10 ข้อสงสัย กินชาดีไหม อันตรายกับร่างกายหรือเปล่า
กินชาเขียว ชาเย็น ทุกวันอันตรายไหม มาตอบทุกข้อสงสัยเรื่องประโยชน์และโทษของการดื่มชาให้เคลียร์กันไปเลย
คน
ที่ดื่มชาเขียวนมทุกวัน หรือดื่มชาเย็นทุกวันคงใจคอไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร
เพราะมีหลายกระแสออกมาเตือนถึงโทษของการดื่มชามากเกินไปอยู่ไม่น้อย
งั้นเพื่อความสบายใจของคนชอบดื่มชา
วันนี้เราจะมาตอบทุกปัญหาให้รู้ชัดกันไปเลยค่ะว่า
ดื่มชาเขียวนมทุกวันเป็นอันตรายกับสุขภาพไหม
หรือดื่มชามากไปจะมีโทษอย่างไรบ้าง
ภาพจาก unsplash
1. กินชาดีไหม มาดูประโยชน์ของการดื่มชากัน
ประโยชน์ของชาต่อสุขภาพมีอยู่หลายข้อด้วยกัน
เนื่องด้วยในน้ำชามีทั้งวิตามิน B, C, E กรดอะมิโน
และสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ที่เรียกว่าคาเทซินอย่างสารสารอีพิ
กัลโลคาเทชินกัลเลต (epigallocatechin gallate) หรือ EGCG
ซึ่งมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายชนิด
รวมทั้งคาเทชินในใบชายังมีส่วนช่วยลดความอ้วนได้
โดยเฉพาะคาเทชินในชาเขียวที่มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่ามีฤทธิ์เพิ่มการเผา
ผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม
การบริโภคชาให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุดนั้นควรต้องดื่มอย่างเหมาะสมด้วย
นะคะ
2. กินชามากไป มีโทษอะไรบ้าง
การ
ดื่มชามากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้
อย่างงานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine
ที่พบว่า การดื่มชาดำเย็นมาก ๆ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการไตวายเฉียบพลัน
เนื่องจากในชาดำมีสารออกซาเลทเป็นจำนวนมาก
การดื่มชาดำเป็นประจำจะทำให้สารออกซาเลทตกค้างอยู่ในร่างกายและก่อให้เกิด
นิ่วในไตได้ ยิ่งหากคุณมีประวัติว่าเคยเป็นนิ่วมาก่อนยิ่งต้องระวังให้ดี
นอกจากนี้ยังมีรายงานที่พบว่า หนูทดลองที่ดื่มชาเขียวในปริมาณ 2,500
มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกัน 5 วัน
มีภาวะตับถูกทำลายลงเล็กน้อย
และจะเกิดภาวะตับเป็นพิษเมื่อดื่มชาเขียวในขณะที่เป็นไข้
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การดื่มชาในระยะเวลาติดต่อกันนาน ๆ
และบริโภคในปริมาณที่สูง อาจส่งผลให้ตับถูกทำลายได้
ขณะที่ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เตือนมาว่า
ผู้ที่ท้องอืดบ่อย ๆ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และคนที่เป็นโรคหัวใจ
ไม่ควรดื่มชา เพราะจะยิ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
รวมทั้งคนที่เป็นโรคไตก็ไม่ควรดื่ม
3. กินชาเย็น/ชาเขียวทุกวันเป็นอันตรายไหม
อย่างที่ได้รู้กันไปว่าในใบชามีสารออกซาเลทจำนวนมาก
ดังนั้นหากเราดื่มชาเขียวนมทุกวัน หรือดื่มชานมทุกวัน
โอกาสที่สารออกซาเลทจะสะสมจนก่ออาการอุดตันในไต
หรือทำให้เกิดโรคนิ่วในไตก็อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้ง ผศ. ดร.เรวดี จงสุวัฒน์
หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเตือนว่า
การดื่มชานม กาแฟเย็น หรือชาเขียวทุกวันอาจก่อให้เกิดโรคอ้วนได้
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมดื่มชาเย็น ชาไข่มุกในปริมาณมาก
บางคนดื่มกันวันละ 3 แก้ว ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินแล้ว
ยังเป็นการสิ้นเปลืองเงินเกินจำเป็นอีกต่างหาก
4. กินชาเขียวแช่เย็นมีโทษไหม
อาจารย์
สง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการ ได้เคยให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ว่า
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวเย็นจะทำให้เกิดโรคได้
ทว่าก็ยังไม่มีผลวิจัยใด ๆ
ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวจะสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งในคนได้เช่นกัน
แม้ที่ยอดใบชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้จริงก็ตาม
นอกจากนี้ นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ธรรมชาติบำบัด
ก็พูดถึงเรื่องการดื่มชาเขียวไว้ว่า
การกินชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระจริง ๆ
จะต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่น และต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 20
แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะสามารถป้องกันมะเร็งได้
ซึ่งในทางปฏิบัติอาจทำได้ยาก แต่สำหรับการดื่มน้ำชาเขียวปัจจุบัน
เป็นชาเขียวที่เจือจาง และยังปรุงรสแต่งกลิ่นด้วยน้ำตาล ซึ่งหากดื่มมาก ๆ
ก็อาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ ดังนั้นจะดื่มร้อนหรือเย็นก็ไม่ต่างกัน
5. กินชาแล้วใจสั่น อาการนี้อันตรายไหม
ไม่ใช่แค่กาเฟที่มีคาเฟอีน
เพราะฐานข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรสหรัฐอเมริกาเผยว่า
ชาเขียวร้อนมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 25 มิลลิกรัมต่อ 8 ออนซ์หรือเท่ากับ
236.6 มิลลิลิตร และชาดำร้อนมีคาเฟอีน 47 มิลลิกรัมต่อปริมาณชาดำ 8 ออนซ์
ในขณะที่ชาร้อนสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 26 มิลลิกรัมต่อ 8 ออนซ์
ซึ่งเผลอ ๆ ในใบชาอาจจะมีคาเฟอีนที่มากกว่ากาแฟอีกก็เป็นได้นะคะ
ดังนั้นสำหรับบางคนที่ดื่มชาแล้วใจสั่น
ก็อาจเป็นเพราะคาเฟอีนที่แฝงอยู่ในชานี่เอง ยิ่งกับคนที่มีภาวะเครียด
อ่อนเพลีย หรืออยู่ในภาวะร่างกายขาดน้ำ
ก็อาจโดนคาเฟอีนเล่นงานเอาได้ง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการใจสั่น
หรือเวียนศีรษะแปลก ๆ ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นอาการที่ร้ายแรงอะไร
เพียงแต่ทางที่ดีควรจะดื่มน้ำเปล่าตามไปให้มาก ๆ
หรือจะงดดื่มชากาแฟไปก่อนก็ได้
ทว่าเมื่อไรที่มีอาการใจสั่นร่วมกับอาการหน้ามืด หมดสติ แน่นหน้าอก
หรือหอบเหนื่อยกว่าปกติ
แบบนี้ควรต้องรีบไปพบแพทย์เพราะอาจมีโรคหัวใจรุนแรงซ่อนอยู่
ภาพจาก unsplash
6. กินชาแล้วนอนไม่หลับ ทำไงดี
สำหรับคนที่มักจะมีอาการนอนไม่หลับ
แล้วคิดว่าต้นเหตุคือชาที่ดื่มเข้าไป บอกเลยว่าคุณคิดถูกแล้วค่ะ
เพราะอย่างที่บอกว่าในชาก็มีคาเฟอีนอยู่ไม่น้อยเลย
ดังนั้นหากไม่อยากกินชาแล้วนอนไม่หลับ
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มชาในช่วงเย็น หรือจะงดดื่มชาไปก่อนสักระยะ
เพื่อให้ร่างกายได้ปรับเวลานอนหลับก่อนก็ได้
7. กินชาเขียวตอนไหนดี ถึงจะได้ความเฮลธ์ตี้เต็มแม็กซ์
การดื่มชาเพื่อสุขภาพควรต้องดื่มหลังรับประทานอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง
เพื่อให้ชากระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
ซึ่งจะช่วยย่อยอาหารจำพวกวิตามินเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ง่าย
ขึ้น
ทว่าเพื่อผลผระโยชน์สูงสุดก็ควรดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารเช้าจะดีกว่านะคะ
เพราะหากดื่มหลังมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น
อาจทำให้นอนตาค้างเนื่องจากผลกระทบของคาเฟอีนได้
อ้อ !
และขอฝากวิธีดื่มชาเขียวที่ถูกต้องเอาไว้อีกสักนิด
นั่นก็คือควรดื่มชาเขียวชงร้อนด้วยตัวเอง
ซึ่งจะช่วยให้เราจำกัดปริมาณน้ำตาลได้
อีกทั้งการดื่มชาเขียวร้อนยังจะช่วยให้ประสิทธิภาพของชาเขียวไม่ถูกเจือจาง
ไปกับน้ำแข็งอีกด้วยค่ะ แค่หากใครอยากดื่มชาเขียวเย็นก็ได้
เพียงแต่ว่าขอเป็นชาเขียวชงเองแล้วแช่เย็นไว้
และดื่มแบบไม่ใส่น้ำแข็งเป็นพอ
นอกจากนี้หากจะชงชาเขียวให้สารต้านอนุมูลอิสระคงอยู่ นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
ก็แนะนำให้บีบมะนาวลงไประหว่างชงชาด้วยนะคะ
8. กินชาเขียวลดน้ำหนักต้องทำยังไง
ในชาเขียวมีคาเทชินซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย ซึ่งก็ช่วยในการลดน้ำหนักได้
. กินชาเขียวลดสิวได้จริงไหม
แม้ว่าชาและกาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่คนเป็นสิวควรเลี่ยงให้ไกล
แต่ชาเขียวอุ่น ๆ เป็นข้อยกเว้นค่ะ
ด้วยสรรพคุณของสารโพลีฟีนอลที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว
หนัง และสารในชาเขียวที่ช่วยขับสารพิษในร่างกาย สองแรงแข็งขันแบบนี้
สิวที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็จะกระจายตัวหายไปในที่สุด
10. กินชาเขียวแล้วท้องผูก เกิดจากอะไร
ประเด็น
นี้อาจเกิดจากสารแทนนินที่อยู่ในชาเขียว ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ท้องผูก
รวมทั้งยังยับยั้งการดูดซึมสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก
และโฟลิก ดังนั้นเพื่อสุขภาพระบบขับถ่ายที่ดี
แนะนำให้ดื่มชาเขียวในปริมาณที่พอเหมาะ (ไม่เกิน 5 แก้วต่อวัน)
พร้อมทั้งรับประทานผักผลไม้และน้ำเปล่ามาก ๆ ด้วย
ยัง
คงยืนยันคำเดิมว่าอาหารและเครื่องดื่มแทบทุกชนิดมีทั้งคุณและโทษด้วยกันทั้ง
นั้น ซึ่งเพื่อสุขพลานามัยที่ดีของตัวเราเองก็ควรเดินทางสายกลาง
จิบชาอย่างพอเหมาะและดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่า โดยเฉพาะใครที่ไม่อยากอ้วน
แนะนำให้จำกัดการดื่มชาเย็นหรือดื่มชาเขียวนมด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สถาบันชา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เฟซบุ๊ก สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
Health