12 ที่เที่ยววันหยุดยาว มีเวลาพักผ่อนหลายวันไปนอนฝันหวานที่ไหนดี

อ่าน 2,008

ที่เที่ยววันหยุด ซึ่งเป็นที่เที่ยวไทยสวย ๆ ที่รอต้อนรับให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส ทั้งธรรมชาติ บ้านเรือนเก่าแก่ และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ พักผ่อนกันได้อย่างชิล ๆ

ช่วงวันหยุดยาวเวียนกลับมาอีกครั้ง

ถ้าใครไม่อยากเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไกล ๆ

เมืองไทยของเราก็ยังมีที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปชื่นชมอีกเพียบ

วันนี้เราจึงคัด 12 ที่เที่ยววันหยุดยาวมาเป็นไอเดียให้กับคนที่อยากเที่ยว ไม่อยากนั่งว่าง ๆ อยู่บ้านตลอดช่วงวันหยุดยาว จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง เราไปชมกัน

1. สัมผัสหมอก กอดธรรมชาติเขียว ๆ ณ ภูทับเบิก

เริ่มต้นอีกครั้งกับช่วงเวลาแห่งการไปเอาแขนโอบกอดหมอก

สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชื่นฉ่ำใจ โดยเฉพาะที่ "ภูทับเบิก"

ดินแดนแห่งสายหมอกสุดอลังการ ขับรถเล่นขึ้นเขาไปอย่างเนิบช้า

สองฟากฝั่งเป็นป่าเขาสีเขียวขจี

กลิ่นไอดินและหยาดน้ำฝนจะทำให้คุณยิ่งรู้สึกสดชื่น

ชมไร่กะหล่ำปลีบนภูเขาที่มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

แล้วกางเต็นท์นอนรอเวลาที่ดาวจะโผล่มาทักทายในยามค่ำคืน

และสายหมอกที่จะยกขบวนกันมาต้อนรับกันอย่างคึกคักในช่วงเช้า

เมื่อชมทะเลหมอกจนหนำใจ ก็ต้องไม่พลาดที่จะลองชิม ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น

เลือกซื้อผักสด ๆ ผลไม้เมืองหนาวสุดอร่อย

แล้วก็ไปเยือนที่เที่ยวใกล้เคียงอย่างอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าหรือเขา

ค้อ จบทริปเที่ยวภูทับเบิกอย่างสมบูรณ์แบบ

ภาพจาก Korkusung / Shutterstock.com

2. เดินทอดน่องบน Canopy Walkway ชมธรรมชาติที่แม่ริม เชียงใหม่

อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

มีลักษณะภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเที่ยวชมป่าเขา

ภูเขาน้อยใหญ่รายล้อมไปทั่วทั้งอำเภอ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เขียวขจี

อากาศเย็นสบาย บรรยากาศเงียบสงบ สูดอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นได้อย่างเต็มปอด

ซึ่งที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

แหล่งรวบรวมพรรณไม้ทั้งในและต่างประเทศ

เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมพรรณไม้นานาชนิดในอาคารเรือนกระจก

และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอื่น ๆ ที่น่าสนใจมากมาย

สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

ก็คือการขึ้นไปเดินเล่นบน Canopy Walkway

ทางเดินเหนือยอดไม้ที่มีความสูงกว่า 20 เมตรเหนือพื้นดิน ระยะทางประมาณ 400

เมตร นักท่องเที่ยวจะได้เดินอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่

สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขารอบข้างได้อย่างชัดเจน

บรรยากาศเงียบสงบและอากาศก็ยังเย็นสบายอีกด้วย

นอกจากนี้ในอำเภอแม่ริมยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ ปางช้างแม่สา,

น้ำตกแม่สา, ม่อนแจ่ม, ม่อนม่วน, ไร่องุ่นเอเดน เป็นต้น

3. นอนนับดาวบนดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

ดอยเสมอดาว ที่เที่ยวน่านสุดโรแมนติก ไม่ว่าใครได้ไปเยือนต่างก็ต้องหลงรัก

เป็นยอดดอยที่ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย

สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 888 เมตร

มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาน้อยใหญ่ แม่น้ำน่าน

และทะเลหมอกได้อย่างสวยงามสุด ๆ

ไม่เพียงเท่านั้นยามค่ำคืนของที่นี่ยังเงียบสงบ ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

จะสามารถมองเห็นดาวนับแสนนับล้านดวง

ลอยเด่นส่องแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าอย่างอลังการ

จนเหมือนกับว่าสามารถเอื้อมมือไปแตะดวงดาวเหล่านั้นได้เลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวผาหัวสิงห์อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ไม่ว่าจะพระอาทิตย์ขึ้นหรือลง

ก็สามารถมองเห็นได้หมดจากจุดนี้

4. นั่งจิบกาแฟสดรสชาติหอมเข้มกลางทุ่งนาในแม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน

อำเภอแม่ลาน้อย เป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยหุบเขาน้อยใหญ่มากมาย

มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขายังเขียวขจี มีพืชพรรณนานาชนิด

ระหว่างหุบเขายังมีนาข้าวกว้างใหญ่ มองไปทางไหนก็เป็นสีเขียวขจีไปเสียหมด

ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว ที่นี่จะมีอากาศหนาวเย็นมาก

ยามเช้ายังมีทะเลหมอกลอยละล่องหยอกล้อกับยอดข้าว มีแสงแดดอ่อน ๆ

ส่องกระทบบนสายหมอกสีขาวจนกลายเป็นสีทอง

ใครได้มานอนเล่นพักผ่อนกับบรรยากาศแบบนี้

รับรองได้เลยว่าจะต้องนอนหลับสบายตลอดทั้งวันทั้งคืนแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นบนภูเขาอันสูงใหญ่ของอำเภอแม่ลาน้อย

ยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีคุณภาพดีอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยอีกด้วย

การมาลิ้มลองกาแฟในชุมชนแม่ลาน้อย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด

และอย่าลืมไปให้อาหารแกะที่ชาวบ้านเลี้ยงกันไว้ด้วยนะคะ ^^

5. ถ่ายรูปคู่กับดอกกระเจียวสีชมพูหวานที่บานสะพรั่งทั่วทั้งป่า ณ ชัยภูมิ

ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดเผยโฉมความสวยงามให้เราได้

เห็นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ดอกกระเจียว

ซึ่งจะมีให้ได้ชมมากที่สุดในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต

และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

ดอกกระเจียวมากมายหลายหมื่นหลายแสนดอกจะเบ่งบานอวดโฉมสีชมพูหวานไปทั่วทั้ง

ป่า จะมีเส้นทางเดินเล็ก ๆ

ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมดอกกระเจียวอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะช่วงเช้าที่ฝนเพิ่งตกไปหมาด ๆ จะมีสายหมอกบาง ๆ

ลอยอยู่เหนือดอกกระเจียว

ทำให้มองเห็นสีชมพูและสีเขียวตัดกับสีขาวของสายหมอกเป็นหย่อม ๆ

สร้างทัศนียภาพที่งดงามสุด ๆ

ทั้งนี้ภายในอุทยานแต่ละแห่งก็มีจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ

ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บความประทับใจด้วยเช่นกัน

ภาพจาก gubgib / Shutterstock.com

6. ใช้ชีวิตเนิบช้า ณ เชียงคาน เมืองที่ไม่เคยขึ้นคาน

ถ้าให้เปรียบเชียงคานเป็นผู้หญิง

เธอก็จะเป็นหญิงสาวชาวบ้านทางแถบอีสานที่สวยงามแบบเรียบง่าย อ่อนหวาน

แต่ทว่าก็ยังแข็งแกร่ง เข้มแข็ง

ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้ชายหนุ่มต้องหลงใหล

เข้ามาขายขนมจีบให้เธอแทบทุกวัน เมืองเชียงคาน จังหวัดเลยแห่งนี้ก็เช่นกัน

ที่ไม่เคยหลับใหล มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย

บ้านเรือนไม้เก่า ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง กับวิถีชีวิตของผู้คนสุดเรียบง่าย

ผู้เฒ่าผู้แก่จะตื่นกันตั้งแต่เช้า มานั่งรอใส่บาตรข้าวเหนียว

พระสงฆ์ไม่ต่ำกว่า 10 รูป จะเดินเรียงแถวฝ่าสายหมอกเข้ามาในชุมชน

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ

แม้แต่เสียงกระซิบก็แทบจะกลายเป็นเสียงตะโกนไปเสียอย่างนั้น

มีเสียงสวดมนต์อันแผ่วเบา ลอยข้ามฝั่งมาจากประเทศลาว

สร้างบรรยากาศให้ยิ่งน่าหลงใหล นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้ใคร ๆ

ก็ต้องหลงรักเชียงคาน ยิ่งไปกว่านั้นในเมืองเชียงคานยังมีร้านอาหารอร่อย ๆ

ให้ไปลิ้มลองกันอีกมากมายอีกด้วย

7. เที่ยวฟาร์มออแกนิกส์ เดินเล่นชมป่าชายเลน ดำน้ำทะเลเมียนมาจากทางระนอง

จังหวัดระนอง เป็นอีกจังหวัดของภาคใต้ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เงียบสงบ

แตกต่างจากจังหวัดอื่น ๆ ที่มักจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว

ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวระนองได้รับความเป็น

ส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง

โดยในจังหวัดแห่งนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มออแกนิกส์อย่างไร่ไออรุณ

ที่สถาปนิกหนุ่มได้พลิกฟื้นผืนดินธรรมดาให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง

เกษตรที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร หรือจะไปชมวิว ณ ภูเขาหญ้า

ซึ่งในช่วงฤดูฝนมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือลงสู่ทิศ

ใต้สวยงามยิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้นจากทางจังหวัดระนองยังสามารถที่จะไปดำน้ำดูปะการัง

ชมธรรมชาติใต้ท้องทะเลเมียนมาได้อย่างง่าย ๆ อีกด้วย

ซึ่งท้องทะเลเมียนมาก็มีความสวยงามไม่แพ้ทะเลที่ไหนในโลก

ทั้งน้ำทะเลใสสะอาด หาดทรายขาวนุ่ม มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์

เป็นสวรรค์เล็ก ๆ ที่อยากให้ได้ไปสัมผัสกันสักครั้ง

8. ว่ายน้ำชมปะการังในท้องทะเลสีฟ้าใสบริเวณเกาะกูด จังหวัดตราด

ใครว่าหน้าฝนไปเที่ยวทะเลไม่ได้

ด้วยประเทศไทยมีทะเลทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน

ซึ่งแต่ละฝั่งจะมีช่วงมรสุมที่แตกต่างกัน โดยในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

ฝนจะพากันไปหาน้ำทะเลทางฝั่งอันดามัน

เพราะฉะนั้นเราก็สามารถที่จะไปเที่ยวทะเลทางฝั่งอ่าวไทยได้อย่างสบาย ๆ

ซึ่งในท้องทะเลอ่าวไทยก็มีที่เที่ยวหลายแห่งที่มีความสวยงาม

ที่อยากจะแนะนำก็คือ "เกาะกูด" เพราะที่นี่อยู่ห่างไกลจากแผ่นดิน

สภาพของท้องทะเลจึงยังสวยงาม ราวกับสวรรค์เลยทีเดียว

ที่สำคัญยังเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นที่สุด ยิ่งถ้าใครชอบดำน้ำ

บริเวณโดยรอบของเกาะกูดก็จะมีสถานที่ดำน้ำที่มีความสวยงามมาก ๆ

อยู่หลายแห่ง

ถือได้ว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ

อย่างแท้จริง

ภาพจาก SONGPAN JANTHONG / Shutterstock.com

9. เดินชมเมืองเก่าสงขลา เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ที่พัทลุง

ทางภาคใต้ของไทยไม่ได้มีดีแค่ท้องทะเลที่สวยงาม

แต่ที่นี่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยป่าเขา ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

พร้อมทั้งวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ถ้าใครชอบงานสถาปัตยกรรมเก๋ ๆ

ต้องไม่พลาดการไปเยือนเมืองเก่าสงขลา

ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบสงขลา ในเขตอำเภอเมืองสงขลา

ซึ่งเป็นจุดที่มีบ้านเรือนเก่าแก่ ผสมผสานระหว่างศิลปะจีนและศิลปะตะวันตก

คล้ายกับบ้านเรือนสไตล์ชิโนโปรตุกีสในเขตเมืองเก่าภูเก็ต สิ่งที่โดดเด่นมาก

ๆ ของเมืองเก่าแห่งนี้ก็คือการนำศิลปะแนวสตรีทอาร์ตอันทันสมัย

เข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับที่นี่ ปลุกให้เมืองเก่าดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกใจเหล่าฮิปสเตอร์ไปได้อย่างง่ายดาย อ๊ะ

อ๊ะ...อย่าเดินเล่นเพลิน จนลืมชิมของอร่อย ๆ อันขึ้นชื่อของที่นี่ด้วยนะคะ

ถัดจากเมืองเก่าสงขลา ข้ามฝั่งทะเลสาบไปยังจังหวัดพัทลุง

ชมวิวของทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาจากบนสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80

พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ได้เห็นควายน้ำกำลังนอนเล่นในบ่อโคลนอย่างเริงร่า

พร้อม ๆ กับพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้าหลังเขาที่อยู่ไม่ไกล

แล้วไปต่อในตัวเมืองพัทลุง ชิมอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย

และชมการแสดงโนราที่มีความสวยงามมากที่สุดในเมืองไทย

เก็บความประทับใจกลับบ้านมาแบบล้นเหลือแน่นอน

10. พักผ่อนนอนชิลริมเขื่อน ณ บ้านกกกอด กาญจนบุรี

ถ้าคุณต้องการเพียงแค่ธรรมชาติ เพื่อการเติมเต็มพลังงานในร่างกาย

การได้เดินทางไปนอนพักผ่อนแบบเงียบสงบริมเขื่อนท่าทุ่งนา ณ บ้านกกกอด

ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยล่ะ เพราะที่นี่ไม่มีทีวี ไม่มีแอร์

ไม่มีอินเทอร์เน็ตไร้สาย มีเพียงแค่ธรรมชาติล้วน ๆ

รอบข้างพื้นที่แห่งนี้จะมีเพียงภูเขา ทุ่งหญ้า และอ่างเก็บน้ำ

คุณจะได้นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดริมเขื่อนอย่างเงียบ ๆ

ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากยิ่งขึ้น

ได้มีเวลาพิจารณาว่ากาแฟในถ้วยนั้นมีรสชาติหอมเข้มเพียงใด

อีกทั้งยังได้นั่งมองสายน้ำที่นิ่งสงบ รับอากาศที่เย็นสบาย

ดูพระอาทิตย์ตกดินลงหลังเขาอย่างช้า ๆ หรือถ้าใครไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ

ก็สามารถกระโดดเล่นน้ำ พายเรือคายักเล่นไปรอบ ๆ ได้อย่างชิล ๆ

สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับวันหยุดได้อย่างน่าประทับใจ

11. ล่องแก่งหินเพิงสุดมัน ความสนุกสนานบนสายน้ำของปราจีนบุรี

ภาพจาก topten22photo_720 / Shutterstock.com

สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมผจญภัย

ช่วงวันหยุดยาวนี้ต้องไปท้าประลองความมันกับการล่องแก่งที่ได้ชื่อว่าสนุก

สนานที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อย่างการล่องแก่งหินเพลิง

จังหวัดปราจีนบุรีกันค่ะ ซึ่งการล่องแก่งที่นี่จะมีความยากอยู่ที่ระดับ 3-5

แพยังจะนำคุณล่องไปตามสายน้ำ หลบหลีกแก่งหินในลำน้ำอย่างสนุกสนาน

บางช่วงยังท้าทาย ทั้งกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และซอกหินเล็กแคบ

ที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เป็นความมันที่ต้องไปลองกันสักครั้ง

นอกจากนี้จังหวัดปราจีนบุรียังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ

ดาษดาแกลเลอรี่, เขาทุ่ง, The Verona at Tublan,

พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร, อุทยานแห่งชาติทับลาน, น้ำตกเขาอีโต้,

โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ เป็นต้น

12. เริงร่าไปกับผีเสื้อหลากสีและสายพันธุ์ ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดา สระแก้ว

เทศกาลชมผีเสื้อปางสีดา จะมีเป็นประจำในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี

ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว

ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผีเสื้อมากกว่า 450-500 สายพันธุ์

รวมแล้วมีผีเสื้อนับแสนตัว

โดยนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าไปชมผีเสื้อได้อย่างใกล้ชิด

มีจุดชมผีเสื้อที่ทางอุทยานจัดไว้ให้หลายจุด

โดยจุดที่มีความสวยงามมากที่สุด จะอยู่บริเวณลานหินดาด

ซึ่งต้องนั่งรถของเจ้าหน้าที่ผ่านป่าที่อุดมสมบูรณ์เข้าไป

บริเวณลานหินดาดจะมีผีเสื้อนับพันบินว่อนสร้างสีสันตัดกับป่าสีเขียวอย่าง

สวยงาม โดยเฉพาะในวันที่ฟ้าเปิด จะมีผีเสื้อบินออกมาหาอาหารอย่างละลานตา

นักท่องเที่ยวจึงควรไปเที่ยวชมตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น.

ในวันที่ไม่มีฝนตก ท้องฟ้าเปิด

ก็จะได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในอีกรูปแบบ

แอบปักหมุดที่ไหนไว้กันบ้างคะ ถ้าชอบแนวไหน พอมีเวลา

ก็ชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนกันได้เลยค่ะ

ไม่แน่นะ...คุณอาจจะค้นพบที่เที่ยวไทยใหม่ ๆ

ที่สวยงามมากกว่าโดยไม่รู้ตัวก็ได้ :)



บทความแนะนำ


โหงวเฮ้งแต่งงานแฟนสละโสดแฟชั่นเกาหลีดูดวงขาสั้นเสื้อยืดแฟชั่นทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก