ตะลุย 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว สูดไอดิน เคล้ากลิ่นฝนจาง ๆ
ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวธรรมชาติสวย บรรยากาศดี ได้สูดกลิ่นอายสายฝนนิด ๆ เคล้าแสงแดดอ่อน ๆ มีที่เที่ยวธรรมชาติช่วงปลายฝนต้นหนาวแจ่ม ๆ ที่ไหนบ้าง ต้องมาดู
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวกัน
แล้ว นับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาลที่น่าท่องเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง
ท่ามกลางอากาศที่ไม่หนาวเย็นจนเกินไป
บรรยากาศในระหว่างวันก็ถือว่าน่าพักผ่อนเป็นที่สุด จริง ๆ
แล้วเมืองไทยมีที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาวอยู่หลายที่
ซึ่งจะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ การได้กลิ่นธรรมชาติที่ชุ่มฝนนิด
ๆ เคล้าแสงแดดอ่อน ๆ
นั่นก็น่าจะทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเก็บกระเป๋าออกเดินทางกันได้ไม่ยาก
อ๊ะ ๆ ขอบอกก่อนว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างภูทับเบิก เขาค้อ
สังขละบุรี ดอยอินทนนท์ ดอยเสมอดาว ดอยอ่างขาง ภูกระดึง ภูสอยดาว
หรือภูชี้ฟ้าแล้ว เมืองไทยยังมีที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวอีกเพียบ
วันนี้เราเลยหยิบเอา 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวแจ่ม ๆ มาแนะนำกัน
ช่วงเวลาท่องเที่ยวดี ๆ แบบนี้ บอกเลยว่าถ้าใครพลาดไป
จะต้องเสียดายแบบคูณสอง เริ่มกันที่
1. ดอยแม่จอก จังหวัดน่าน
ดอยแม่จอก ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
อุทยานแห่งชาติขุนสถาน เป็นยอดดอยที่มีความสูง 1,424 เมตร จากระดับน้ำทะเล
อากาศหนาวเย็นตลอดปี มีทิวทัศน์ของเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน
สามารถมองเห็นความงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและทะเลหมอกที่เป็นผืน
ขนาดใหญ่กว้างไกลสุดตา
ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากดอยแม่จอกแล้ว
ภายในอุทยานแห่งชาติขุนสถานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่
ยอดดอยภูคา เป็นยอดดอยที่สูง 1,726 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
สามารถเดินศึกษาธรรมชาติตามระยะทางไปสู่ยอดดอยภูคา บนยอดดอยเป็นป่าดิบเขา
มีพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล
สามารถชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากยอดดอย
ดอยกู่สถาน (ดอยธง) ตั้งอยู่เขตติดต่อระหว่างบ้านขุนสถาน ตำบลสันทะ
อำเภอนาน้อย บ้านวังน้ำเย็น ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
กับบ้านห้วยเอียด อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ มีความสูง 1,630 เมตร
จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ใช้เวลาเดินจากบ้านขุนสถาน ประมาณ 3 ชั่วโมง
บนสันดอยธงมีจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ชมวิวได้ 360 องศา
2. อุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในจังหวัดสุพรรณบุรี
ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์
เทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันมาก
ซึ่งไฮไลท์สำคัญในการไปเยือนที่นี่คือการพิชิต "ยอดเขาเทวดา"
ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีความสูงถึง 1,123 เมตร
จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกกว้างไกล
ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่แนะนำคือตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม
ทั้งนี้ภายในอุทยานแห่งชาติพุเตยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เช่น น้ำตกพุกระทิง, น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่, น้ำตกตะเพินคี่น้อย,
ถ้ำตะเพินเงิน, หมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่ และป่าสนสองใบ
ป่าผืนเดียวในภาคกลางที่มีสนสองใบ อยู่บริเวณยอดเขาพุเตย
3. จุดชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา
จุดชมวิวเสม็ดนางชีแหล่งท่องเที่ยวอันซีนในจังหวัดพังงา
เพิ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่นานนัก
ความสวยงามของที่นี่ร่ำลือกันว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด
แห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายที่หวังจะมาชื่นชม
และซึมซับบรรยากาศภาพความสวยงามของพระอาทิตย์ที่แทรกตัวขึ้นจากด้านหลังหุบ
เขา
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่รอบจุดชมวิวเสม็ดนางชีมากมาย อย่าง "ท่าเรือบ้านหินร่ม" "ท่าเรืออาบแสงจันทร์" "เขาพระอาดหนุ่ม" รับรองได้ว่าคุณต้องหลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปกับความเรียบง่ายในทุกสรรพชีวิตแห่งท้องทะเลพังงาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
4. ภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย
ภูชี้ดาว จุดชมวิวและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย
ตั้งอยู่บนพื้นที่ในความดูแลของตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น
อยู่ตรงกลางระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง
ที่ยังคงซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งป่าเขา
ต้นไม้ และทะเลหมอกกว้างสุดสายตา
การเดินทางขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาวจำเป็นที่จะต้องใช้รถ 4?4 (ขับเคลื่อน 4
ล้อ) เท่านั้น สามารถติดต่อขอใช้บริการจ้างเหมารถของชาวบ้านขึ้นไปได้
ขับไปตามเส้นทางถนนในหมู่บ้าน หลังจากนั้นจะเจอสามแยก
ด้านหน้าเป็นศูนย์ปฏิบัติการทหารพราน บ้านร่มโพธิ์เงิน
เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทาง เมื่อถึงจุดจอดรถให้เดินเท้าต่อไปราว 200 เมตร
เพื่อขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาว ซึ่งอาจต้องใช้พละกำลังเสียหน่อย
เนื่องจากทางเดินขึ้นไปยังภูชี้ดาวค่อนข้างมีความลาดชัน
และต้องไต่ระดับขึ้นไปตามสันเขา สองด้านเป็นเหวลึก
ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมาก เพราะอาจเกิดอันตรายได้
5. บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช
บ้านคีรีวง อยู่ในพื้นที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา
บริเวณเชิงเทือกเขาหลวง ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีป่าไม้สมบูรณ์เป็นอันดับต้น ๆ
ของเมืองไทย หมู่บ้านแห่งนี้มีอายุมากกว่า 300 ปี มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน
หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านจากรุ่นสู่รุ่น
ชาวบ้านที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้เป็นหลัก
เรียกว่าสวนสมรม เพราะมีการปลูกผลไม้ผสมกันไป ได้แก่ มังคุด เงาะ ทุเรียน
และสะตอ
จุดเด่นของบ้านคีรีวงคือทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติ
ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา และสายน้ำ
แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำมากมาย เช่น
การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ การชิมอาหารพื้นเมือง เป็นต้น
ซึ่งจะทำให้คุณได้ซึมซับภาพความสวยงามของบ้านคีรีวงได้อย่างไม่รู้ลืม
6. บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่
แม่กำปอง หมู่บ้านเล็ก ๆ
ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดเชียงใหม่
แทบทุกตารางพื้นที่ในหมู่บ้านโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีลำธารไหลผ่าน
และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ แน่นอนว่าอากาศที่นี่ดีตลอดทั้งปีอีกด้วย
ประกอบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่แสนเรียบง่าย
ยิ่งทำให้ที่นี่ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนแปลกหน้าต่างถิ่นอย่างเรา ๆ
อยากที่จะไปเที่ยวที่แม่กำปองดูสักครั้ง
ที่แม่กำปองมีที่พักแบบโฮมสเตย์ของชาวบ้านเปิดรองรับนักท่องเที่ยวอยู่หลาย
หลังคาเรือน ซึ่งนอกจากจะได้นอนพักท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ
พร้อมทั้งใช้ชีวิตอย่างช้า ๆ แล้ว
ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของคนในชุมชนอีกด้วย
ใครที่รักความเงียบสงบและต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่จึงไม่ควรมองข้ามที่พัก
แบบโฮมสเตย์ในหมู่บ้านแห่งนี้เด็ดขาด
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ mae-kampong.com
7. หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
หินสามวาฬ หินยักษ์ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายวาฬติดหน้าผาสูงใน
จังหวัดบึงกาฬ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของภูสิงห์
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์
และป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน
มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก ความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่
เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ
ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน
ความพิเศษของหินสามวาฬยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น
ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับขึ้นขอบฟ้า
เราจะได้เห็นแสงสีส้มที่ไล่เฉดสี
ฉายแสงให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าแบบสุดลูกหูลูกตา
อ๊ะ ๆ แต่เราขอเตือนทุกคนที่ขึ้นไปเที่ยวที่หินสามวาฬแห่งนี้ว่า
ด้วยเพราะลักษณะของหินสามวาฬเป็นหินขนาดใหญ่
ถึงแม้จะสามารถเดินเท้าขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ ได้ก็จริง
แต่ต้องไม่ลืมที่จะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยนะ
เพราะไม่อย่างนั้นอาจเดินลื่นตกหน้าผา เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานอุดรธานี โทรศัพท์ 042 325 406-7
8. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ
ตั้งอยู่ในโลเคชั่นสวย ๆ ภูเขาสลับซับซ้อน คลอบคลุม 2 อำเภอ
คืออำเภอฮอดและอำเภอแม่แจ่ม
ว่ากันว่าสถานที่นี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกผักปลอดสารพิษ
ทั้งในแง่ของการส่งออกและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ภาพสีเขียวสดของพืชผักสลับกับทัศนียภาพของแนวภูเขาที่สลับซับซ้อน
สร้างความสบายตาให้กับผู้ไปเยือน
ยิ่งมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป
เดินทอดน่องชมวิวทิวทัศน์เอื่อย ๆ
กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องมาสัมผัสให้ได้
อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกแม่แอบ มีความสูงประมาณ
30 เมตร ห่างจากที่ทำการศูนย์ 1 กิโลเมตร หรือจุดชมวิว 360 ดอยแม่โถ
ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thairoyalprojecttour.com
9. เขากระโจม จังหวัดราชบุรี
เขากระโจม ตั้งอยู่ที่หน่วย ตชด.137 อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมาก ๆ
อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรี
ที่นี่มีทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนในเมืองไทย
ถือเป็นที่เที่ยวชมธรรมชาติยอดนิยมของนักท่องเที่ยวขาลุย
แม้การเดินทางจะค่อนข้างลำบากสักนิด
แต่ไม่ว่าใครได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิวเขากระโจม
ต่างก็บอกว่าคุ้มค่ามาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ที่นอกจากจะได้เห็นทะเลหมอกสีขาวราวกับปุยนุ่น
ลอยหยอกล้อกับยอดเขาเล็กใหญ่และต้นไม้สีเขียว ๆ แล้ว
ยังได้สัมผัสกับอากาศสุดเย็นฉ่ำและสดชื่นอีกด้วย
เส้นทางการขึ้นเขากระโจมค่อนข้างขรุขระ บางช่วงแคบและชัน มีโค้งหักศอกบ้าง
เพราะฉะนั้นต้องใช้รถกระบะในการขับขึ้นไปเที่ยวชมเท่านั้น
และผู้ขับขี่ต้องชำนาญในการขับรถ
ถ้าไม่สะดวกขับขึ้นไปเองก็มีบริการรถพาขึ้นเขากระโจมของเจ้าหน้าที่
ใครที่จะขับรถขึ้นไปเองมีระยะเวลาในการขึ้นเขากระโจม ตั้งแต่เวลา
04.00-07.00 น. เวลาลงจากเขากระโจม ตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น.
โดยตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. สามารถขับรถขึ้น-ลงได้ตามปกติ และหลังจาก
19.00 น. จะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้น-ลง
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานเพชรบุรี โทรศัพท์ 0 3247 1005 และบริการรถขึ้นเขากระโจม โทรศัพท์
08 1190 3351
10. บ้านจ่าโบ่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่
ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ชุมชนเล็ก ๆ
ที่หลบตัวซ่อนเร้นบนเนินเขาสูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โอบรอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่
ภาพของสายหมอกสีขาวที่ลอยละมุนอ้อยอิ่งเคล้าภูเขาลูกนั้นทีลูกโน้นที
ราวกับว่าเป็นดินแดนในฝันบริเวณ "จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่" คือเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนสักครั้ง และช่วงปลายฝนต้นหนาวก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่น่าไปเยือน
ซึ่งนอกจกจุดชมวิวที่เหมือนจะเป็นไฮไลท์เด็ดแล้ว
ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านจ่าโบ่
ที่จะเปิดประสบการณ์นักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้และสัมผัสเสน่ห์ความน่ารัก
ของชาวบ้าน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่าย
คล้ายกับว่าเป็นด้านตรงข้ามกับวิถีชีวิตในเมืองใหญ่
ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่
เป็นยังไงบ้างคะ ? มีที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่ไหนถูกใจเพื่อน ๆ
บ้างหรือเปล่า
บอกเลยว่านาทีนี้เป็นเหมือนช่วงนาทีทองที่นักท่องเที่ยวอยากออกเดินทางด้วย
กันทั้งนั้น ลองเลือกที่เที่ยวที่ถูกใจสักที่
แล้วออกไปซึมซับบรรยากาศของไอดินและกลิ่นฝนจาง ๆ ดูสักครั้ง
รับรองว่าจะต้องประทับใจแบบไม่มีวันลืม ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2559
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
thairoyalprojecttour.com