"โครงการหลวง"...พระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อ่าน 11,908

"เรื่องที่จะช่วยชาวเขา และโครงการของชาวเขานั้น

มีประโยชน์โดยตรงกับชาวเขาเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สามารถเพาะปลูกสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นรายได้ให้กับเขาเอง

จุดประสงค์อย่างหนึ่งคือมนุษยธรรม

หมายถึงให้ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารสามารถมีความรู้และพยุงตัว

มีความเจริญได้"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 10 มกราคม 2512

นับจากพระราชดำรัสของพ่อหลวงของชาวไทยครั้งนั้น เวลาล่วงเลยมากว่า

40 ปีแล้วในการก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวง

มูลนิธิที่เกิดจากการเสด็จประพาสต้นในพื้นที่ป่าเขาทางภาคเหนือที่มีความทุรกันดาร

ซึ่งในขณะนั้นชาวเขาส่วนใหญ่ยังนิยมปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย

ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและนอกจากนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง

เวลาในแต่ละวันผ่านไปกับการเฝ้าไร่ฝิ่นซึ่งสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา

แต่ในขณะเดียวกันพิษร้ายของฝิ่นก็ได้สร้างบาดแผลให้แก่คนในชาติเช่นกัน

เสด็จประพาสต้น ก่อกำเนิดโครงการหลวง

การริเริ่มโครงการหลวงหรือชื่อเดิมก็คือ

"โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา" โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี

ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโครงการฯ

ในระยะแรกเพียงเพื่อจะช่วยให้ชาวเขาได้เลิกย้ายที่ทำกินและหยุดทำลายป่าเพื่อปลูกฝิ่น

หวังผลเพื่อให้ชาวเขาเปลี่ยนบทบาทจากผู้ทำลายเปลี่ยนเป็นหันมาช่วยกันรักษาป่าและต้นน้ำลำธารในผืนป่าทางภาคเหนือของประเทศไทยไว้

โดยให้พวกเขาได้ทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจหรือพืชเมืองหนาวต่างๆที่จะสามารถขายผลผลิตให้กับผู้บริโภคได้

นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงมีพระราชดำรัสให้ก่อตั้งโครงการหลวงส่วนพระองค์ขึ้นเมื่อ

พ.ศ.2512 โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี

เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งผู้อำนวยการ

มีชื่อเรียกในระยะแรกว่า ?โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา? และต่อมา

ก็ได้ทรงพระราชทานนามว่า ?สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง?

?สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง? เป็นโครงการหลวงแห่งแรกของเมืองไทย

ซึ่งเป็นสถานที่ทดลอง ค้นคว้า และวิจัยพืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาว

เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ชาวไทยภูเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น

ที่จะทำให้ชาวไทยภูเขามีรายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตามแนวพระราชดำริที่ว่า

?ให้เขาช่วยตัวเอง?

โครงการหลวงช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชาวเขา ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

การดำเนินงานของโครงการหลวงอ่างขางหรือสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แบ่งออกเป็น 3

ลักษณะ คือ 1.งานศึกษาวิจัยไม้ผลเขตหนาว และการขยายพันธุ์พืชต่างๆ

2.งานเผยแพร่เทคโนโลยีเกษตรบนพื้นที่สูง

เป็นแหล่งวิชาการและเป็นศูนย์การเรียนรู้ สถานที่ฝึกอบรมของเจ้าหน้าที่

เกษตรกร และหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

3.งานพัฒนาและส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรบริเวณรอบสถานี

ปัจจุบันโครงการหลวงอ่างขางนอกจากจะมีการทดลองและส่งเสริมการปลูกพืชผัก

ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวอันหลากหลายอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว

ยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย

ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมกันอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว

ขณะที่การพัฒนาของานด้านโครงการหลวงนั้น ในปี 2535

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ได้ทรงมีพระราชดำริให้เปลี่ยนแปลงสถานภาพของโครงการหลวง

โดยโปรดเกล้าฯให้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ เพื่อจะได้เป็นองค์กรนิติบุคคล

มีกฎหมายรองรับ ภายใต้ชื่อใหม่ว่า

"มูลนิธิโครงการหลวง"และเดินเครื่องวิจัยพร้อมพัฒนาพืชสายพันธุ์ใหม่ๆเต็มสูบ

และในปี พ.ศ.2537 เพื่อให้เกิดความสะดวกในการดำเนินธุรกิจทางพาณิชย์

จึงมีพระบรมราโชวาทให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

เข้ารับช่วงดำเนินการโครงการหลวงอาหารสำเร็จรูปทั้ง 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ ณ

แหล่งเพาะปลูก โดยจัดตั้งเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ

บริษัทดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด

หรือที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากับผลิตภัณฑ์อาหารตราดอยคำ

นับแต่นั้นมา

ดูเหมือนแสงสว่างที่ขอบฟ้าดูจะมีค่าและไม่เลื่อนลอยอีกต่อไป

ชาวเขาเหล่านั้นเดินตามรอยพ่อหลวงและไม่ท้อต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น

และเมื่อผลผลิตที่ปลูกเริ่มทยอยออกสู่ตลาด

รายได้จากน้ำพักน้ำแรงก็เริ่มทยอยเข้าสู่บ้านหลังคามุงจากตามที่ราบและหุบเขาสูงชัน

ทำให้ชีวิตเริ่มสุขสบายและมั่นคงมากขึ้น

จากฝิ่นสู่พืชผักคุณภาพ สร้างเงินสร้างอาชีพใหม่

แปลงพืชผักในโครงการหลวงหนองหอย

ก๊ะ เตชะเลิศพนา หนึ่งในสตรีชาวเขาเผ่าม้ง

ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

หนึ่งในพื้นที่โครงการหลวงใต้พระบารมี

เล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจเดินเข้ามาตามคำชักชวนให้มาปลูกผักแทนการปลูกฝิ่นว่า

แต่เดิมนั้นครอบครัวมีอาชีพปลูกฝิ่นแต่ภายหลังเกิดเกรงกลัวกฎหมายจึงหันมาปลูกกะหล่ำปลีแทน

แต่ด้วยความรู้น้อยทำให้ไม่รู้วิธีการปลูกและการจำหน่ายทำให้ผลผลิตออกมาเพียงปีละครั้งเท่านั้น

ส่งผลให้ในแต่ละวันแทบไม่พอกิน

พอมูลนิธิโครงการหลวงเข้ามาส่งเสริมและให้ความรู้เรื่องการปลูกผัก

ทำให้ครอบครัวมีรายได้เป็นกอบเป็นกำขึ้น

"ตอนนี้ในพื้นที่ 15 ไร่ เราปลูกผักเมืองหนาว อย่างเช่น ปวยเล้ง

สลัด ผักกาดหางหงส์ ถ้านับรายได้ต่อปีแล้วตกอยู่ที่ประมาณ 450,000 บาท

ก็พอใจนะเพราะชีวิตดีขึ้น

แตกต่างจากเมื่อก่อนหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวสามารถเลี้ยงลูกๆทั้ง 4

คนได้อย่างดีตามอัตภาพ

มีความสุขความสบายใจเพราะไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน"ก๊ะคนเดิมบอก

โรงเรือนปลูกพืชผักในโครงการหลวงหนองหอย

นอกจากจะปลูกผักได้ราคาดีแล้ว

นางก๊ะยังมีความสามารถในการทำงานประสานกับกลุ่มต่างๆได้ดี

จึงได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานกลุ่มสตรี หมู่บ้านหนองหอยเก่า

และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มผู้นำสตรี ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆในชุมชน

และยังชักชวนกลุ่มแม่บ้านให้หันมาเห็นความสำคัญของการศึกษาจนเข้ารับการศึกษาในระบบศึกษาผู้ใหญ่

ใช่ว่าจะมีแต่นางก๊ะที่หันมาเป็นสมาชิกของมูลนิธิโครงการหลวง

แต่ในพื้นที่อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ กอชิ เพชรไพรพนาวัลย์

ก็เป็นอีกหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจและร่วมลงทุนโดยให้โครงการหลวงเช่าที่กว่า

7 ไร่

ปลูกหน่อไม้ฝรั่งและตนเองใช้เวลาในการทำงานเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหลวง

อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แทนการทำไร่นาเหมือนแต่ก่อน

"เมื่อก่อนถางที่ตามป่าเขาเพื่อหาที่ทำไร่ทำนาไปเรื่อยๆ

ก็เรียกว่าพอไปได้แต่ก็ไม่ถึงกับดีอะไรมากมาย

นอกจากนี้ก็ยังรับจ้างทั่วไปได้ค่าแรงวันละ 100 บาท

แต่พอโครงการหลวงเข้ามาให้ความรู้เรื่องการเพาะปลูกและการตลาด

เรื่องปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆก็ทำให้ได้ผลผลิตดีขึ้น ขายได้ราคาสูงขึ้น

พอตอนหลังได้รับมรดกเป็นที่ดินประมาณ 7

ไร่ก็เลยคิดลงทุนโดยให้โครงการหลวงเช่าที่เพื่อทำการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

เขาให้ไร่ละ 2,000 บาทต่อปี

ก็ถือว่าพอใจนะเพราะเงินเท่านี้ก็ซื้อข้าวสารได้แล้ว ที่เหลือค่อยหาเพิ่ม

ชาวบ้านบางคนนอกจากจะเข้าปลูกพืชผักและไม้เมืองหนาวตามคำแนะนำของโครงการหลวงแล้ว

บางคนพอเก่งๆก็หาช่องทางการขายเอง ปลูกพืชเพิ่มเติมทำให้ได้รายได้มากขึ้น

ก็สบายขึ้น

เรียกว่าพอโครงการหลวงของพ่อหลวงเข้ามาชีวิตก็เปลี่ยนไปมาก"กอชิกล่าวทิ้งท้าย

***************************************

หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนนำมาจากบทความ ?36 ปีโครงการหลวง ดั่งน้ำทิพย์ชโลมชุ่มยังภูผาสูงชัน?



บทความแนะนำ


SmartEpsonClassroomsmartphoneสมาร์ทโฟนวัดบัวขวัญกุฏิเล้าไก่เส้นหัวใจเส้นลายมือความอดทนข่าวล่าสุดทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก