สัมผัสเสน่ห์ ปิล๊อก หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี ท่ามกลางขุนเขาและวิถีชีวิตผู้คนที่เงียบสงบ

อ่าน 7,494

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin ปิล๊อก หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี จากอดีตเหมืองปิล๊อกที่รุ่งโรจน์ ที่วันนี้คงเหลือไว้แต่ความทรงจำและสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ท่ามกลางขุนเขาและวิถีชีวิตผู้คนที่เงียบสงบ "ปิล๊อก" จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลเล็ก ๆ ที่ในอดีตคือเหมืองแร่ที่รุ่งเรืองมาก ก่อนจะเกิดวิกฤตเกี่ยวกับราคาแร่ทำให้ต้องปิดตัวลง และกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามของธรรมชาติ รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนในท้องถิ่นก็ยังคงมีปรากฏให้เห็น จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าการเดินทางจะลำบากยากเย็นเพียงใด แต่ยังมีผู้คนแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนสถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้เสมอ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ข้ามทะเลภูเขาเพื่อไปสัมผัสมนตร์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่ผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งอดีตอันรุ่งโรจน์และตกต่ำนามว่า "ปิล๊อก" กันสักครั้ง

เรื่องเล่าที่สืบทอดจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งเกี่ยวกับปิล๊อก บอกเราให้รู้ว่าภาพชวนฝันของระลอกคลื่นเขาอันสลับซับซ้อนที่ใครหลายคนเห็นผ่านตาตามหน้าหนังสือ จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่นิยมธรรมชาติและกลิ่นอายของสายหมอกแห่งนี้ ในทุกตารางพื้นที่ของปิล๊อกกลับบรรจุไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ จนคุณเองก็คาดไม่ถึง เชื่อว่าหลายคนน่าจะติดใจกับชื่อ "ปิล๊อก" เพราะฟังดูเหมือนจะเป็นภาษาไทยก็ไม่ใช่ ภาษาเพื่อนบ้านก็ไม่เชิง จะบอกให้รู้ว่า "ปิล๊อก" เป็นการเพี้ยนเสียงมาจากสมญานามที่ใครฟังแล้วต้องขนหัวลุกว่า "เหมืองผีหลอก" ครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ปราบปรามกรรมกรพม่าที่ลักลอบเข้ามาขุดเหมืองแร่ภายในบริเวณนี้นั่นเองภาพจาก SeeWorld88 / shutterstock.com เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังที่กรมโลหกิจ องค์การเหมืองแร่ของรัฐบาลไทย ประกาศจัดตั้งเหมืองแร่แห่งแรกขึ้นที่บริเวณบ้านอีต่อง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2483 ด้วยเพราะไม่ต้องการให้กรรมกรชาวพม่าได้เข้ามาลักลอบขุดแร่ต่าง ๆ เพื่อนำไปขายให้กับอังกฤษ จนทำให้เกิดเหตุการณ์การปราบปราม และมีผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นานวันเข้าจึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเป็นระยะ ถึงความเป็นเหมืองผีหลอกที่พูดกันปากต่อปาก บวกกับการออกเสียงเรียกที่เพี้ยนไปของชาวพม่า จากเดิม "ผีหลอก" ก็กลายเป็น "ปิล๊อก" จนมาถึงทุกวันนี้ เมื่อความไม่แน่นอนดูจะเป็นสัจธรรมสากลของโลก ปิล๊อกเองก็ไม่พ้นวังวนของวัฏจักรนี้ด้วยเช่นกัน จากเมื่อครั้งที่ปิล๊อกได้พาตัวเองมาถึงจุดรุ่งเรืองสูงสุดของเหมืองแร่ (ในช่วงเวลานั้นมีเหมืองแร่เกิดขึ้นมากมาย จนเหมือนเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าบรรดานักแสวงโชคที่อยากจะร่ำรวยจากการขุดแร่ขายแร่) จนเมื่อราคาแร่ในตลาดโลกดิ่งตัวตกต่ำอย่างรุนแรง ตามมาด้วยการล่มสลายของสภาเหมืองแร่โลกประมาณปี พ.ศ. 2527 ซึ่งแน่นอนว่าเหมืองแร่ปิล๊อกก็ไม่สามารถหนีรอดพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปได้เช่นกัน เป็นเวลานานหลายสิบปีที่ปิล๊อกแอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ในฐานะตำบลเล็ก ๆ ของอำเภอทองผาภูมิ แต่ดูเหมือนว่าจะเก็บตัวอยู่ได้ไม่นาน ชื่อของปิล๊อกถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูจะต่างไปจากบริบทเดิมอยู่มาก ปิล๊อกในวันนี้ไม่ใช่พื้นที่รวมตัวของเหล่าบรรดานักขุดแร่แสวงโชคอีกต่อไป หากแต่เป็นพื้นที่มหัศจรรย์ที่รวมตัวนักท่องเที่ยวที่นิยมธรรมชาติ อยากจะแสวงหาความสุขสงบ ท่ามกลางวิถีชีวิตผู้คนและธรรมชาติที่งดงามภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin จากอดีตที่ปิล๊อกเป็นขุมทรัพย์เหมืองที่ยิ่งใหญ่หลายสิบหลายร้อยเหมือง คงจะไม่ผิดนักที่วันนี้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านจะยกให้ "เหมืองสมศักดิ์" กลายเป็นสัญลักษณ์ภาพแทนอดีตรุ่งโรจน์ของปิล๊อก ภายใต้นาม "สมศักดิ์ เสตะพันธุ" ผู้บุกเบิกขุมเหมืองยิ่งใหญ่แห่งนี้ หากแต่ปัจจุบันคงเหลือไว้แต่ผู้เป็นภรรยา "ป้าเกล็น" ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล นอกจากนี้พื้นที่บางส่วนในเหมืองยังได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นบ้านพักเรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา เสมือนเป็นจุดพักปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าฝ่าฟันเข้ามาสัมผัสเหมืองกลางป่าของป้าเกล็น (สอบถามรายละเอียดบ้านพักได้ที่ โทร. 081 325 9471, 092 695 6345)ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin พลาดไม่ได้กับการเที่ยวชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดนชื่อว่า "อีต่อง" ในอดีตหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมความเจริญต่าง ๆ ใครอยากจะได้เสื้อผ้า ยารักษาโรค อาหาร หรือแม้แต่เที่ยวเล่นสถานบันเทิงก็มีบริการเสร็จสรรพ ขออย่างเดียวใครที่จะมาที่นี่ขอให้มีเงินเป็นพอ หากแต่อาจเป็นเพราะความลื่นไหวของเวลา ที่ดูเหมือนจะนำพาอดีตที่รุ่งโรจน์เหล่านั้นติดมือไปด้วย คงเหลือไว้แต่กลิ่นอายของอดีตที่ยังคงติดค้างหลงเหลือตามอาคารบ้านเรือนหลังเก่า ๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า หรือแม้แต่ฝากไว้กับลมหายใจของคนงานเหมืองเก่าที่ผันตัวเองไปยึดอาชีพอื่น จนดูคล้ายกับว่าอดีตที่รุ่งโรจน์ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเศร้าเสียดายของผู้คนที่นี่อีกต่อไปภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin นอกจากนี้รอบบริเวณหมู่บ้านอีต่องยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกที่ คือ "เนินช้างศึก" หรือ "ฐานช้างศึก" อยู่ในเขตความรับผิดชอบของตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.135 ทางขึ้นจะอยู่ระหว่าง สถานีตำรวจปิล๊อก กับ หมู่บ้านอีต่อง ทางขึ้นจะเขียนว่า อุโมงค์เหมือง และ จุดชมวิว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมและพักกางเต็นท์ได้ในบริเวณที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ (แต่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมสัมภาระและอาหารต่าง ๆ ไปเอง) ที่นี่เองมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินสวยที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี แต่อยากกระซิบบอกนิดหนึ่งว่า?ทางขึ้นค่อนข้างแคบ เวลาขับรถ ต้องคอยระวัง และใช้แตรเสมอ ทางบางช่วงไม่เป็นคอนกรีต ถ้าวันไหนฝนตก ถนนจะเลวร้ายมาก ใครไปเที่ยวที่เนินช้างศึกควรให้ความเคารพต่อสถานที่ ตลอดจนเชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และไม่ลืมที่จะรักษาความสะอาด เพื่อลดภาระสำหรับเจ้าหน้าที่ในการดูแลสถานที่แห่งนี้ (นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกางเต็นท์แต่อย่างใด)

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin

ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด ถ้าใครก็ตามที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วเกิดอยากจะเดินทางมาเที่ยวที่ปิล๊อกดูสักครั้ง ดินแดนมหัศจรรย์กลางผืนป่า ที่ซึ่งสายลม ทะเลหมอก ท้องฟ้าสีคราม ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวไม่ซ้ำกันตลอดทั้งปี และถึงแม้ว่าปิล๊อกในวันนี้จะเป็นแค่อดีตเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรือง หากแต่ยังร่ำรวยด้วยธรรมชาติอย่างยากที่จะบรรยาย ใครที่อยากพบกับความมหัศจรรย์เหล่านี้แล้วละก็ อย่าลืมพาตัวเองมาเที่ยวที่ปิล๊อกกันให้ได้นะคะ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร. 081 382 0359, 034 532 114

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Somsak Mining, เฟซบุ๊ก Sayompon A Pinnin, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี



บทความแนะนำ


การศึกษาtoutubeofflinesmartphoneYoutubeเมคอัพหน้าฝนสมาร์ทโฟนเครื่องสำอางเครื่องสำอางกันน้ำทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก