท้องถิ่นในการบรรเลงเพลงประกอบอีกด้วยค่ะ
เช้าวันที่สอง เราตื่นนอนแต่เช้ากันหน่อยเพื่อไปชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที 2 ที่ โฮมพุเตย รีสอร์ท
ค่ะ ที่นี่จะรวบรวมประวัติศาสตร์ของการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะไว้ รวมไปถึง
และใน พิพิธภัณฑ์เอ็ดเวิลด์ แวรี ดันลอป เป็นอนุสรณ์สถานแห่งมิตรภาพ
และเพื่อการรำลึกถึงความโหดร้ายในสมัยนั้น
ภายในยังเก็บรวบรวมสิ่งของส่วนตัวที่หายาก
และมีความเกี่ยวข้องกับทางรถไฟแห่งนี้ไว้อีกด้วย
หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาแห่งความสนุกสุดแอดเวนเจอร์กับกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเมืองกาญจน์ Tree Top Adventure Park
ค่ะ ใครชอบความสนุก ตื่นเต้นท้าทายแบบ Extreme ท้าให้มาลอง
และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
เพราะที่สาขานี้ตัวเราจะมีการผูกกับห่วงอลูมิเนียม 1
อันอยู่ตลอดเวลาที่ร่วมกิจกรรมภายในที่นี่
และมีสต๊าฟดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ ขาลุยอย่างเราจะพลาดได้ยังไง !
จบกิจกรรมแอดเวนเจอร์มันส์สุดๆ ไปแล้ว ก็ได้เวลาแห่งความชิลล์ค่ะ เราเดินทางกันต่อไปยังที่พักในคืนที่ 2 หินตกริเวอร์แค้มป์
สไตล์เต้นท์ซาฟารี ไฮไลท์ก็คือ ห้องพักทุกห้องจะเป็นเต็นท์
ขนาดใหญ่สไตล์ค่ายพักแรมทั้งหมด ความกว้างขวางพอๆ กับห้องพักทั่วๆ ไปเลยค่ะ
และแต่ละหลังก็จะเว้นระยะห่างกันค่อนข้างชัดเจน ทำให้เป็นส่วนตัวมากๆ
บรรยากาศสงบ ผ่อนคลาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติจริงๆนอกจากนี้ ที่นี่ยังมี
สระน้ำธรรมชาติไหลมาจากภูเขา ผ่านการกรองอย่างดีโดยชั้นหิน
ให้ได้ลงไปเล่นน้ำคลายร้อนริมแม่น้ำแควกันสักหน่อยอีกด้วย
ตอนกลางคืนที่นี่เงียบสงบมาก
แต่ก็คึกครื้นด้วยแคมป์ปิ้งรอบกองไฟ
เรามานั่งชิลล์ล้อมวงทานอาหารเย็นกันรอบกองไฟค่ะ
ได้บรรยากาศสมัยเข้าค่ายลูกเสือเลยทีเดียวเชียว !
เช้าวันที่ 3 มาถึงอย่างรวดเร็ว เรายังตื่นเช้ากันเหมือนเดิมค่ะ เพราะมีกิจกรรมชิลล์ๆ ตั้งแต่เช้าที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด ก็คือ การปั่นจักรยานไปตักบาตรที่วัดหาดงิ้ว
ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร
อากาศตอนเช้าตรู่ของบริเวณนี้ก็เย็นสบาย
และสดชื่นจนสลัดความงัวเงียได้เป็นปลิดทิ้ง
ระหว่างทางยังผ่านสะพานแขวนเล็กๆ ผ่านได้แค่จักรยาน
และมอเตอร์ไซค์ให้ได้ตื่นเต้นเล็กๆ
ก่อนกลับบ้านในวันนี้ เราพากันไปเที่ยวชิลล์ต่อริมแม่น้ำแคว กันบนรางรถไฟสายมรณะ ที่ สถานีรถไฟ ถ้ำกระแซ จุดชมแม่น้ำแควที่เรียกว่าวิวดีที่สุดในเมืองกาญจนบุรีก็ว่าได้
ถ้ำกระแซ
เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า
และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย
ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่
ในหน้าประวัติศาสตร์โลกหลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย
ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า
ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด
และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ
และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ
จบทริป 3 วัน 2 คืน สนุกสุดๆ
ได้ครบทุกอารมณ์การท่องเที่ยวเมืองกาญจน์ เมืองแห่งสายน้ำและการผจญภัยจริงๆ
ค่ะ
ใครที่อยากมาสัมผัสกับรสชาติของการเดินทางแบบเราก็มาตามโปรแกรมนี้ได้เลยนะ
คะ รับรองว่า การันตีความสนุกสุดๆ และชิลล์มากๆ ไปพร้อมๆ กัน**บทความรีวิวร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และแนะนำวางแผนเที่ยว
เป็นบทความที่ทางเว็บขอสงวนลิขสิทธิ์ผลงานการเขียน ห้ามทำซ้ำ
หรือคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บอื่นๆ และสื่อตีพิมพ์
จนกว่าจะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทีมงาน ติดตาม travel.truelife.com