"บ่อรูปหัวใจ"มหัศจรรย์แลนด์มาร์คใหม่เมืองพิจิตร

ชื่อของจังหวัดพิจิตรได้กลับมาฮือฮาเป็นข่าวอีกครั้งในกระแสสังคม ด้วยเรื่องของเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่มีกลุ่มชาวบ้านไปร้องเรียนอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการทำเหมือง และได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในขณะที่ทางเหมืองเองก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมให้ตรวจสอบได้ว่าทุกกระบวนการเป็นไปตามมาตรฐานสากล และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงแน่นอน

ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ณ ตอนนี้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่าเหมืองแร่ทองคำชาตรี กลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดพิจิตรไปแล้ว ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยวหรือการศึกษาที่ถือได้ว่า เหมืองทองชาตรีเป็นมหาลัยเหมืองแร่ของเมืองไทย มีนักศึกษาสาขาธรณีวิทยาทั้งไทยและต่างชาติแวะเวียน เข้าไปศึกษาดูการทำงานอย่างไม่ขาดสาย และแน่นอนว่ามีอีกหลายแง่มุมรอบเหมือง ที่หลายคนยังไม่เคยรู้อย่ารอช้า เราไปดู"ของดีที่หลายคนยังไม่รู้รอบๆ เหมืองทอง"กันเลยดีกว่า

จุดหนึ่งที่น่าสนใจน่าไปเยือนเมื่อไปเที่ยวพิจิตร คือขุมเหมืองรูปหัวใจ บ่อเหมืองที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว มีพื้นที่กว้างขวางริมถนนบริเวณด้านหน้าก่อนถึงเหมืองซึ่งสามารถจอดรถ ฝั่งตรงข้ามแล้วเดินมาถ่ายรูป ชมวิวสวยๆ ได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการสูดอากาศบริสุทธิ์ รับแสงอาทิตย์ในยามเช้า และนั่งดูตะวันตกดินช่วงโพล้เพล้ ได้เห็นวิถีชีวิตรอบ ๆ เหมือง เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ แต่สวยงาม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งความงดงามที่ไม่ธรรมดา ใครที่ชอบเซลฟี่บอกเลยว่าจุดนี้ล่ะเหมาะที่สุด มีหลายคนที่ได้ไปยลโฉมมาแล้วเอารูปมาแชร์กันในโซเชียลเรียบร้อย ซึ่งกระแสตอบรับจากผู้ที่ไปเยือนมาแล้วต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสุดยอดมาก ซึ่งจากการที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนไปมา ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันและการันตีได้ว่าเหมืองแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีความปลอดภัย

หรือหากใครที่กำลังจะไปเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางผ่านมาทางพิจิตร เราก็ขอเชิญชวนให้คุณแวะไปเที่ยวชมความงามของเหมืองแร่ทองคำชาตรีกันดูสักนิดก่อนไปเนินมะปราง เราเชื่อว่าคุณต้องหลงรักที่นี่แน่ ๆ เพราะนี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่จะเผยคุณค่าที่แท้จริงของเมืองงามนามว่าพิจิตร ให้คุณได้รับรู้ อย่าลืมคว้ากล้องแรงๆ ความคมชัดสูง ๆ ไปด้วยนะ เพราะคุณจะรัวชัตเตอร์กับความงดงามของที่นี่แบบไม่ยั้งแน่ ๆ เรารับรอง

หากใครต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่ต่างออกไป ได้สัมผัสชีวิตชนบทแบบสโลวไลฟ์อย่างแท้จริง ชุมชนรอบเหมืองทองแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ต้องห้ามพลาด เพราะจะได้เห็นอุตสาหกรรมกับเกษตรกรรมที่สามารถพัฒนาไปด้วยกันอย่างสมดุลย์ ได้เห็นภาพวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีของชาวบ้านรอบเหมืองด้วย ได้เห็นโครงการต่างๆที่เหมืองช่วยพัฒนาท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชน การดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยให้ชาวบ้านปลูกผักกินเองลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มองเห็นรั้วบ้านเป็นพืชผักสวนครัว เขียวชะอุ่มไปทั่วทุกรั้วบ้าน รวมถึงโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ชุมชนท้องถิ่น เช่นการสร้างระบบขุดเจาะและกรองน้ำบาดาล ให้ชาวบ้านรอบๆ เหมืองได้มีน้ำดื่ม น้ำใช้ตลอดปี แม้เจอภัยแล้ง การสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่เด็กๆ ในชุมชนรอบเหมือง ตลอดจนทำงานในด้านการส่งเสริมสุขภาพให้แก่ชุมชนท้องถิ่นรอบ ๆ เหมืองด้วย ซึ่งถ้าใครลงไปในพื้นที่และคลุกคลีอยู่ที่นั่นสักพักก็จะพบว่าเหมืองกับชาวบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข ทั้งสองฝ่ายเกื้อกูลกันและกันอยู่ตลอด

สิ่งหนึ่งที่ขอชวนให้ท่านผู้อ่านได้คิดกันเล่นๆ ก็คือถ้าเหมืองมีสารโลหะหนักปนเปื้อนมากจนเป็นอันตราย ต่อผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ ทำไมยังมีพนักงานของบริษัททำงานอยู่ได้ โดยไม่ได้รับอันตรายอะไร? เพราะอย่าลืมว่าพนักงานและผู้ปฏิบัติงานในเหมืองอยู่ใกล้บริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงมากที่สุด ทั้งนี้ประเด็นในเรื่องราวเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป