เปิดใจเด็กชายผู้เคยเขียนจม.ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ
น้องโอ อดีตเด็กชายวัย 7 ขวบ จ.ราชบุรี ครั้งหนึ่งเคยเขียนหนังสือถวายฏีกาในหลวง เพื่อให้ทรงช่วยเหลือรักษาพ่อที่ป่วย
เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ในอดีต เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2552
ในตอนนั้นมีอายุเพียง 7 ขวบ ศึกษาอยู่ชั้น ป.2
ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อเป็นการถวายฏีกาในหลวงช่วยรักษาพ่อที่ป่วย
จนทางสำนักราชวังได้ตอบจดหมายกลับมาอย่างที่ครอบครัวไม่เคยคาดคิดเด็กชายคนดังกล่าวคือ เด็กชายนที บุญยสุขานนท์ หรือ น้องโอ
ปัจจุบันอายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/1 หมู่ 3 ต.พงสวาย อ.เมือง
จ.ราชบุรี
ผู้ที่เคยเขียนจดหมายถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เพื่อขอให้มารักษานายไพโรจน์ วารวร อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม
มีอาการป่วยเป็นแผลที่ขา และตามองไม่ค่อยเห็นหลังจากนั้นทางสำนักพระราชวังมีหนังสือตอบรับกลับมาและมารับตัว
นายไพโรจน์ ไปรักษา
ซึ่งถือเป็นความปลื้มปิติและเป็นพระมหากรุณาธิคุณของครอบครัวอย่างหาที่สุด
มิได้ ซึ่งในวันที่เขียนจดหมายถวายฎีกาวันที่ 2 มิ.ย. 2552 จนถึงวันนี้
เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว ตอนนี้ น้องโอ เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 1
วัดสัตตนารถ เขตเทศบาลเมืองราชบุรีด.ช.นที ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ?ตอน
นั้นอายุ 7 ขวบ นั่งดูในโทรทัศน์แล้วเห็นในหลวง แต่ยังไม่รู้จักก็เลยถามแม่ว่าคือใคร แม่ก็บอกว่าท่านคือเทวดา ท่านช่วยเหลือคนมากมาย จึงทำให้คิดว่าเมื่อท่านเป็นเทวดาก็น่าจะช่วยรักษาพ่อได้จึงได้เขียนจดหมาย
"ซึ่งหลังเขียนเสร็จก็ไม่ได้บอกใคร
และเมื่อพ่อขี่จักรยานมารับเพื่อไปช่วยพ่อขนผักที่ตลาด ก็แอบเดินไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีหนังสือตอบรับกลับมาจากสำนักพระราชวัง ซึ่งแม่เป็นคนรับไว้ ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่จะมีคนมารักษาพ่อทำให้พ่อไม่เสียชีวิต และยังให้ทุนการศึกษาเดือนละ 1,000 บาท กับตนด้วย และถ้าอยากได้อะไรก็ให้เขียนจดหมายไปขอได้
ขณะที่ นางเพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ แม่ของน้องโอ เผยว่า
ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเพราะแค่จดหมายฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาด
นี้ เมื่อทราบข่าวว่าท่านสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก
เพราะคิดไว้ว่าเมื่อลูกโตขึ้นก็จะให้ไปรับใช้พระองค์ท่าน
และได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นคนดีซึ่งภายหลังที่ครอบครัวบุญยสุขานนท์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แล้ว ทางหน่วยงานของกาชาด จ.ราชบุรี
ได้เข้าไปทำการสร้างบ้านให้กับครอบครัว ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ซึ่งทุกวันนี้นางเพ็ญรุ่ง มีอาชีพขายไอศกรีม พอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวไดส่วนนายไพโรจน์ วารวร ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ ด.ช.นที
ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี
โดยพักที่บ้านพักราชินี ซึ่งอยู่ใกล้กับ สน.ดุสิต กรุงเทพฯsource:Workpoint News,news.sanook