ปิล๊อก สัมผัสเสน่ห์หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาในกาญจนบุรี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
ปิล๊อก หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี จากอดีตเหมืองปิล๊อกที่รุ่งโรจน์ ที่วันนี้คงเหลือไว้แต่ความทรงจำและสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ท่ามกลางขุนเขาและวิถีชีวิตผู้คนที่เงียบสงบ
"ปิล๊อก" จังหวัดกาญจนบุรี
ตำบลเล็ก ๆ ที่ในอดีตคือเหมืองแร่ที่รุ่งเรืองมาก
ก่อนจะเกิดวิกฤตเกี่ยวกับราคาแร่ทำให้ต้องปิดตัวลง
และกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามของธรรมชาติ
รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนในท้องถิ่นก็ยังคงมีปรากฏให้เห็น
จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าการเดินทางจะลำบากยากเย็นเพียงใด
แต่ยังมีผู้คนแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนสถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้
เสมอ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ
ข้ามทะเลภูเขาเพื่อไปสัมผัสมนตร์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวเล็ก ๆ
ที่ผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งอดีตอันรุ่งโรจน์และตกต่ำนามว่า "ปิล๊อก" กันสักครั้ง
เรื่องเล่าที่สืบทอดจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งเกี่ยวกับปิล๊อก
บอกเราให้รู้ว่าภาพชวนฝันของระลอกคลื่นเขาอันสลับซับซ้อนที่ใครหลายคนเห็น
ผ่านตาตามหน้าหนังสือ
จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่นิยมธรรมชาติและกลิ่นอายของสายหมอกแห่ง
นี้ ในทุกตารางพื้นที่ของปิล๊อกกลับบรรจุไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ
จนคุณเองก็คาดไม่ถึง เชื่อว่าหลายคนน่าจะติดใจกับชื่อ "ปิล๊อก" เพราะฟังดูเหมือนจะเป็นภาษาไทยก็ไม่ใช่ ภาษาเพื่อนบ้านก็ไม่เชิง จะบอกให้รู้ว่า "ปิล๊อก" เป็นการเพี้ยนเสียงมาจากสมญานามที่ใครฟังแล้วต้องขนหัวลุกว่า "เหมืองผีหลอก" ครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ปราบปรามกรรมกรพม่าที่ลักลอบเข้ามาขุดเหมืองแร่ภายในบริเวณนี้นั่นเอง
ภาพจาก SeeWorld88 / shutterstock.com
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังที่กรมโลหกิจ
องค์การเหมืองแร่ของรัฐบาลไทย
ประกาศจัดตั้งเหมืองแร่แห่งแรกขึ้นที่บริเวณบ้านอีต่อง เมื่อประมาณ พ.ศ.
2483 ด้วยเพราะไม่ต้องการให้กรรมกรชาวพม่าได้เข้ามาลักลอบขุดแร่ต่าง ๆ
เพื่อนำไปขายให้กับอังกฤษ จนทำให้เกิดเหตุการณ์การปราบปราม
และมีผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
นานวันเข้าจึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเป็นระยะ
ถึงความเป็นเหมืองผีหลอกที่พูดกันปากต่อปาก
บวกกับการออกเสียงเรียกที่เพี้ยนไปของชาวพม่า จากเดิม "ผีหลอก" ก็กลายเป็น "ปิล๊อก" จนมาถึงทุกวันนี้
เมื่อความไม่แน่นอนดูจะเป็นสัจธรรมสากลของโลก
ปิล๊อกเองก็ไม่พ้นวังวนของวัฏจักรนี้ด้วยเช่นกัน
จากเมื่อครั้งที่ปิล๊อกได้พาตัวเองมาถึงจุดรุ่งเรืองสูงสุดของเหมืองแร่
(ในช่วงเวลานั้นมีเหมืองแร่เกิดขึ้นมากมาย
จนเหมือนเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าบรรดานักแสวงโชคที่อยากจะร่ำรวยจากการขุด
แร่ขายแร่) จนเมื่อราคาแร่ในตลาดโลกดิ่งตัวตกต่ำอย่างรุนแรง
ตามมาด้วยการล่มสลายของสภาเหมืองแร่โลกประมาณปี พ.ศ. 2527
ซึ่งแน่นอนว่าเหมืองแร่ปิล๊อกก็ไม่สามารถหนีรอดพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปได้เช่น
กัน
เป็นเวลานานหลายสิบปีที่ปิล๊อกแอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ
ในฐานะตำบลเล็ก ๆ ของอำเภอทองผาภูมิ แต่ดูเหมือนว่าจะเก็บตัวอยู่ได้ไม่นาน
ชื่อของปิล๊อกถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง
แต่คราวนี้ดูจะต่างไปจากบริบทเดิมอยู่มาก
ปิล๊อกในวันนี้ไม่ใช่พื้นที่รวมตัวของเหล่าบรรดานักขุดแร่แสวงโชคอีกต่อไป
หากแต่เป็นพื้นที่มหัศจรรย์ที่รวมตัวนักท่องเที่ยวที่นิยมธรรมชาติ
อยากจะแสวงหาความสุขสงบ ท่ามกลางวิถีชีวิตผู้คนและธรรมชาติที่งดงาม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
จากอดีตที่ปิล๊อกเป็นขุมทรัพย์เหมืองที่ยิ่งใหญ่หลายสิบหลายร้อยเหมือง
คงจะไม่ผิดนักที่วันนี้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านจะยกให้ "เหมืองสมศักดิ์"
กลายเป็นสัญลักษณ์ภาพแทนอดีตรุ่งโรจน์ของปิล๊อก ภายใต้นาม "สมศักดิ์ เสตะพันธุ" ผู้บุกเบิกขุมเหมืองยิ่งใหญ่แห่งนี้ หากแต่ปัจจุบันคงเหลือไว้แต่ผู้เป็นภรรยา "ป้าเกล็น" ที่
ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล
นอกจากนี้พื้นที่บางส่วนในเหมืองยังได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นบ้านพักเรียบง่าย
ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา
เสมือนเป็นจุดพักปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าฝ่าฟันเข้ามาสัมผัส
เหมืองกลางป่าของป้าเกล็น (สอบถามรายละเอียดบ้านพักได้ที่ โทร. 081 325
9471, 092 695 6345)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
พลาดไม่ได้กับการเที่ยวชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดนชื่อว่า "อีต่อง"
ในอดีตหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมความเจริญต่าง ๆ
ใครอยากจะได้เสื้อผ้า ยารักษาโรค อาหาร
หรือแม้แต่เที่ยวเล่นสถานบันเทิงก็มีบริการเสร็จสรรพ
ขออย่างเดียวใครที่จะมาที่นี่ขอให้มีเงินเป็นพอ
หากแต่อาจเป็นเพราะความลื่นไหวของเวลา
ที่ดูเหมือนจะนำพาอดีตที่รุ่งโรจน์เหล่านั้นติดมือไปด้วย
คงเหลือไว้แต่กลิ่นอายของอดีตที่ยังคงติดค้างหลงเหลือตามอาคารบ้านเรือนหลัง
เก่า ๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า
หรือแม้แต่ฝากไว้กับลมหายใจของคนงานเหมืองเก่าที่ผันตัวเองไปยึดอาชีพอื่น
จนดูคล้ายกับว่าอดีตที่รุ่งโรจน์ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเศร้าเสียดายของผู้
คนที่นี่อีกต่อไป
ภาพจาก SeeWorld88 / shutterstock.com
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
นอกจากนี้รอบบริเวณหมู่บ้านอีต่องยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกที่ คือ "เนินช้างศึก" หรือ "ฐานช้างศึก"
อยู่ในเขตความรับผิดชอบของตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.135
ทางขึ้นจะอยู่ระหว่าง สถานีตำรวจปิล๊อก กับ หมู่บ้านอีต่อง
ทางขึ้นจะเขียนว่า อุโมงค์เหมือง และ จุดชมวิว
ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมและพักกางเต็นท์ได้
ในบริเวณที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้
(แต่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมสัมภาระและอาหารต่าง ๆ ไปเอง)
ที่นี่เองมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น
และตกดินสวยที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
แต่อยากกระซิบบอกนิดหนึ่งว่า?ทางขึ้นค่อนข้างแคบ เวลาขับรถ ต้องคอยระวัง
และใช้แตรเสมอ ทางบางช่วงไม่เป็นคอนกรีต ถ้าวันไหนฝนตก ถนนจะเลวร้ายมาก
ใครไปเที่ยวที่เนินช้างศึกควรให้ความเคารพต่อสถานที่
ตลอดจนเชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
และไม่ลืมที่จะรักษาความสะอาด
เพื่อลดภาระสำหรับเจ้าหน้าที่ในการดูแลสถานที่แห่งนี้
(นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกางเต็นท์แต่อย่างใด)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin
ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด
ถ้าใครก็ตามที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วเกิดอยากจะเดินทางมาเที่ยวที่ปิล๊อก
ดูสักครั้ง ดินแดนมหัศจรรย์กลางผืนป่า ที่ซึ่งสายลม ทะเลหมอก ท้องฟ้าสีคราม
ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวไม่ซ้ำกันตลอดทั้งปี
และถึงแม้ว่าปิล๊อกในวันนี้จะเป็นแค่อดีตเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรือง
หากแต่ยังร่ำรวยด้วยธรรมชาติอย่างยากที่จะบรรยาย
ใครที่อยากพบกับความมหัศจรรย์เหล่านี้แล้วละก็
อย่าลืมพาตัวเองมาเที่ยวที่ปิล๊อกกันให้ได้นะคะ
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร. 081 382 0359, 034 532 114
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Somsak Mining, เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี