7 เกาะสวยอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่มีวีซ่าก็ไปเที่ยวได้
ที่เที่ยวทะเลสวย ๆ ไม่มีวีซ่าก็ไปได้ ชวนไปเที่ยวทะเลในฝันสวยงามระดับโลก เป็นที่เที่ยวต่างประเทศ ไม่ต้องใช้วีซ่า ก็สามารถไปลั้นลากับหาดทรายสีขาว ท้องทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัลได้แบบชิล ๆ
หลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศแบบสวย ๆ กับเขาสักครั้ง
ซึ่งบางประเทศก็ต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการทำวีซ่าค่อนข้างมาก
วันนี้เราจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทะเลต่างประเทศ
ที่มีความสวยงามอันดับต้น ๆ ของโลก และยังไม่ต้องใช้วีซ่ามาฝากกัน
จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1. มัลดีฟส์
พอบอกว่าเป็นมัลดีฟส์ หลายคนอาจจะเกิดข้อกังขาว่า ใช่หรือ ?
อยากบอกว่าใช่แน่นอน ชัวร์ไม่มั่วนิ่มค่ะ มัลดีฟส์เป็นหนึ่งใน 29
ดินแดนที่ผู้มีหนังสือเดินทางประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
โดยสามารถพำนักอยู่ในมัลดีฟส์ได้ไม่เกิน 30 วัน
ได้ยินแบบนี้แล้วบอกเลยว่าตาลุกวาวมาก ๆ
ยิ่งปัจจุบันมีสายการบินบินตรงกรุงเทพฯ-มัลดีฟส์
ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
ความน่าสนใจของมัลดีฟส์อยู่ตรงที่เป็นดินแดนกลางมหาสมุทรอินเดีย
เป็นเกาะเล็กเกาะน้อย รวมกันมากกว่า 1,190 เกาะ
ซึ่งแต่ละเกาะก็ต้องบอกว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนรักทะเลสุด ๆ
เพราะมีหาดทรายที่ขาวสะอาด เนียนละเอียด
น้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าใสราวกับคริสตัล มีแนวปะการังให้ได้ดำน้ำชมมากมาย
อีกทั้งยังมีสัตว์ทะเลที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิลล่ากลางน้ำ
ที่จะทำให้คุณสัมผัสกับท้องทะเลแสนสวยนี้ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
2. ประเทศเซเชลส์ (Seychelles)
นั่นแน่...กำลังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในใจใช่ไหมคะ
ว่าประเทศนี้อยู่ที่ไหน มาค่ะจะพาไปทำความรู้จักกับประเทศนี้กัน
สาธารณรัฐเซเชลส์ เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย
อยู่ห่างจากฝั่งทางตะวันออกของประเทศเคนยาประมาณ 1,800 กิโลเมตร
ห่างจากทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ประมาณ 3,300
กิโลเมตร และห่างจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมาดากัสการ์ประมาณ
1,100 กิโลเมตร มีเมืองหลวงคือเมืองวิคตอเรีย (Victoria)
สภาพทั่วไปของเซเชลส์จะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ
ชาวเมืองส่วนใหญ่จะยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
ประเทศนี้คนไทยยังให้ความสนใจน้อยมาก เพราะอยู่ค่อนข้างไกล
แต่จะบอกให้ว่าท้องทะเลของที่นี่สวยงามไม่แพ้มัลดีฟส์เลยทีเดียว
ที่สำคัญยังไม่ต้องขอวีซ่าอะไรให้วุ่นวาย
สามารถพำนักอยู่ในเซเชลส์ได้มากถึง 30 วัน พักผ่อนกันยาว ๆ ไปเลย
3. สิปาดัน (Sipadan) ประเทศมาเลเซีย
สิปาดัน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล
ที่นักท่องเที่ยวและนักดำน้ำรู้จักกันดี
เพราะที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำลึกที่สวยงามสุด ๆ แห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
เกาะแห่งนี้เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาจากท้องทะเลประมาณ 600 เมตร
ห่างจากทางตอนใต้ของเมือง Semporna รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 35
กิโลเมตร
สิ่งที่โดดเด่นของสิปาดันก็คือท้องทะเลที่ใสสะอาด สวยงามราวกับคริสตัล
อีกทั้งหาดทรายยังขาวเนียนละเอียด นุ่มน่าสัมผัส
บริเวณชายฝั่งก็มีแนวปะการังให้ได้ว่ายวนชื่นชมไม่รู้เบื่อ
ยิ่งถ้าดำน้ำลึกก็จะได้เห็นความสวยงามที่สิปาดันซ่อนอยู่
เพราะใต้ท้องทะเลจะมีปะการังสวยงามหลากสีสัน
พร้อมกับสัตว์ทะเลอีกหลากหลายชนิด บนเกาะสิปาดัน ไม่มีที่พัก
นักท่องเที่ยวจึงต้องพักในเกาะใกล้เคียง ซึ่งมีลักษณะเป็น Water Villa
อยากจะบอกว่าบรรยากาศแจ่มพอ ๆ กับมัลดีฟส์เลยล่ะ
การไปเยือนสิปาดัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา โดยสามารถอยู่พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
4. หมู่เกาะกีลี (Gili Islands) ประเทศอินโดนีเซีย
หมู่เกาะกิลี ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลอมบอก
(Lombok) ในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ Gili Trawangan,
Gili Meno และ Gili Air
เป็นอีกหนึ่งสรวงสรรค์สำหรับคนที่รักการท่องเที่ยวทะเล
ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียค่อนข้างมาก
เพราะบรรยากาศบนเกาะกีลีนั้นเงียบสงบ
อีกทั้งธรรมชาติทางท้องทะเลยังงดงามราวกับสวรรค์น้อย ๆ เลยทีเดียว
ทั้ง 3 เกาะนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าใครชอบบรรยากาศที่คึกคักก็ต้องไปพักที่ Gili Trawangan
ที่นี่จะมีทั้งผับบาร์ริมทะเลสุดชิลสไตล์บ้าน ๆ ไปจนถึงร้านค้า
ร้านอาหารสุดหรูหรา แต่ถ้าชอบความเรียบง่าย ก็ต้องลองไปเที่ยวที่เกาะ Gili
Meno ที่นี่ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิม ไม่มีรถยนต์
หรือมอเตอร์ไซค์ เพราะเกาะแห่งนี้เล็กมาก ๆ
สามารถเดินเที่ยวชมได้รอบเกาะภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนถ้างบน้อยลงมาหน่อย
ก็แนะนำให้ไปพักที่ Gili Air ยังคงมีความเป็นชนบทค่อนข้างมาก มีที่พักถูก ๆ
ให้เลือกเพียบ จะไปเกาะไหนก็เลือกตามกำลังทรัพย์กันเลย
การไปเที่ยวเกาะกีลี นักท่องเที่ยวไม่ต้องทำวีซ่า
เพราะประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งใน 29
ดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
สามารถพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
5. เกาะปาลาวัน (Palawan) ประเทศอินโดนีเซีย
เกาะปาลาวัน (Palawan)
เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ถ้าคุณได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งจะต้องร้องว้าวอ
ย่างแน่นอน เพราะความสวยงามของท้องทะเลที่นี่ไม่แพ้ทะเลสวย ๆ
ที่ไหนในโลกเลยทีเดียว
และด้วยความที่เกาะปาลาวันตั้งอยู่ระหว่างทะเลจีนใต้และทะเลซูลู
จึงทำให้สีของน้ำทะเลเป็นสีฟ้าเขียวมรกต สวยสดงดงามเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ
เกาะแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนน้อยใหญ่สลับกันไป
มีหาดทรายสีขาวสะอาดตา พร้อมกับแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์
บรรยากาศโดยรอบเกาะเงียบสงบสุด ๆ ชาวเกาะยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย
คุณจะได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกลงสู่ทะเลอย่างงดงาม
ได้กินอาหารทะเลสดใหม่รสชาติหวานนุ่ม ได้สัมผัสกับท้องทะเลที่ใสแจ๋ว
และดำน้ำชมปะการัง พร้อมทั้งสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด
เรียกได้ว่าที่นี่คือสวรรค์ชั้นเจ็ดแห่งฟิลิปปินส์เลยทีเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ต้องทำวีซ่า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
6. เกาะโบราไกย์ (Boracay) ประเทศฟิลิปปินส์
เกาะโบราไกย์ (Boracay)
เป็นอีกหนึ่งเกาะสวาทหาดสวรรค์ที่นักเดินทางทั่วโลกต่างต้องการมาสัมผัส
ความสวยงามของที่นี่ก็น้อง ๆ มัลดีฟส์เลยเชียว
เพราะหาดทรายจะขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลเป็นสีฟ้าคริสตัลใสแจ๋วราวกับกระจก
ที่สำคัญค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังไม่สูงเท่ากับการไปเที่ยวมัลดีฟส์อีกด้วย
ใครที่ชอบทะเลบอกเลยว่าถ้าได้มาที่นี่จะฟินมาก (ใส่ ก. ล้านตัว)
เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ประมาณ 315 กิโลเมตร
เป็นเกาะที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสะอาดสุด ๆ
เพราะมีกฎหมายที่เข้มงวดในเรื่องของการทิ้งขยะ
ท้องทะเลและหาดทรายของที่นี่จึงงดงามอลังการ
เป็นพาราไดซ์ชั้นดีที่ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง
การเดินทางไปเที่ยวเกาะโบราไกย์ นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต้องทำวีซ่า สามารถพำนักอยู่ไม่เกิน 30 วัน
7. เกาะมิยาโกะ (Miyako Island) เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ใครว่าญี่ปุ่นจะมีแค่ภูเขาหิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี
และซากุระให้ได้ชื่นชมเท่านั้น
อันที่จริงแล้วประเทศแห่งนี้ก็ยังซ่อนท้องทะเลที่สวยงามระดับโลกไว้อีกด้วย
โดยหนึ่งในทะเลที่สวยงามของญี่ปุ่น ก็คือ เกาะมิยาโกะ (Miyako Island) ตั้ง
อยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองโอกินาวา (Okinawa) ประมาณ 300 กิโลเมตร
มีลักษณะเป็นเกาะแบนราบ เต็มไปด้วยชายหาดที่ขาวสะอาดตา
เนื้อทรายจะนุ่มเนียนละเอียด ทอดยาวลงไปหาน้ำทะเลสีฟ้าใส
ซึ่งมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์รายล้อมรอบ ๆ ชายฝั่ง ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
และกว้าง 200 เมตร หาดทรายที่มีชื่อเสียง เช่น หาด Maehama, หาด Yoshino
และหาด Sunayama ฯลฯ
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน
เห็นแบบนี้แล้วกระตุ้นต่อมอยากไปเที่ยวขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมคะ เอ้า !
ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มหยอดกระปุกกันดีกว่า ใครชอบที่ไหน
ก็ตั้งเป้ากันไว้เลยค่ะ แต่ขอบอกว่าทะเลเหล่านี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
:)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
consular.go.th, sameaf.mfa.go.th, seychelles, gili-paradise.com, jnto.go.jp