ตะลุย 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว สูดไอดิน เคล้ากลิ่นฝนจาง ๆ

อ่าน 12,210

ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวธรรมชาติสวย บรรยากาศดี ได้สูดกลิ่นอายสายฝนนิด ๆ เคล้าแสงแดดอ่อน ๆ มีที่เที่ยวธรรมชาติช่วงปลายฝนต้นหนาวแจ่ม ๆ ที่ไหนบ้าง ต้องมาดู

ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวกัน

แล้ว นับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาลที่น่าท่องเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง

ท่ามกลางอากาศที่ไม่หนาวเย็นจนเกินไป

บรรยากาศในระหว่างวันก็ถือว่าน่าพักผ่อนเป็นที่สุด จริง ๆ

แล้วเมืองไทยมีที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาวอยู่หลายที่

ซึ่งจะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ การได้กลิ่นธรรมชาติที่ชุ่มฝนนิด

ๆ เคล้าแสงแดดอ่อน ๆ

นั่นก็น่าจะทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเก็บกระเป๋าออกเดินทางกันได้ไม่ยาก

อ๊ะ ๆ ขอบอกก่อนว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างภูทับเบิก เขาค้อ

สังขละบุรี ดอยอินทนนท์ ดอยเสมอดาว ดอยอ่างขาง ภูกระดึง ภูสอยดาว

หรือภูชี้ฟ้าแล้ว เมืองไทยยังมีที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวอีกเพียบ

วันนี้เราเลยหยิบเอา 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวแจ่ม ๆ มาแนะนำกัน

ช่วงเวลาท่องเที่ยวดี ๆ แบบนี้ บอกเลยว่าถ้าใครพลาดไป

จะต้องเสียดายแบบคูณสอง เริ่มกันที่

1. ดอยแม่จอก จังหวัดน่าน

ดอยแม่จอก ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

อุทยานแห่งชาติขุนสถาน เป็นยอดดอยที่มีความสูง 1,424 เมตร จากระดับน้ำทะเล

อากาศหนาวเย็นตลอดปี มีทิวทัศน์ของเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน

สามารถมองเห็นความงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและทะเลหมอกที่เป็นผืน

ขนาดใหญ่กว้างไกลสุดตา

ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากดอยแม่จอกแล้ว

ภายในอุทยานแห่งชาติขุนสถานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่

ยอดดอยภูคา เป็นยอดดอยที่สูง 1,726 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

สามารถเดินศึกษาธรรมชาติตามระยะทางไปสู่ยอดดอยภูคา บนยอดดอยเป็นป่าดิบเขา

มีพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล

สามารถชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากยอดดอย

ดอยกู่สถาน (ดอยธง) ตั้งอยู่เขตติดต่อระหว่างบ้านขุนสถาน ตำบลสันทะ

อำเภอนาน้อย บ้านวังน้ำเย็น ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน

กับบ้านห้วยเอียด อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ มีความสูง 1,630 เมตร

จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ใช้เวลาเดินจากบ้านขุนสถาน ประมาณ 3 ชั่วโมง

บนสันดอยธงมีจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ชมวิวได้ 360 องศา

2. อุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในจังหวัดสุพรรณบุรี

ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์

เทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันมาก

ซึ่งไฮไลท์สำคัญในการไปเยือนที่นี่คือการพิชิต "ยอดเขาเทวดา"

ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีความสูงถึง 1,123 เมตร

จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกกว้างไกล

ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่แนะนำคือตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม

ทั้งนี้ภายในอุทยานแห่งชาติพุเตยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เช่น น้ำตกพุกระทิง, น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่, น้ำตกตะเพินคี่น้อย,

ถ้ำตะเพินเงิน, หมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่ และป่าสนสองใบ

ป่าผืนเดียวในภาคกลางที่มีสนสองใบ อยู่บริเวณยอดเขาพุเตย

3. จุดชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชีแหล่งท่องเที่ยวอันซีนในจังหวัดพังงา

เพิ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่นานนัก

ความสวยงามของที่นี่ร่ำลือกันว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด

แห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายที่หวังจะมาชื่นชม

และซึมซับบรรยากาศภาพความสวยงามของพระอาทิตย์ที่แทรกตัวขึ้นจากด้านหลังหุบ

เขา

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่รอบจุดชมวิวเสม็ดนางชีมากมาย อย่าง "ท่าเรือบ้านหินร่ม" "ท่าเรืออาบแสงจันทร์" "เขาพระอาดหนุ่ม" รับรองได้ว่าคุณต้องหลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปกับความเรียบง่ายในทุกสรรพชีวิตแห่งท้องทะเลพังงาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

4. ภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย

ภูชี้ดาว จุดชมวิวและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย

ตั้งอยู่บนพื้นที่ในความดูแลของตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น

อยู่ตรงกลางระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง

ที่ยังคงซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งป่าเขา

ต้นไม้ และทะเลหมอกกว้างสุดสายตา

การเดินทางขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาวจำเป็นที่จะต้องใช้รถ 4?4 (ขับเคลื่อน 4

ล้อ) เท่านั้น สามารถติดต่อขอใช้บริการจ้างเหมารถของชาวบ้านขึ้นไปได้

ขับไปตามเส้นทางถนนในหมู่บ้าน หลังจากนั้นจะเจอสามแยก

ด้านหน้าเป็นศูนย์ปฏิบัติการทหารพราน บ้านร่มโพธิ์เงิน

เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทาง เมื่อถึงจุดจอดรถให้เดินเท้าต่อไปราว 200 เมตร

เพื่อขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาว ซึ่งอาจต้องใช้พละกำลังเสียหน่อย

เนื่องจากทางเดินขึ้นไปยังภูชี้ดาวค่อนข้างมีความลาดชัน

และต้องไต่ระดับขึ้นไปตามสันเขา สองด้านเป็นเหวลึก

ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมาก เพราะอาจเกิดอันตรายได้

5. บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช

บ้านคีรีวง อยู่ในพื้นที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา

บริเวณเชิงเทือกเขาหลวง ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีป่าไม้สมบูรณ์เป็นอันดับต้น ๆ

ของเมืองไทย หมู่บ้านแห่งนี้มีอายุมากกว่า 300 ปี มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน

หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านจากรุ่นสู่รุ่น

ชาวบ้านที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้เป็นหลัก

เรียกว่าสวนสมรม เพราะมีการปลูกผลไม้ผสมกันไป ได้แก่ มังคุด เงาะ ทุเรียน

และสะตอ

จุดเด่นของบ้านคีรีวงคือทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติ

ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา และสายน้ำ

แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำมากมาย เช่น

การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ การชิมอาหารพื้นเมือง เป็นต้น

ซึ่งจะทำให้คุณได้ซึมซับภาพความสวยงามของบ้านคีรีวงได้อย่างไม่รู้ลืม

6. บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

แม่กำปอง หมู่บ้านเล็ก ๆ

ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดเชียงใหม่

แทบทุกตารางพื้นที่ในหมู่บ้านโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีลำธารไหลผ่าน

และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ แน่นอนว่าอากาศที่นี่ดีตลอดทั้งปีอีกด้วย

ประกอบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่แสนเรียบง่าย

ยิ่งทำให้ที่นี่ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนแปลกหน้าต่างถิ่นอย่างเรา ๆ

อยากที่จะไปเที่ยวที่แม่กำปองดูสักครั้ง

ที่แม่กำปองมีที่พักแบบโฮมสเตย์ของชาวบ้านเปิดรองรับนักท่องเที่ยวอยู่หลาย

หลังคาเรือน ซึ่งนอกจากจะได้นอนพักท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ

พร้อมทั้งใช้ชีวิตอย่างช้า ๆ แล้ว

ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของคนในชุมชนอีกด้วย

ใครที่รักความเงียบสงบและต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่จึงไม่ควรมองข้ามที่พัก

แบบโฮมสเตย์ในหมู่บ้านแห่งนี้เด็ดขาด

ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ mae-kampong.com

7. หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ

หินสามวาฬ หินยักษ์ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายวาฬติดหน้าผาสูงใน

จังหวัดบึงกาฬ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของภูสิงห์

ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์

และป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน

มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก ความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่

เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ

ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน

ความพิเศษของหินสามวาฬยังไม่หมดเพียงเท่านี้

ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น

ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับขึ้นขอบฟ้า

เราจะได้เห็นแสงสีส้มที่ไล่เฉดสี

ฉายแสงให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าแบบสุดลูกหูลูกตา

อ๊ะ ๆ แต่เราขอเตือนทุกคนที่ขึ้นไปเที่ยวที่หินสามวาฬแห่งนี้ว่า

ด้วยเพราะลักษณะของหินสามวาฬเป็นหินขนาดใหญ่

ถึงแม้จะสามารถเดินเท้าขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ ได้ก็จริง

แต่ต้องไม่ลืมที่จะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยนะ

เพราะไม่อย่างนั้นอาจเดินลื่นตกหน้าผา เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สำนักงานอุดรธานี โทรศัพท์ 042 325 406-7

8. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ จังหวัดเชียงใหม่

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ

ตั้งอยู่ในโลเคชั่นสวย ๆ ภูเขาสลับซับซ้อน คลอบคลุม 2 อำเภอ

คืออำเภอฮอดและอำเภอแม่แจ่ม

ว่ากันว่าสถานที่นี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกผักปลอดสารพิษ

ทั้งในแง่ของการส่งออกและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

ภาพสีเขียวสดของพืชผักสลับกับทัศนียภาพของแนวภูเขาที่สลับซับซ้อน

สร้างความสบายตาให้กับผู้ไปเยือน

ยิ่งมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป

เดินทอดน่องชมวิวทิวทัศน์เอื่อย ๆ

กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องมาสัมผัสให้ได้

อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกแม่แอบ มีความสูงประมาณ

30 เมตร ห่างจากที่ทำการศูนย์ 1 กิโลเมตร หรือจุดชมวิว 360 ดอยแม่โถ

ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thairoyalprojecttour.com

9. เขากระโจม จังหวัดราชบุรี

เขากระโจม ตั้งอยู่ที่หน่วย ตชด.137 อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมาก ๆ

อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรี

ที่นี่มีทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนในเมืองไทย

ถือเป็นที่เที่ยวชมธรรมชาติยอดนิยมของนักท่องเที่ยวขาลุย

แม้การเดินทางจะค่อนข้างลำบากสักนิด

แต่ไม่ว่าใครได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิวเขากระโจม

ต่างก็บอกว่าคุ้มค่ามาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว

ที่นอกจากจะได้เห็นทะเลหมอกสีขาวราวกับปุยนุ่น

ลอยหยอกล้อกับยอดเขาเล็กใหญ่และต้นไม้สีเขียว ๆ แล้ว

ยังได้สัมผัสกับอากาศสุดเย็นฉ่ำและสดชื่นอีกด้วย

เส้นทางการขึ้นเขากระโจมค่อนข้างขรุขระ บางช่วงแคบและชัน มีโค้งหักศอกบ้าง

เพราะฉะนั้นต้องใช้รถกระบะในการขับขึ้นไปเที่ยวชมเท่านั้น

และผู้ขับขี่ต้องชำนาญในการขับรถ

ถ้าไม่สะดวกขับขึ้นไปเองก็มีบริการรถพาขึ้นเขากระโจมของเจ้าหน้าที่

ใครที่จะขับรถขึ้นไปเองมีระยะเวลาในการขึ้นเขากระโจม ตั้งแต่เวลา

04.00-07.00 น. เวลาลงจากเขากระโจม ตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น.

โดยตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. สามารถขับรถขึ้น-ลงได้ตามปกติ และหลังจาก

19.00 น. จะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้น-ลง

ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สำนักงานเพชรบุรี โทรศัพท์ 0 3247 1005 และบริการรถขึ้นเขากระโจม โทรศัพท์

08 1190 3351

10. บ้านจ่าโบ่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่

ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ชุมชนเล็ก ๆ

ที่หลบตัวซ่อนเร้นบนเนินเขาสูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โอบรอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่

ภาพของสายหมอกสีขาวที่ลอยละมุนอ้อยอิ่งเคล้าภูเขาลูกนั้นทีลูกโน้นที

ราวกับว่าเป็นดินแดนในฝันบริเวณ "จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่" คือเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนสักครั้ง และช่วงปลายฝนต้นหนาวก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่น่าไปเยือน

ซึ่งนอกจกจุดชมวิวที่เหมือนจะเป็นไฮไลท์เด็ดแล้ว

ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านจ่าโบ่

ที่จะเปิดประสบการณ์นักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้และสัมผัสเสน่ห์ความน่ารัก

ของชาวบ้าน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่าย

คล้ายกับว่าเป็นด้านตรงข้ามกับวิถีชีวิตในเมืองใหญ่

ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่

เป็นยังไงบ้างคะ ? มีที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่ไหนถูกใจเพื่อน ๆ

บ้างหรือเปล่า

บอกเลยว่านาทีนี้เป็นเหมือนช่วงนาทีทองที่นักท่องเที่ยวอยากออกเดินทางด้วย

กันทั้งนั้น ลองเลือกที่เที่ยวที่ถูกใจสักที่

แล้วออกไปซึมซับบรรยากาศของไอดินและกลิ่นฝนจาง ๆ ดูสักครั้ง

รับรองว่าจะต้องประทับใจแบบไม่มีวันลืม ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2559

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

thairoyalprojecttour.com



บทความแนะนำ


ภาพยนตร์ผู้หญิงเทรนด์แฟชั่นหน้าฝนFantasticFourฮิปเตอร์แฟชั่นhipsterทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก