นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี ศูนย์ศึกษาเรียนรู้พันธุ์ข้าวที่น่าสนใจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
นาเฮียใช้ หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้
ชวนไปท่องเที่ยวสัมผัสจิตวิญญาณของชาวนาไทย ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิถีชีวิตการเกษตร ณ ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ นาเฮียใช้
พื้นที่เกษตรน่าเรียนรู้ขนาดใหญ่
ที่โดดเด่นน่าเข้าไปสัมผัสด้วยภาพแปลงนารูปสวยในมุมสูง ๆ
เป็นจุดท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี
แต่ก่อนจะไปเที่ยวชมที่นี่ลองไปทำความรู้จักกับข้อมูลที่เรานำมาฝากกันก่อน
ดีกว่าค่ะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
ก่อนจะมาเป็น...นาเฮียใช้
ในอดีตบิดา-มารดาของเฮียใช้มีพื้นเพเดิมมาจากหมู่บ้านเซ่งจิว ตำบลโคยหน่ำ
อำเภอเก๊กเอี๊ย จังหวัดซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2468
เนื่องจากเกิดสภาวะฝนแล้งติดต่อกัน 3 ปี
จึงได้ตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดโดยทางเรือ
มาอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 7) และย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านป่าสำดำ ตำบลสวนแตง อำเภอเมือง
จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ บ้านสะแกย่างหมู
อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยอาศัยที่ดินของพ่อตู้ขุน แม่ตู้คำ
กุณฑา
เมื่อเฮียใช้อายุประมาณ 1 ขวบ
ได้ย้ายมาอยู่บ้านอู่ยา อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ขณะนั้นมารดาประกอบอาชีพหาบของ แลกข้าวเปลือก ขายข้าวแกง ร้านกาแฟ
และร้านขายของชำ เฮียใช้จบการศึกษาระดับชั้น ป.4 จากโรงเรียนบ้านลาดตานวล
(โรงเรียนวัดอู่ยาในปัจจุบัน)
และเมื่อเฮียใช้เติบโตขึ้น
ได้เข้ามาช่วยครอบครัวในการรับซื้อข้าวเปลือกและรับจ้างบรรทุกของ ในปี พ.ศ.
2540 ครอบครัวได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ
จากรับซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการค้าโดยมีลูก ๆ
คอยช่วยดูแล เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูก
โดยการสร้างเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวมีกำลังการคัดได้ 6 ตันต่อวัน
ด้วยงบประมาณ 350,000 บาท
และนับได้ว่าเป็นเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวเครื่องแรกในภาคเอกชน
ภายใต้เครื่องหมายการค้า เฮียใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ตั้งแต่กระสอบแรกที่บรรจุ
และพัฒนาระบบการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูงผ่านตามเกณฑ์ที่ พ.ร.บ.
พันธุ์พืชกำหนด
ในปัจจุบันได้เข้าร่วมโครงการรับรองระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์
ที่ทางกรมการข้าวร่วมกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
(มกอช.) และได้รับการรับรองระบบในปี 2558
จึงเห็นได้ว่ามีการใส่ใจในทุกขั้นตอนของการผลิต
เพื่อให้ได้ซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี
โดยหัวใจหลักในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเฮียใช้
คือการค้นหาเกษตรกรที่มีความขยัน ซื่อสัตย์
และรับผิดชอบในหน้าที่มาเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ
ในปัจจุบันมีครอบครัวชาวนาที่เข้าร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 300 ครอบครัว
โดยทุกแปลงทีมงานเฮียใช้จะเป็นผู้เพาะกล้าพร้อมปักดำให้กับสมาชิก
เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูงไว้สำหรับบริการพี่น้องชาว
นา
ความเป็นมา...นาเฮียใช้
นาเฮียใช้ สร้าง
ขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวง
พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์
เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว
ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ด
พันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
พร้อมเล็งเห็นความสำคัญของการให้ความรู้และการทำนาอย่างถูกวิธี
ซึ่งจะมีประโยชน์แก่ส่วนรวมและสมาชิกของสมาคม ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค
ให้บุคคลทั่วไปที่เห็นความสำคัญของข้าวและชาวนา
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม
ซึ่งแต่ละโซนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับ
โซนต่าง ๆ อีกด้วย
ส่วนไฮไลท์ในการเข้าชมภายในศูนย์เรียนรู้คือการชมแปลงนาสวย ๆ
ที่ปลูกให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ อาทิ แผนที่ประเทศไทย
หรือการปลูกข้าวสีเขียวสลับกับต้นข้าวสีดำด้วยการแปลงเป็นอักษรรูปร่างต่าง ๆ
อีกด้วย
นอกจากนี้ภายในศูนย์การเรียนรู้แบ่งพื้นที่เรียนรู้ออกเป็นหลายส่วน ได้แก่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
เรือนไทยที่สร้างด้วยความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่น
ดิน ตัวเรือนไทย สร้างสรรค์ด้วยรูปแบบที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ
ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งเสด็จขึ้นครอง
สิริราชสมบัติ พระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ จัดแสดงพระบรมรูป
และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9
จัดแสดงพระบรมรูปพระบรมราชชนก พระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พระบรมรูปสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 9 ช่วงพระชนมายุ
ตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนถึงทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
นอกจากนั้นยังมีรูปบุคคลสำคัญ ๆ
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย
และการสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ทั้งข้าราชการและประชาชนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งเรือนหลังนี้
ถือเป็นเรือนแห่งคุณค่าทางจิตใจซึ่งผู้เข้าชมสามารถเข้าถวายราชสักการะ
แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความซาบซึ้งในพระมหา
กรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
? เรือนพระแม่โพสพ
ยลโฉม "องค์พระแม่โพสพ"
ทำมาจากไม้สักที่แกะสลักอย่างประณีตงดงามโดยช่างแกะสลักฝีมือดีจากจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา จนได้องค์พระแม่โพสพที่งดงามสมสัดส่วน
เป็นองค์พระแม่โพสพประคองรวงข้าวอันเป็นการสื่อความหมายถึงการทะนุถนอม
ประดุจแม่ประคองลูกอย่างอบอุ่น นัยเสมือนพระแม่โพสพประคองข้าว
อันเป็นอาหารที่นำมาหล่อเลี้ยงชุบชีวิตให้มนุษย์เจริญเติบโต
ภายในเรือนยังมีรูปหล่อพระแม่โพสพในยุคต่าง ๆ
ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระแม่โพสพ ที่หล่อในปี 2500
โดยได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่ท้องสนามหลวง โดยเรียกองค์พระแม่โพสพในยุคนี้ว่า
?รุ่น 25 ศตวรรษ? จัดแสดงพระแม่โพสพและพิธีกรรมต่าง ๆ
ครั้งในอดีตในช่วงการทำนา
เพื่อให้ชาวนาและคนรุ่นหลังเข้าใจในวัฒนธรรมที่ได้สืบต่อกันมา
และอนุรักษ์มิให้สูญหาย
? เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว
เรือนไทยทรงปั้นหยา จำลองรูปแบบให้เหมือนโรงเรียนในสมัยอดีต
ภายในเรือนเก็บรวบรวมหนังสือพระราชกรณียกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หนังสือข้าวได้รับการอนุเคราะห์จากกรมการข้าวและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้ให้การสนับสนุนหนังสือความรู้เรื่องการทำนา ปัญหาต่าง ๆ ของการทำนา
ชนิดพันธุ์ข้าว และองค์ความรู้ต่าง ๆ
ที่สามารถค้นคว้าได้จากแหล่งเรียนรู้แห่งนี้
? เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
การก่อสร้างเรือนไทยด้วยความประณีตวิจิตรบรรจง
การออกแบบที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยรูปทรงประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง
คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟ
อันเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง ใต้ถุนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต
เช่น อุปกรณ์หีบอ้อย ซึ่งรวบรวมไว้หลายแบบ
แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการออกแบบเฟืองที่หลากหลาย
แสดงพาหนะในอดีตที่ใช้ในการเดินทางคือ เกวียน
เป็นการออกแบบที่สวยงามมีศิลปะ และจัดแสดงเครื่องโม่แป้ง เครื่องบดยา
ตลอดจนเปลเด็กแบบต่าง ๆ
ต่อเนื่องจากเรือนไทยเชื่อมด้วยยุ้งเก็บข้าวที่จำลองแบบจากอดีตอย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ ได้มีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น
เครื่องมือในการทำนา เครื่องมือในการดักจับปลา และเครื่องมือในการทำงานไม้
รวมทั้งคอกควายซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวนาไทย
แต่ดั้งเดิม
? หอเตือนภัยชาวนา
หอคอยสูง 3 ชั้น ความสูง 14.5 เมตร ก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง
ออกแบบด้วยความประณีตเป็นเอกลักษณ์ มีความมั่นคงแข็งแรง
สามารถรับน้ำหนักผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย
หอเตือนภัยชาวนานี้เป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามอีกหนึ่งจุด
สำหรับผู้เข้าชมสามารถมองทัศนียภาพรอบ ๆ
ในมุมสูงได้อย่างงดงามสร้างความประทับใจแล้ว
ยังมีการติดตั้งเครื่องขยายเสียงและสัญญาณเตือนภัยเพื่อให้ชาวนาระวังได้
อย่างทันท่วงทีอีกด้วย
? ร้านโชห่วยหรือร้านขายของในอดีต
เป็นการจำลองรูปแบบของร้านค้าในอดีตซึ่งได้เก็บรวบรวมส่วนประกอบต่าง ๆ
ของร้านค้าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะและเก้าอี้
รวมทั้งสินค้าที่เคยจำหน่ายในครั้งอดีตซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
ลอตเตอรี่เก่าสมัยก่อน จึงนับได้ว่าจุดแสดงร้านโชห่วย หรือร้านขายของในอดีต
จะเป็นจุดย้อนรำลึกถึงความหลัง
สำหรับผู้เข้าชมที่มีวัยอยู่ในยุคสินค้าเหล่านั้น
จัดวางจำหน่ายและแสดงให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิถีชีวิตไทยในอดีต
ผ่านรูปแบบและชนิดสินค้าต่าง ๆ ที่จัดแสดง
? อุโมงค์โรค แมลง ข้าววัชพืช และวัชพืชข้าว
สิ่งที่ทำให้ชาวนาประสบความล้มเหลวในการทำนา
ผลผลิตไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้
นอกเหนือจากการเลือกใช้ชนิดพันธุ์ข้าวที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะอากาศแล้ว
ยังมีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญ คือ โรค แมลง ข้าววัชพืชและวัชพืชข้าว
จึงเป็นที่มาของการสร้างอุโมงค์ที่ให้ความรู้ วิธีการป้องกัน วิธีการแก้ไข
ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายของภัยต่าง ๆ เหล่านี้ โดยใช้ชื่อว่า อุโมงค์โรค
แมลง ข้าววัชพืช และวัชพืชข้าว
ภายในอุโมงค์จะรวบรวมต้นข้าวที่ถูกการเข้าทำลายของโรค แมลง ศัตรูข้าว
ลักษณะของต้นข้าววัชพืช และวัชพืชในนาข้าว
ในรูปแบบตัวอย่างของจริงและภาพประกอบ เพื่อให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์ โรค
แมลง รู้จักวิธีป้องกัน และแนวทางการแก้ไขที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
จะทำให้ชาวนามีโอกาสประสบความสำเร็จในอาชีพทำนามากยิ่งขึ้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
นอกจากนี้ยังมีบริการศูนย์ของฝาก ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากภายในไร่ อาทิ
- ร้านกาแฟสดเฮียใช้
เป็นร้านที่จำลองบรรยากาศของร้านกาแฟในอดีต
พร้อมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาเขียวขจี
ภายในถูกตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้จากสมัยโบราณ เช่น รถเข็นกาแฟโบราณ
นาฬิกาโบราณ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนภาชนะที่ใช้เสิร์ฟเครื่องดื่มมีหลากหลายรูปแบบ
อาทิ หม้ออวยโบราณหลากสีสัน แก้วรูปทรงหลอดไฟ เป็นต้น
นอกจากจะจำหน่ายเครื่องดื่มร้อน-เย็น ขนมเค้ก ยังมี ชาข้าวเหนียวลืมผัว
ไว้ให้ลูกค้าที่รักในสุขภาพทดลองชิมฟรี
- ผักปลอดสารพิษ ของ
ฝากอีกอย่างสำหรับคนที่ใส่ใจ และรักสุขภาพ
ที่ไม่ควรพลาดจากศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
ก็คือ ผักปลอดสารพิษ สด สะอาด ที่ปลูกภายในและภายนอกมุ้งป้องกันแมลง
ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตฯ เช่น คะน้า
กวางตุ้งฮ่องเต้ กระเจี๊ยบเขียว ชะอม ผักหวานบ้าน ถั่วฝักยาว มะเขือยาว
เป็นต้น
- ก๋วยเตี๋ยวโกวเจ็ง
คือร้านอาหารประจำศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ราคาย่อมเยา
ที่นี่มีบริการก๋วยเตี๋ยวหลายชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ (หมูสับน้ำใส)
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา-หมู
ลูกชิ้นลวกจิ้ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีน้ำแข็งไสเย็น ๆ หรือขนมถ้วยหวานมัน
ไว้ให้เลือกรับประทานในวันที่อากาศร้อน
- ร้านจำหน่ายของฝาก
นอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงศึกษาเรื่องข้าว
และวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีตแล้ว
ยังสามารถเลือกซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้อีกด้วย
โดยสินค้าหลักเป็นข้าวเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิดพันธุ์
ที่เป็นที่นิยมของแต่ละภูมิภาค เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี
ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวเหลืองอ่อน ข้าวเหนียวลืมผัว
และข้าวนาปรังที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม ในรูปแบบของข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ
และข้าวขาว
บรรจุอยู่ในแพ็กสุญญากาศเพื่อสะดวกในการเก็บรักษาได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพ
นอกจากนั้นยังมีผักต่าง ๆ ที่ปลูกในโรงเรือนปลอดสารเคมี
เสื้อที่ระลึกของศูนย์เรียนรู้ฯ ปิ่นโต จาน ช้อน แก้วสังกะสี หมออวย
หลากหลายสีสัน ไว้คอยบริการผู้เยี่ยมชมทุกท่าน
อัตราค่าบริการ
1. บุคคลทั่วไปเยี่ยมชมฟรี
2. นักเรียนชั้นระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่รวมการดำนา
3. ระดับชั้นอุดมศึกษา (มหาวิทยาลัย) ครึ่งราคา และไม่รวมการดำนา
4. บุคคลทั่วไป (ศึกษาดูงานไม่รวมค่าอาหาร, ค่าห้องอาหารติดแอร์ และค่าดำนา)
- ไม่เกิน 50 ท่าน อัตราเหมาจ่ายราคา 2,500 บาท
- 50 ท่านขึ้นไป ท่านละ 50 บาท
5. บุคคลทั่วไป (ศึกษาดูงานรวมค่าอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่รวมค่าห้องอาหารติดแอร์)
- บุฟเฟ่ต์กับข้าว 2 อย่างพร้อมผลไม้ ราคาท่านละ 70 บาท
- บุฟเฟ่ต์กับข้าว 3 อย่างพร้อมผลไม้ ราคาท่านละ 120 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม รายการอาหาร
หมายเหตุ : รับได้ตั้งแต่ 1-150 ท่าน
? ห้องอาหารติดแอร์ ราคา 1,000 บาท (รับประทานได้ 50 ท่าน)
? ศึกษาดูงาน ไม่รวมการดำนา หากประสงค์จะดำนา โปรดแจ้ง
? 30 ท่านแรก ราคา 1, 500 บาท
? 30 ท่านขึ้นไป ราคา 2,000 บาท
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
ที่อยู่ : เลขที่ 150/6 หมู่ 8 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
โทรศัพท์ : 0 3544 6955 หรือสนใจติดต่อดูงานเป็นหมู่คณะ โทรศัพท์ 09 2626 1515
E-mail : [email protected]
เว็บไซต์ : herechai.com, เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
herechai.com, เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้