มนต์ขลังเมืองปราสาทหิน ถ้าพลาด?แสดงว่ามาไม่ถึงบุรีรัมย์

อ่าน 13,109

?เมืองปราสาทหิน

ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม? คือคำขวัญจังหวัดบุรีรัมย์

ซึ่งว่ากันว่า ถ้าไม่ได้มาปราสาทพนมรุ้ง ก็เหมือนมาไม่ถึงบุรีรัมย์

เพราะที่นี่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์เลยล่ะ

ปราสาทหินพนมรุ้ง

ห่างจากกรุงเทพฯ ราวสามร้อยกิโลเมตร วิ่งตรงบนถนนโชคชัย-เดชอุดม

จะเห็นป้ายบอกทางไปปราสาทเขาพนมรุ้งเต็มไปหมด

ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว

ในตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

เป็นโบราณสถานศิลปะลพบุรีที่มีความงดงาม

และมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

หากมองผ่านๆ ตัวปราสาทพอจะเดาได้ว่า ต้องเป็นศิลปะฮินดูผสมกับขอมแน่นอน

สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย

ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาศอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ

และยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาลอีกด้วย โดยสร้างขึ้นหลายยุคสมัย

ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18 (นานมาก)

หลังจากจอดรถ ค่อยๆ เดินทอดน่องมาเรื่อยๆ ผ่านบันไดต้นทาง

จะเห็นพลับพลาทางขวามือ มีลักษณะเป็นห้องแคบยาวต่อเนื่อง

สันนิษฐานว่าเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูง

เพื่อทำความบริสุทธิ์ให้แก่ตน ก่อนจะเข้าสู่ภายในปราสาทประธานที่อยู่บนเขา

หลังจากนั้น จะเห็นเสาคล้ายดอกบัวตูม 70

ต้นตั้งเรียงรายสองข้างทางที่ปูด้วยหินศิลาแลง เรียกว่า ?เสานางเรียง?

สันนิษฐานว่า เป็นหญิงสาวที่มายืนโปรยดอกไม้ต้อนรับกษัตริย์ในสมัยนั้น

บริเวณสะพานนาคราช 5 เศียรที่หันหน้าไปทั้ง 4 ทิศ

คือจุดเชื่อมทางเดินและบันไดขึ้นปราสาท

ตรงกลางจะเห็นลายเส้นรูปดอกบัวแปดกลีบ หมายถึงทิศทั้งแปดของจักรวาล

และเทพประจำทิศทั้งแปดในศาสนาฮินดู

ทุกอย่างที่สร้างขึ้นล้วนแต่มีความหมายจริงๆ

ก่อนจะเข้าไปในตัวปราสาท จะเห็นสะพานนาคราชชั้นที่ 2

รวมถึงระเบียงคดที่โอบล้อมตัวปราสาททั้งสี่ด้าน ผนังด้านนอกมีหน้าต่างหลอก

ส่วนขวามือจะเป็นสระน้ำ ที่เดิมเป็นปากปล่องภูเขาไฟ

ไฮไลต์ที่ต้องเจอคือ ?ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์?

ประดับอยู่ด้านบรรณของปรางค์ประธาน

ซึ่งเคยถูกโจรกรรมนำไปขายให้กับสถาบันศิลปะแห่งชิคาโก หลังจากใช้เวลาเจรจา

ทำเรื่องร้องขอให้ส่งกลับมาไทยอยู่นานราว 20 ปี ปี พ.ศ. 2531

ไทยจึงได้รับชิ้นส่วนทับหลังคืนกลับมา

เนื่องจากทางชิคาโกทนแรงกดดันจากหลายๆ ฝ่ายไม่ไหว

เรียกว่าเป็นมหากาพย์ก็ไม่ผิด ด้านในจะเป็น ?ศิวลึงค์?

เชื่อว่าเป็นรูปเคารพที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นตัวแทนพระศิวะ

นอกจากนั้น ยังมีส่วนต่างๆ ในปราสาท ไม่ว่าจะเป็น

ปราสาทอิฐสองหลังที่พังทลายลงมาแล้ว ปรางค์น้อย บรรณาลัย

เนื้อที่บนปราสาทดูไม่ใหญ่เท่าไรนัก แนะนำเตรียมน้ำไว้ดื่ม

รวมถึงร่มกันแดดได้จะดีมาก เพราะอากาศวันที่ผู้เขียนเดินทางไป

ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไรนัก

ไฮไลต์อีกอย่าง ช่วงวันที่ 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทุกปี

ดวงอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน

ชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้นมาเพื่อชมความอลังการที่ผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่ง

ก่อสร้างของบรรพชน นอกจากนี้ในวันที่ 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี

ดวงอาทิตย์ก็ตก ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน เช่นกัน

ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจพอควร

ศูนย์ข้อมูลการเรียนรู้

นอกจากตัวปราสาทเองแล้ว

ทางอุทยานยังมีศูนย์บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวที่รวมวัตถุโบราณมากมายพบ

จากบริเวณใกล้เคียงมารวมไว้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นศิลาจารึก รูปปั้นต่างๆ ฯลฯ

เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมก็ไม่ผิด

ที่สำคัญนักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรผ่านแล้ว สามารถเข้าชมฟรีอีกด้วย

หากใครอยากได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้าน บริเวณลานจอดรถยังมีร้านค้าขายของเบ็ดเตล็ดเรียงรายเป็นแถว

ถึงคราที่ผู้เขียนต้องเซย์กู๊ดบาย

หลังจากเดินเที่ยวท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องมายังผิวกายอย่างไม่ปราณี

แต่ขอฝากไว้ หากมาเที่ยวบุรีรัมย์

ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมความอลังการกันสักครั้ง

เพราะที่นี่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ และเป็นสถานที่สำคัญของชาวบุรีรัมย์

จะว่าของคนไทยก็ไม่ผิด ทั้งนี้เพื่อให้การเที่ยวเมืองไทยดังไปไกลทั่วโลก



บทความแนะนำ


ฉลองวันเกิดคอนซีลเลอร์ผู้หญิงข่าวล่าสุดความสวยความงามCoverUnforgettableNightLovePlusเพื่อนฆ่าเพื่อนทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก