พาเที่ยวบ้านของพ่อ พระราชวังที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชวังในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ศูนย์รวมแหล่งองค์ความรู้ต่าง ๆ
ที่ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนบนผืนแผ่นดินไทย
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ได้ทรงริเริ่มดำเนินการทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวังตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2504 ทั้งยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าศึกษาดูงาน
ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ทั้งทางด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ประมง
และป่าไม้ ที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยอย่างหาที่สุดมิได้
เช่นเดียวกับ คุณสมาชิกหมายเลข 714964 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางศึกษาดูงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
แน่นอนว่าเหตุการณ์วันนั้นนำมาซึ่งความปลื้มปีติอย่างล้นพ้น
และเป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันบอกให้เรารู้ว่าพระราชวังแห่งนี้ไม่เหมือนที่ใดในโลกแล้วจริง
ๆ
+++++++++++++
สวัสดีค่ะ (20 ตุลาคม 2559)
ครบเจ็ดวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระมหากษัตริย์ที่เรารักทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย หลาย ๆ
คนยังอยู่ในอาการโศกเศร้า และอีกหลาย ๆ
คนก็กำลังจะพยายามลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป
โดยมีพระราชดำรัสของพระองค์เป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิตนะคะ
เจ้าของกระทู้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
วันนี้เจ้าของกระทู้จึงขออนุญาตมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน ณ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาค่ะ ซึ่ง "โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา" เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ได้ทรงริเริ่มดำเนินการทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวัง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย วันที่ 19 ตุลาคม 2559 เวลา
18.52 น.) ซึ่งสถานที่ตั้งก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลยค่ะ
อยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
ที่ประทับของพระองค์นั่นเองค่ะ
ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าการศึกษาดูงานที่เจ้าของกระทู้ไปมานั้น เป็นปี พ.ศ.
2554 แอบบอกว่าเมื่อสมัยที่เจ้าของกระทู้เรียนปีหนึ่งนั่นเองค่ะ
ขนาดและคุณภาพของรูปถ่ายจึงไม่ชัดตามอัตภาพของคุณภาพกล้องโทรศัพท์มือถือในสมัยนั้นนะคะ
ถ้าไม่บอกจะมีใครทราบคะว่าภาพต้นไม้ที่เขียวชอุ่มนี้จะอยู่ในใจกลางเมืองหลวง
และที่สำคัญอยู่ในพระราชวัง อันเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ด้วยค่ะ
การรีวิววันนี้จะค่อยข้างสะเปะสะปะ เพราะเจ้าของกระทู้เองจำไม่ได้จริง ๆ
ค่ะว่าเริ่มต้นเดินจากจุดไหน (มีหลายโครงการในนี้จนละลานตาไปหมด TT)
เริ่มต้นกันที่...
บ่อปลานิลในตำนาน...ปลานิลที่เรารับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ค่ะ
ถัดมาจากบ่อปลานิลอีกนิดเราจะพบแปลงนาสาธิตค่ะ
ที่นี่มีการวิจัยพันธุ์ข้าวและทดลองปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอค่ะ
ส่วนข้าวที่ได้ก็จะนำไปแจกจ่ายในประชาชนได้ทดลองปลูกกันด้วยค่ะ
ในส่วนของบรรยากาศและความร่มรื่นนั้นเอาไปเลยสิบเต็มค่ะ มีนาแล้วก็ต้องมีโรงสีข้าวค่ะ...นี่คือโรงสีข้าวในพระราชวัง
ความเบลอของภาพประมาณสามล้านพิคเซล แต่ความจงรักภักดีมีให้เต็มล้าน
ผลผลิตจากนาในพระราชวังของประเทศเราเอง
หาบเงินหาบทองที่ใช้ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ก็มีจัดแสดงในส่วนของโรงสีนี้ด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังมีการนำเอาเทคโนโลยีในการทำนาใหม่ ๆ มาจัดแสดงด้วยเช่นกันค่ะ
เดินย่ำต๊อกอีกสักหน่อยก็จะพบกับโรงเพาะเลี้ยงเห็ดหลินจือค่ะ
ซึ่งโรงเพาะเห็ดแห่งนี้จะมีระบบจ่ายน้ำอัตโนมัติจากสปริงเกอร์ที่อยู่บนหลังคาค่ะ
ถ้าเจ้าของกระทู้จำไม่ผิดจะเป็นช่วงบ่าย ๆ นะคะ
เพราะตอนที่เดินถึงตรงนี้มีการรดน้ำพอดีค่ะ
ซึ่งเห็ดที่เพาะเลี้ยงได้ก็จะนำมาวิจัย พัฒนา
เป็นอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ค่ะ
แวะมาต่อกันที่นี่ค่ะ...โรงกระดาษสา
กระดาษสาที่ได้ก็จะมีการนำไปผลิตเป็นงานฝีมือต่าง ๆ โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ในโครงการค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีการนำออกมาจำหน่ายหรือเปล่านะคะ
นี่คือกรอบรูปที่ผลิตจากกระดาษสาค่ะ
เดินมาอีกนิด...หลาย ๆ นิด ก็จะพบกับโรงหล่อเทียนหลวงค่ะ เทียนที่ผลิตจากที่นี่จะใช้ในพระราชพิธีสำคัญ ๆ ต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ
นอกจากนั้นยังมีไว้จำหน่ายด้วยค่ะ
ที่นี่มีรายละเอียดขั้นตอนวิธีการหล่อเทียนไว้สำหรับผู้ที่สนใจด้วยค่ะ
รวมไปถึงมีการจัดแสดงวิธีการหล่อเทียนด้วยค่ะ
จากนั้นเข้าสู่ส่วนที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีนะคะ กับโครงการวิจัยผลิตภัณฑ์พลังงานเชื้อเพลิง
มีป้ายให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจตลอดเส้นทางเลยค่ะ
ในส่วนของโครงการถัดมาที่จะรีวิวนั้น กว่าจะได้แต่ละภาพต้องพบกับควันและเขม่ามากมาย นั่นคือโรงผลิตถ่านแกลบค่ะ
ถ่านแกลบคืออะไรนะ...
โซนอาคารน้ำผลไม้ ถ่ายรูปมาน้อยค่ะ เพราะมัวแต่ชิมน้ำผลไม้หลายรสชาติ ชิมเพลินหมดเวลาในส่วนนี้ อ้าว...แล้วรูปฉันล่ะ
ไม่เป็นไรเรามาเริ่มกันใหม่ในส่วนของอาคารเก็บนมค่ะ มีน้องวัวมายืนคอยต้อนรับค่ะ
นมอัดเม็ดอยู่ไหนนะ
โรงผลิตนมอัดเม็ด...นมอัดเม็ดทั้งหมดต้องเป็นของข้า อิอิ
สำหรับส่วนนี้เจ้าของกระทู้แอบปลื้มเบา ๆ
ชอบการนั่งมองต้นอ่อนของต้นไม้ผ่านตู้กระจก
เลยถือว่าเป็นมุมพักผ่อนหลังจากการเดินอย่างทรหดมาเกือบทั้งวันไปในตัวค่ะ
ต้นไม้จากการเพาะเลี้ยงมีขายให้ประชาชนที่สนใจด้วยนะคะ อยู่ข้าง ๆ กับตัวอาคารนั่นแหละค่ะ
และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามีการคิดค้นวิจัยพัฒนาในโครงการนี้
นั่นก็คือผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายเกลียวทองค่ะ
สาหร่ายเกลียวทองหรือชื่อที่หลายคนคุ้นเคย ก็คือสาหร่ายสไปรูลินานั่นเองค่ะ
หลากหลายผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากสาหร่ายเกลียวทอง
แต่ที่เจ้าของกระทู้ยกให้เป็นที่สุดเลยก็คือข้าวเกรียบสาหร่ายค่ะ อร่อยมาก
แนะนำให้หามาชิมกัน
เดินไปเดินมาดูเวลานี่ก็จะหนึ่งวันแล้ว
ถึงเวลาสมควรที่จะต้องกลับกันแล้วนะคะ
สุดท้ายก็ได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านมาสองอย่าง
สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการเดินเยี่ยมชมพระราชวังของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในครั้งนี้
ทำให้เรารู้ว่าเจ็ดสิบปีที่ผ่านมาพระองค์คิด พระองค์ทำ
พระองค์พัฒนาเพื่อใคร...ถ้าไม่ใช่เพื่อคนไทยทุกคน จากวันนั้น 2554
จนถึงวันนี้ 2559 เจ้าของกระทู้รักและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมากขึ้น
(จากปกติก็รักพระองค์ท่านอยู่แล้ว)
เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมบ้านของท่านค่ะ
และถ้าเป็นไปได้อยากเก็บกระทู้นี้เอาไว้เผื่อในอนาคต คนรุ่นหลัง ๆ
จะได้มีโอกาสเรียนรู้พระราชกรณียกิจอันมากมายมหาศาลของพระองค์ค่ะ
บ้านพ่อไม่เหมือนใคร...แต่สุขใจที่ได้อยู่อาศัยในทุก ๆ วันค่ะ
จบการรีวิว...ทริป...ภาพเบลอมากแค่ไหน...ความซาบซึ้งใจมีมากกว่า สวัสดีค่ะ
อันที่จริงการมาศึกษาดูงานที่นี่ได้ความรู้มากมายกว่านี้เยอะค่ะ
เจ้าของกระทู้เองก็อาจจะบรรยายได้ไม่หมด บ้านของพ่อทุก ๆ ที่มีความรู้
มีอาชีพ มีการต่อยอดผลิตภัณฑ์ ภาพถ่ายที่มีอาจจะชัดบ้าง
เบลอบ้างซึ่งจริงมีภาพถ่ายเยอะกว่านี้ค่ะ ค่อนข้างจะเบลอซะส่วนใหญ่
แต่ไม่อยากลบทิ้งไปค่ะ เก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ จนอยากมาร่วมแบ่งปันกับทุก
ๆ คนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 714964 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม