ยลความงาม "พระมหาพิชัยราชรถ" ราชรถหลักที่ใช้ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
| |
หากได้มาเยือนที่ ?พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร?
จะต้องไม่พลาดที่จะเข้าชม ?โรงราชรถ?
ที่นับเป็นจุดที่มีประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก
เพราะที่นี่เปรียบเหมือนเป็นสถานที่บันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญสำหรับคนไทย
ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
| |
"โรงราชรถ?
จากหลักฐานหนังสือ ?เรื่องกรุงเก่า?
กล่าวว่า
มีโรงใส่พระมหาพิชัยราชรถอยู่ริมกำแพงคั่นท้องสนามหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิ
ไพชยนต์ ภายนอกประตูพระราชวัง ชั้นกลาง และจากหมายรับสั่งรัชกาลที่ 3 ปี
พ.ศ.2386 กล่าวว่ามีโรงราชรถเก่าอยู่ที่ริมตึกดิน
ทางทิศตะวันตกของพระบรมมหาราชวัง
และได้ย้ายพระมหาพิชัยราชรถไปที่โรงราชรถใหม่ ซึ่งอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5
โปรดให้ย้ายพระมหาพิชัยราชรถมาไว้ที่พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)
และได้ตั้งให้เป็นโรงเก็บราชรถสำคัญ 2 โรง
โดยให้อยู่ในความดูแลของกรมพระตำรวจ จนถึงในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระราชวังบวรสถานมงคล ให้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร
ซึ่งปัจจุบันก็คือ ?พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร? นั่นเอง
| |
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา
ให้สร้างโรงราชรถขึ้นใหม่ลักษณะเป็นโรงหลังคาทรงจั่ว 2 หลัง
เชื่อมต่อกันด้วยมุขขวาง ภายในเปิดโล่งถึงกันโดยตลอด แล้วเสร็จในปี
พ.ศ.2472 ต่อมาในปี พ.ศ.2536
กรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์โรงราชรถขึ้นใหม่ โดยต่อเติมมุขหน้า
และใช้เป็นที่เก็บรักษาและจัดแสดงราชรถสำคัญของแผ่นดิน
รวมทั้งเครื่องประกอบในการพระราชพิธีพระบรมศพและพระศพในปัจจุบัน
วัตถุจัดแสดงที่สำคัญคือ
| |
?พระมหาพิชัยราชรถ?
?พระมหาพิชัยราชรถ? มีนามหมายถึง ?ชัยชนะอันยิ่งใหญ่?
เป็นมงคลนาม ลักษณะเป็นราชรถทรงบุษบกขนาดใหญ่ มีขนาดกว้าง 4.80 เมตร ยาว
18 เมตร (เฉพาะตัวรถ 14.10 เมตร) สูง 11.20 เมตร หนัก 13.70 ตัน
ใช้กำลังพลชักลากจำนวน 216 คน
สร้างด้วยไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกตกแต่งด้วยชั้นเกรินประดับ
กระหนกเศียรนาค กระหนกท้ายเกริน และรูปเทพพนมโดยรอบ
โดยใช้สำหรับอัญเชิญพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมชนก พระราชชนนี
พระอัครมเหสี และพระมหาอุปราช ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง
| |
เมื่อปี พ.ศ.2339 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
โปรดให้สร้างพระมหาพิชัยราชรถขึ้นเพื่อใช้ทรงพระบรมโกศ
ถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ณ พระเมรุมาศ เป็นครั้งแรก
พระมหาพิชัยราชรถนี้เคย มาใช้งานมาแล้ว 20 ครั้ง อาทิ
ใช้อัญเชิญพระบรมศพของรัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 5,
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า), สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (พระพี่นาง) เป็นต้น และการใช้งานครั้งสุดท้ายคือ เชิญพระโกศพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อ พ.ศ.2555
| |
?เวชยันตราชรถ?
?เวชยันตราชรถ? มีนามหมายถึง "รถของพระอินทร์"
ลักษณะเป็นราชรถทรงบุษบกพิมานขนาดใหญ่ มีขนาดกว้าง 4.85 เมตร ยาว 18 เมตร
สูง 11.70 เมตร หนัก 12.25 ตัน จำหลักตกแต่งลวดลายวิจิตร
สร้างขึ้นพร้อมกับพระมหาพิชัยราชรถ ในปี พ.ศ.2339
โดยใช้พระมหาพิชัยราชรถในการทรงพระบรมอัฐิ
และเวชยันตราชรถใช้เป็นรถพระที่นั่งรอง
จากนั้นใช้ในการพระศพสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์
ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าสืบมาถึงรัชกาลที่ 6
| |
เมื่อครั้งพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 6) พ.ศ.2468
และพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สยามินทราธิราช
เมื่อ พ.ศ.2493 (รัชกาลที่ 8)
พระมหาพิชัยราชรถชำรุดไม่พร้อมต่อการอัญเชิญพระบรมศพ
จึงได้เชิญเวชยันตราชรถออกใช้การแทน แต่ให้ขนานนามราชรถตามหมายกำหนดการว่าพระมหาพิชัยราชรถ
การใช้งานครั้งสุดท้ายคือ
เชิญพระโกศพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7
เมื่อ พ.ศ.2528
จนกระทั่งในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช
ชนนี (สมเด็จย่า) ในปี พ.ศ.2539
จึงได้มีการบูรณะพระมหาพิชัยราชรถครั้งใหญ่และเชิญออกใช้การอีกครั้งหนึ่ง
นั่นเอง
| |
?ราชรถน้อย?
นอกจากราชรถที่กล่าวมาภายในโรงราชรถยังมี "ราชรถน้อย" อีกสามองค์ ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2339 พร้อมพระมหาพิชัยราชรถและเวชยันตราชรถ ลักษณะคล้ายกับพระมหาพิชัยราชรถ แต่มีขนาดย่อมกว่ามาก โดยองค์ที่หนึ่งใช้เป็นราชรถที่สมเด็จพระสังฆราชประทับ ทรงสวดนำกระบวนพระมหาพิชัยราชรถ
ราชรถน้อยองค์ที่สองเป็นราชรถโยงผ้าจากพระบรมโกศ จัดเป็นราชรถตาม จากนั้นเป็นราชรถน้อยองค์ที่สาม ใช้เป็นรถสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ประทับ เพื่อทรงโปรยทานพระราชทานแก่ประชาชนที่มาเฝ้ากราบพระบรมศพตามทางสู่พระเมรุมาศ ต่อมาในรัชกาลที่ 6 โปรดให้ยกเลิกประเพณีโยงผ้าและโปรยทาน ปัจจุบันจึงคงใช้ราชรถน้อยเป็นรถพระสงฆ์อ่านพระอภิธรรมนำราชรถทรงพระบรมโกศ
| |
?เกรินบันไดนาค?
?เกรินบันไดนาค?
คืออุปกรณ์ที่ใช้อัญเชิญพระโกศขึ้นหรือลงราชรถและพระเมรุมาศ
โดยการหมุนกว้านให้เคลื่อนไปตามรางเลื่อนไม้จำหลักรูปนาค
เกรินมีลักษณะเป็นแท่นสี่เหลี่ยม ขอบฐานแกะสลักลายปิดทองประดับกระจก
ท้ายเกรินเป็นพื้นลดระดับลงมา ซึ่งเป็นที่สำหรับเจ้าพนักงานภูษามาลาขึ้น
นั่งประคอง พระโกศพระบรมศพ
มีลักษณะคล้ายท้ายสำเภา ด้านข้างบุผ้าตาดทอง มีราวทั้ง 2 ข้างตกแต่งเป็นรูปพญานาค จึงเรียกว่า เกรินบันไดนาค
ประดิษฐ์ขึ้นโดย สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี
ใช้ครั้งแรกในงานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่
1) พ.ศ.2355
| |
?ยานมาศสามลำคาน?
?ยานมาศสามลำคาน?
เป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง
มีพนักโดยรอบ 3 ด้าน และมีคานหาม 3 คาน จึงเรียกว่า ยานมาศสามลำคาน
ใช้คนหาม 2 ผลัด ผลัดละ 60 คน
ใช้สำหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมศพจากพระบรมมหาราชวังขึ้นสู่ราชรถ
และใช้อัญเชิญพระโกศพระบรมศพเวียนรอบพระเมรุ
นอกจากราชรถสำคัญของแผ่นดินและเครื่องประกอบในการพระราชพิธีพระบรมศพ
ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นนี้
ภายในโรงราชรถยังมีวัตถุจัดแสดงที่สำคัญของแผ่นดินอีกหลายสิ่งเก็บรักษาไว้
อาทิ แบบจำลองพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว,
พระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี,
พระสัปตปฎลเศวตฉัตร ที่ใช้ประดับยอดพระเมรุ, สัตว์หิมพานต์
ที่ใช้สำหรับประดับบันไดขึ้นพระเมรุ
ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช จะใช้ ?พระมหาพิชัยราชรถ?
เป็นราชรถหลักในพระราชพิธีพระบรมศพ
ซึ่งปัจจุบันพระมหาพิชัยราชรถถูกเก็บที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร สามารถเข้าชมฟรีได้ทุกวัน จนถึง 31 ม.ค. 60 เวลา 9.00-16.00 น.