10 ข้อสงสัย กินชาดีไหม อันตรายกับร่างกายหรือเปล่า

อ่าน 10,686

กินชาเขียว ชาเย็น ทุกวันอันตรายไหม มาตอบทุกข้อสงสัยเรื่องประโยชน์และโทษของการดื่มชาให้เคลียร์กันไปเลย

คน

ที่ดื่มชาเขียวนมทุกวัน หรือดื่มชาเย็นทุกวันคงใจคอไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

เพราะมีหลายกระแสออกมาเตือนถึงโทษของการดื่มชามากเกินไปอยู่ไม่น้อย

งั้นเพื่อความสบายใจของคนชอบดื่มชา

วันนี้เราจะมาตอบทุกปัญหาให้รู้ชัดกันไปเลยค่ะว่า

ดื่มชาเขียวนมทุกวันเป็นอันตรายกับสุขภาพไหม

หรือดื่มชามากไปจะมีโทษอย่างไรบ้าง

ภาพจาก unsplash

1. กินชาดีไหม มาดูประโยชน์ของการดื่มชากัน

ประโยชน์ของชาต่อสุขภาพมีอยู่หลายข้อด้วยกัน

เนื่องด้วยในน้ำชามีทั้งวิตามิน B, C, E กรดอะมิโน

และสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ที่เรียกว่าคาเทซินอย่างสารสารอีพิ

กัลโลคาเทชินกัลเลต (epigallocatechin gallate) หรือ EGCG

ซึ่งมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายชนิด

รวมทั้งคาเทชินในใบชายังมีส่วนช่วยลดความอ้วนได้

โดยเฉพาะคาเทชินในชาเขียวที่มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่ามีฤทธิ์เพิ่มการเผา

ผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม

การบริโภคชาให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุดนั้นควรต้องดื่มอย่างเหมาะสมด้วย

นะคะ

2. กินชามากไป มีโทษอะไรบ้าง

การ

ดื่มชามากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้

อย่างงานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine

ที่พบว่า การดื่มชาดำเย็นมาก ๆ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการไตวายเฉียบพลัน

เนื่องจากในชาดำมีสารออกซาเลทเป็นจำนวนมาก

การดื่มชาดำเป็นประจำจะทำให้สารออกซาเลทตกค้างอยู่ในร่างกายและก่อให้เกิด

นิ่วในไตได้ ยิ่งหากคุณมีประวัติว่าเคยเป็นนิ่วมาก่อนยิ่งต้องระวังให้ดี

นอกจากนี้ยังมีรายงานที่พบว่า หนูทดลองที่ดื่มชาเขียวในปริมาณ 2,500

มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกัน 5 วัน

มีภาวะตับถูกทำลายลงเล็กน้อย

และจะเกิดภาวะตับเป็นพิษเมื่อดื่มชาเขียวในขณะที่เป็นไข้

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การดื่มชาในระยะเวลาติดต่อกันนาน ๆ

และบริโภคในปริมาณที่สูง อาจส่งผลให้ตับถูกทำลายได้

ขณะที่ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เตือนมาว่า

ผู้ที่ท้องอืดบ่อย ๆ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และคนที่เป็นโรคหัวใจ

ไม่ควรดื่มชา เพราะจะยิ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น

รวมทั้งคนที่เป็นโรคไตก็ไม่ควรดื่ม

3. กินชาเย็น/ชาเขียวทุกวันเป็นอันตรายไหม

อย่างที่ได้รู้กันไปว่าในใบชามีสารออกซาเลทจำนวนมาก

ดังนั้นหากเราดื่มชาเขียวนมทุกวัน หรือดื่มชานมทุกวัน

โอกาสที่สารออกซาเลทจะสะสมจนก่ออาการอุดตันในไต

หรือทำให้เกิดโรคนิ่วในไตก็อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้ง ผศ. ดร.เรวดี จงสุวัฒน์

หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเตือนว่า

การดื่มชานม กาแฟเย็น หรือชาเขียวทุกวันอาจก่อให้เกิดโรคอ้วนได้

โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมดื่มชาเย็น ชาไข่มุกในปริมาณมาก

บางคนดื่มกันวันละ 3 แก้ว ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินแล้ว

ยังเป็นการสิ้นเปลืองเงินเกินจำเป็นอีกต่างหาก

4. กินชาเขียวแช่เย็นมีโทษไหม

อาจารย์

สง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการ ได้เคยให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ว่า

ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวเย็นจะทำให้เกิดโรคได้

ทว่าก็ยังไม่มีผลวิจัยใด ๆ

ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวจะสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งในคนได้เช่นกัน

แม้ที่ยอดใบชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้จริงก็ตาม

นอกจากนี้ นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ธรรมชาติบำบัด

ก็พูดถึงเรื่องการดื่มชาเขียวไว้ว่า

การกินชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระจริง ๆ

จะต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่น และต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 20

แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะสามารถป้องกันมะเร็งได้

ซึ่งในทางปฏิบัติอาจทำได้ยาก แต่สำหรับการดื่มน้ำชาเขียวปัจจุบัน

เป็นชาเขียวที่เจือจาง และยังปรุงรสแต่งกลิ่นด้วยน้ำตาล ซึ่งหากดื่มมาก ๆ

ก็อาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ ดังนั้นจะดื่มร้อนหรือเย็นก็ไม่ต่างกัน

5. กินชาแล้วใจสั่น อาการนี้อันตรายไหม

ไม่ใช่แค่กาเฟที่มีคาเฟอีน

เพราะฐานข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรสหรัฐอเมริกาเผยว่า

ชาเขียวร้อนมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 25 มิลลิกรัมต่อ 8 ออนซ์หรือเท่ากับ

236.6 มิลลิลิตร และชาดำร้อนมีคาเฟอีน 47 มิลลิกรัมต่อปริมาณชาดำ 8 ออนซ์

ในขณะที่ชาร้อนสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 26 มิลลิกรัมต่อ 8 ออนซ์

ซึ่งเผลอ ๆ ในใบชาอาจจะมีคาเฟอีนที่มากกว่ากาแฟอีกก็เป็นได้นะคะ

ดังนั้นสำหรับบางคนที่ดื่มชาแล้วใจสั่น

ก็อาจเป็นเพราะคาเฟอีนที่แฝงอยู่ในชานี่เอง ยิ่งกับคนที่มีภาวะเครียด

อ่อนเพลีย หรืออยู่ในภาวะร่างกายขาดน้ำ

ก็อาจโดนคาเฟอีนเล่นงานเอาได้ง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการใจสั่น

หรือเวียนศีรษะแปลก ๆ ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นอาการที่ร้ายแรงอะไร

เพียงแต่ทางที่ดีควรจะดื่มน้ำเปล่าตามไปให้มาก ๆ

หรือจะงดดื่มชากาแฟไปก่อนก็ได้

ทว่าเมื่อไรที่มีอาการใจสั่นร่วมกับอาการหน้ามืด หมดสติ แน่นหน้าอก

หรือหอบเหนื่อยกว่าปกติ

แบบนี้ควรต้องรีบไปพบแพทย์เพราะอาจมีโรคหัวใจรุนแรงซ่อนอยู่

ภาพจาก unsplash

6. กินชาแล้วนอนไม่หลับ ทำไงดี

สำหรับคนที่มักจะมีอาการนอนไม่หลับ

แล้วคิดว่าต้นเหตุคือชาที่ดื่มเข้าไป บอกเลยว่าคุณคิดถูกแล้วค่ะ

เพราะอย่างที่บอกว่าในชาก็มีคาเฟอีนอยู่ไม่น้อยเลย

ดังนั้นหากไม่อยากกินชาแล้วนอนไม่หลับ

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มชาในช่วงเย็น หรือจะงดดื่มชาไปก่อนสักระยะ

เพื่อให้ร่างกายได้ปรับเวลานอนหลับก่อนก็ได้

7. กินชาเขียวตอนไหนดี ถึงจะได้ความเฮลธ์ตี้เต็มแม็กซ์

การดื่มชาเพื่อสุขภาพควรต้องดื่มหลังรับประทานอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง

เพื่อให้ชากระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร

ซึ่งจะช่วยย่อยอาหารจำพวกวิตามินเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ง่าย

ขึ้น

ทว่าเพื่อผลผระโยชน์สูงสุดก็ควรดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารเช้าจะดีกว่านะคะ

เพราะหากดื่มหลังมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น

อาจทำให้นอนตาค้างเนื่องจากผลกระทบของคาเฟอีนได้

อ้อ !

และขอฝากวิธีดื่มชาเขียวที่ถูกต้องเอาไว้อีกสักนิด

นั่นก็คือควรดื่มชาเขียวชงร้อนด้วยตัวเอง

ซึ่งจะช่วยให้เราจำกัดปริมาณน้ำตาลได้

อีกทั้งการดื่มชาเขียวร้อนยังจะช่วยให้ประสิทธิภาพของชาเขียวไม่ถูกเจือจาง

ไปกับน้ำแข็งอีกด้วยค่ะ แค่หากใครอยากดื่มชาเขียวเย็นก็ได้

เพียงแต่ว่าขอเป็นชาเขียวชงเองแล้วแช่เย็นไว้

และดื่มแบบไม่ใส่น้ำแข็งเป็นพอ

นอกจากนี้หากจะชงชาเขียวให้สารต้านอนุมูลอิสระคงอยู่ นพ.กฤษดา ศิรามพุช

ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

ก็แนะนำให้บีบมะนาวลงไประหว่างชงชาด้วยนะคะ

8. กินชาเขียวลดน้ำหนักต้องทำยังไง

ในชาเขียวมีคาเทชินซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย ซึ่งก็ช่วยในการลดน้ำหนักได้

. กินชาเขียวลดสิวได้จริงไหม

แม้ว่าชาและกาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่คนเป็นสิวควรเลี่ยงให้ไกล

แต่ชาเขียวอุ่น ๆ เป็นข้อยกเว้นค่ะ

ด้วยสรรพคุณของสารโพลีฟีนอลที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว

หนัง และสารในชาเขียวที่ช่วยขับสารพิษในร่างกาย สองแรงแข็งขันแบบนี้

สิวที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็จะกระจายตัวหายไปในที่สุด

10. กินชาเขียวแล้วท้องผูก เกิดจากอะไร

ประเด็น

นี้อาจเกิดจากสารแทนนินที่อยู่ในชาเขียว ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ท้องผูก

รวมทั้งยังยับยั้งการดูดซึมสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก

และโฟลิก ดังนั้นเพื่อสุขภาพระบบขับถ่ายที่ดี

แนะนำให้ดื่มชาเขียวในปริมาณที่พอเหมาะ (ไม่เกิน 5 แก้วต่อวัน)

พร้อมทั้งรับประทานผักผลไม้และน้ำเปล่ามาก ๆ ด้วย

ยัง

คงยืนยันคำเดิมว่าอาหารและเครื่องดื่มแทบทุกชนิดมีทั้งคุณและโทษด้วยกันทั้ง

นั้น ซึ่งเพื่อสุขพลานามัยที่ดีของตัวเราเองก็ควรเดินทางสายกลาง

จิบชาอย่างพอเหมาะและดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่า โดยเฉพาะใครที่ไม่อยากอ้วน

แนะนำให้จำกัดการดื่มชาเย็นหรือดื่มชาเขียวนมด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สถาบันชา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เฟซบุ๊ก สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

Health



บทความแนะนำ


dollyeyesแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลีบอกนิสัยกาแฟเย็นกาแฟแต่งหน้าร้านอาหารที่กินทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก