10 สถานที่ท่องเที่ยว..ต้องห้ามพลาด "อยุธยา" กรุงเก่าของเราแต่ก่อน
10 ที่เที่ยวห้ามพลาด ! ?อยุธยา?...กรุงเก่าของเราแต่ก่อน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทย
มีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณ
พุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ
และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะ ตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก
มีมติให้ประกาศขึ้นทะเบียนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็น " มรดกโลก "
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534
มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยาอยุธยานอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของ
ประเทศไทย มีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมาย
แถมการเดินทางไปอยุธยาก็ไม่ได้ยากมากด้วย บทความนี้จะพาไปพบกับ 10
ที่เที่ยวห้ามพลาด การันตีโดย ?สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา?1.พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
ทุ่งมะขามหย่องตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เคยเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างไทย-พม่าหลายครั้ง จนเกิดเป็นมหาวีรกรรมคือ
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระสุริโยทัยพระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทำ
ยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรจนต้องพระแสงของ้าวสิ้นพระชนม์บนคอช้าง
และยังเป็นสมรภูมิในศึกอื่นๆอีกมามากมายและด้วยเหตุนี้
ทางรัฐบาลจึงได้จัดทำโครงการสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
เป็นโครงการจัดสร้างขึ้นตามพระราชดำริ
รัฐบาลและพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมกันสร้างน้อมเกล้าฯถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
เมื่อปี พ.ศ. 25352.วัดมหาธาตุ
เป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพล
ของปรางค์ขอมปนอยู่
ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลงแต่ที่เสริมใหม่ตอนบนเป็นอิฐถือปูน
สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้
ทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม
แต่ขณะนี้ยอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น
และสิ่งที่น่าสนใจในวัดอีกอย่างคือ เศียรพระพุทธรูปหินทราย
ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเข้าใจว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้
ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมมีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ
ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์3.วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคลถือว่าเป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาตร์มากที่
สุดและเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรี
อยุธยา
จึงเป็นธรรมดาที่จะพบเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมายังวัดแห่งนี้
จุดสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลนี้
คือเรื่องราวทางประวัติศาตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา
ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณ รอบๆ
ยังมีมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วยนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยว
อยุธยาจึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง4.วัดพระราม
เป็นวัดที่ใหญ่โตกว้างขวาง
มีพระปรางค์ขนาดใหญ่เห็นเด่นชัดแต่ไกล องค์ปรางค์ก่อด้วยอิฐสอปูน
เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมทำเป็นพระปรางค์
เพราะได้รับอิทธิพลแบบเขมรโบราณจากเมืองละโว้ (ลพบุรี)อยู่นอกเขตพระราชวังไปทางด้านทิศตะวันออก
ตรงข้ามกับวิหารพระมงคลบพิตร
สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรา
มาธิบดีที่1 (พระเจ้าอู่ทอง) พระราชบิดา วัดนี้มีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัด
เมื่อมีการสร้างกรุงศรีอยุธยา
คงจะมีการขุดเอาดินในหนองมาถมพื้นที่วังและวัด
พื้นที่ที่ขุดเอาดินมาได้กลายเป็นบึงใหญ่ บึงมีชื่อปรากฎในกฎมณเฑียรบาลว่า
?บึงชีขัน? ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ?บึงพระราม? ปัจจุบันคือ
?สวนสาธารณะบึงพระราม?
ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน5.วังช้างอยุธยา แล เพนียด
ลานพักช้างน้อย
ลานนี้ถือเป็นจุดเด่นของวังช้างแห่งนี้เลยก็ว่าได้
เพราะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยงได้เล่นกับช้างแสนน่ารักมากมาย
เมื่อเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ มีบริการการถ่ายภาพกับช้าง
ค่าบริการเพียงท่านละ 40 บาท หากไปในวันเสาร์อาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์
จะได้ชมการโชว์ความสามารถของช้างน้อยประกอบกับเสียงดนตรี มีคนพากษ์
และเสริมด้วยกิจกรรมลอดท้องช้าง ให้เป็นสิริมงคลสำหรับผู้มาเยือน
หากไปวันธรรมดาที่นี่ก็มีบริการขี่ช้างทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.
หากใครสนใจที่จะมาพักค้างคืนเพื่อมาซึมซับกับวิถีชีวิตการเลี้ยงช้างของหมู่
บ้านช้างเพนียดหลวง ก็สามารถติดต่อขอพักได้ในโครงการ
?ประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่มาเลี้ยงช้างที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา?
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 08-6901-3981 หรือ 08-1821-
70656.ตลาดน้ำอโยธยา
เป็นจุดศูนย์รวมนัก ท่องเที่ยวชาวไทย
และชาวต่างชาติที่จะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ
และทัศนียภาพอันงดงามแบบไทยๆ ด้วยการเดินชมตลาดเพื่อชิมอาหารรสชาดอร่อยๆ
เรียบคลองยาว หรือจะซื้อหาของกินของฝากบนร้านค้า
ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในเรือนไทยอันงดงาม รอบตลาดน้ำอโยธยาของเรา
ก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน พร้อมกันนี้ก็ยังมีเรือบริการรับส่ง
ไปยังท่าเรือภายในตลาดอีกด้วยเพื่อ สะท้อนถึงวิถีการ เดินทางในสมัยก่อน
ตลาดน้ำอโยธยา เปิดให้บริการทุกวัน
เวลาที่เหมาะในการมาเที่ยวคงจะเป็นช่วงเย็นของทุกวัน เพราะแดดร่มลมตก
อากาศเย็นสบายเดินช๊อปปิ้งสบายใจแน่นอน ยิ่งวันหยุดคนอาจจะเยอะหน่อยนะ
มีของที่ระลึกและ ของกินมากมายให้กินกันทั้งวัน7.วัดหน้าพระเมรุ
เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายและยังคง
ปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรี
อยุธยา พระอุโบสถมีขนาดยาว 50 เมตร กว้าง 16
เมตรเป็นแบบอยุธยาตอนต้นซึ่งมีเสาอยู่ภายใน
ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี)
ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พุทธศักราช 2046
มีชื่อเดิมว่า ?วัดพระเมรุราชิการาม? ซึ่งมีอยู่ข้างพระอุโบสถ
พระพุทธรูปศิลาแบบนั่งห้อยพระบาทสมัยทวาราวดีนี้ นับเป็น 1 ใน 5
องค์ที่มีอยู่ในประเทศไทย8.วัดแม่นางปลื้ม
วัดแม่นางปลิ้ม
แม่ปลื้มเป็นชาวบ้านอยู่ริมน้ำชานพระนครคนเดียว ไม่มีลูกหลาน
วันหนึ่งสมเด็จพระนเรศวร(ทรง)พายเรือมาแต่พระองค์เดียว
ท่ามกลางสายฝนเมื่อเสด็จมาถึงเห็น(ทอดพระเนตร)กระท่อมยังมีแสงตะเกียงอยู่
เวลานั้นค่ำอยู่
สมเด็จพระนเรศวรจึงได้(ทรง)แวะขึ้นมาในกระท่อมแม่นางปลื้มเห็น
ชายฉกรรจ์เสื้อผ้าเปียกขึ้นมา จึงได้กล่าวเชื้อเชิญด้วยความมีน้ำใจ
แต่พระองค์ท่านทรงเสียงดังตามบุคลิกของนักรบชายชาตรี
แม่ปลื้มได้กล่าวเตือนว่า ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าเสียงดังนักเลย
เวลานี้ค่ำมากแล้วเดี๋ยวพระเจ้าแผ่นดินท่านทรงได้ยินจะโกรธเอาพระองค์กลับ
ตรัสด้วยเสียงอันดังขึ้นอีกว่า ข้าอยากดื่มน้ำจันทน์ ข้าเปียกข้าหนาว
อยากไดน้ำจันทน์ให้ร่างกานอบอุ่นพลันแม่ปลื้มยิงตกใจขึ้นมากอีก
เพราะว่าวันนี้เป็นวันพระ แม่ปลื้มได้กล่าวว่า ถ้าจะดื่มจริงๆ
เจ้าต้องสัญญาว่า ไม่ให้เรื่องแพร่หลายเดี๋ยวพระเจ้า แผ่นดินรู้ จะอันตราย
พระนเรศวรรับปาก แม่ปลื้มจึงหยิบน้ำจันทน์ให้กิน(เสวย)
สมเด็จพระนเรศวรได้ประทับค้างคืนที่บ้านของแม่ปลื้มเช้าได้เสด็จกลับวัง
ต่อมาได้จัดขบวนมารับแม่ปลื้มไปเลี้ยงในวัง
ด้วยความที่แม่ปลื้มเป้นคนมีเมตตา จงรัภักดีต่อพระมหากษัตริย์
หลังจากแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด้จพระนเรศวรจัดงานศพให้สมเกียรติ
แล้วสมเด็จพระนเรศวรจึงสร้างวัดให้แม่ปลื้ม นามว่า ?วัดแม่นางปลื้ม?
พระประทานของที่นี่ คือ หลวงพ่อขาว ซึ่งสวยงามมาก9.วัดพระศรีสรรเพชญ์
เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงเทียบได้กับวัดพระศรี
รัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย
ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับที่บริเวณนี้
ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดิน
เดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น
เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างพระสถูปเจดีย์ใหญ่สององค์เมื่อ พ.ศ.2035
องค์แรกทางทิศตะวันออกเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถพระราช
บิดาและองค์ที่สองคือองค์กลางเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราช
ที่ 3 พระบรมเชษฐา ต่อมาในปี พ.ศ. 2042 ทรงสร้างพระวิหารขนาดใหญ่และในปี
พ.ศ.2043 ทรงหล่อพระพุทธรูปยืนสูง 8 วา (16 เมตร) หุ้มด้วยทองคำหนัก 286
ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม) ประดิษฐานไว้ในวิหาร พระนามว่า
?พระศรีสรรเพชญดาญาณ? ซึ่งภายหลังเมื่อคราวเสียกรุง พ.ศ. 2310
พม่าได้เผาลอกทองคำไปหมด ในสมัยรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ
ให้อัญเชิญชิ้นส่วนชำรุดของพระประธานองค์นี้ลงมากรุงเทพฯและบรรจุชิ้นส่วน
ซึ่งบูรณะไม่ได้เหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้วพระราชทานชื่อ
เจดีย์ว่า ?เจดีย์สรรเพชญดาญาณ? สำหรับเจดีย์องค์ที่สามถัดมาทางทิศตะวันตก
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (พระหน่อพุทธางกูร)
พระราชโอรสได้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามา
ธิบดีที่ 2 เจดีย์สามองค์นี้เป็นเจดีย์แบบลังกา
ระหว่างเจดีย์แต่ละองค์มีมณฑปก่อคั่นไว้ซึ่งคงจะมีการสร้างในราวรัชกาล
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และมีร่องรอยการบูรณะ
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตรในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรี
อยุธยา10.วัดภูเขาทอง
เป็นวัดที่ได้รับความนิยมมากวัดหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ในเทศกาล
ไหว้พระเก้าวัด พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเป็นผู้สร้างภูเขาทองขึ้นเมื่อ พ.ศ.
2112 คราวยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
ในเวลาที่ประทับอยู่พระนครศรีอยุธยาได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองใหญ่แบบมอญ
ขึ้นไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวรบชนะไทย
โดยรูปแบบของฐานเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับแบบมอญพม่า
สันนิษฐานว่าสร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อชัยชนะแต่ทำได้เพียงรากฐาน
แล้วยกทัพกลับ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ห่างจากพระราชวังหลวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร
สามารถใช้เส้นทางเดียวกับทางไปจังหวัดอ่างทอง ทางหลวงหมายเลข 309
กิโลเมตรที่ 26จะมีป้ายบอกทางแยกซ้ายไปวัดนี้
วัดภูเขาทองนี้หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวว่า
ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวรเมื่อปี พ.ศ. 1930
ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาเมื่อ พ.ศ. 2127
จึงโปรดเกล้าให้สร้างเจดีย์แบบไทยไว้เหนือฐานแบบมอญและพม่าที่สร้างเพียงราก
ฐานไว้ ณ สมรภูมิทุ่งมะขามหย่อง
ฝีมือช่างมอญเดิมจึงปรากฏเหลือเพียงฐานทักษิณส่วนล่างเท่านั้น
เจดีย์ภูเขาทองจึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมสองแบบผสมกันอยุธยาไม่ได้มีที่เที่ยวเพียงแค่นี้ แต่ยังมีที่เที่ยวที่รอคุณไปเยือนอีกมากมาย ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ 'สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา'
ข้อมูลและรูปภาพจาก'สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา'