10 ที่เที่ยวสวยตระการตาจากทั่วโลก สุดยอดแห่งธรรมชาติรังสรรค์
รวมที่เที่ยวสุดตระการตาทั่วโลก เป็นที่เที่ยวต่างประเทศสวย ๆ
ที่ต้องไปเที่ยวกันให้ได้สักครั้งในชีวิต วางแผนเที่ยวต่างประเทศที่ไหน
มีที่เที่ยวที่ไหนต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองบ้าง อย่าช้า...ไปดูกันเลย
หลังจากทำงานกันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี
ถึงเวลาแล้วที่จะนำเงินโบนัสมาใช้จ่ายเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเองบ้าง
แล้วรางวัลอะไรก็คงไม่ดีไปกว่าการเดินทางไปพักผ่อนยังสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ
มากมายทั่วโลกจนเลือกไม่ถูกว่าจะคลิกจองตั๋วเครื่องบินไปลงจุดไหนดี
วันนี้เรามี 10 สถานที่สุดตระการตาจากทั่วโลกมาฝากกัน
เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจออกเดินทางกันค่ะ
1. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ประเทศโครเอเชีย
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes)
ตั้งอยู่ที่เมืองลิก้า (Lika) ประเทศโครเอเชีย
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลบนหินปูน
ใหญ่ไม่ใหญ่ก็ดูเอาได้จากชั้นน้ำตกที่มีอยู่มากถึง 16 ชั้น
ซึ่งแต่ละชั้นยังมีความงดงามของธรรมชาติ
ที่สวยงามจนสามารถสะกดสายตาของผู้ที่มาเยี่ยมชมได้อย่างอยู่หมัด
อีกทั้งยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก
(UNESCO) ในปี 1979 ภายในทะเลสาบมีทั้งน้ำตก ทะเลสาบ ถ้ำ และสัตว์นานาชนิด
อาทิ หมี หมาป่า นกหายาก เป็นต้น
2. ทะเลเกลือซาลาร์ เดอ อูยูนี ประเทศโบลิเวีย
ทะเลเกลือซาลาร์ เดอ อูยูนี
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโบลิเวีย
เป็นนาเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่มากถึง 4,086 ตารางไมล์ (10,582
ตารางกิโลเมตร) เมื่อถึงฤดูกาลที่ฝนมาเยี่ยมเยือน
ที่แห่งนี้จะชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนใส ๆ ที่ปกคลุมผลึกเกลือ
ซึ่งสามารถส่องสะท้อนท้องฟ้าได้สวยงามราวกับกระจก
จึงทำให้ช่างภาพมืออาชีพและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาถ่ายภาพนาเกลือแห่งนี้กันสักครั้งในชีวิต
3. Cinque Terre ประเทศอิตาลี
อีกหนึ่งสถานที่หยุดหัวใจ Cinque Terre ประเทศอิตาลี
ซึ่งก็แปลได้ว่าห้าดินแดน ประกอบไปด้วยห้าหมู่บ้าน นั่นก็คือ Monterosso al
Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore
โดยทั้งหมดได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก
ความโดดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันที่มีบ้านเรือนลักษณะสวยงามตั้งตระหง่านลดหลั่นกันลงไปจรดกับผืนน้ำทะเล
เป็นอีกสถานที่ที่ควรไปเยือนให้ได้ !
4. ปามุคคาเล ประเทศตุรกี
อีกมุมหนึ่งของโลกได้ส่งปามุคคาเล (Pamukkale)
มาเราได้เดินทางไปค้นหา ทัศนียภาพของปราสาทปุยฝ้ายอันกว้างใหญ่
ได้ดึงดูดหัวใจใครหลายคนให้เดินทางไปเยือน
ลักษณะของหินปูนสีขาวที่ลดหลั่นลงมาเป็นขั้น
และมีน้ำพุจากพื้นดินไหลขึ้นมาหล่อเลี้ยงแอ่งน้ำด้านบน สะท้อนแสงแดดเจิดจ้า
เป็นประกายสว่างวิบวับสวยงามจนอยากจะหยุดหายใจ
เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ
5. หน้าผาเอทเทรทาท์ ประเทศฝรั่งเศส
หน้าผาโค้งที่ยื่นออกไปจรดผืนทะเล
เอกลักษณ์เฉพาะที่ทำให้เอทเทรทาท์ (Etretat)
โดดเด่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตั้งอยู่บนชายฝั่งของ Pays de Caux
ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและทำฟาร์มเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ
เหมาะแก่การพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายจากการทำงานหนักมาทั้งปี
บริเวณชายหาดสามารถเดินเล่นได้ ซึ่งมิใช่หาดทรายอย่างที่ใครหลายคนคิด
แต่เป็นหาดหินสวยงามไปอีกแบบ ใครที่ยังไม่มีสถานที่สำหรับขอคู่รักแต่งงาน
ที่แห่งนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ
6. หลุมดำ Jacob's Well สหรัฐอเมริกา
ท้าทายอะดรีนาลินในร่างกายกันสักหน่อย
กับหลุมลึกลับ Jacob's Well
ที่ไม่ว่าจะดูน่ากลัวขนาดไหนก็ไม่สามารถยับยั้งให้ผู้กล้าทั้งหลายดำดิ่งลงไปสัมผัสได้
มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ปากถ้ำประมาณ 4 เมตร และความลึกมากกว่า 30 เมตร
ซึ่งความลึกของหลุมดำนี้เป็นแรงดึงดูดให้นักดำน้ำมืออาชีพทั้งหลายอยากดำลงไปพิสูจน์และค้นคว้าศึกษาถึงสิ่งมหัศจรรย์ใต้ท้องน้ำแห่งนี้
ถ้าใจกล้าพอก็จงอย่ารอช้า
7. จางเย่ ตันเซี๋ย ประเทศจีน
สถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ทางธรณีวิทยาแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองไทย
แค่ประเทศจีนนี้เอง
จากความสวยงามของหุบเขาแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "หุบเขาสายรุ้ง"
หรืออุทยานธรณีวิทยา จางเย่ ตันเซี๋ย ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของมณฑลกานซู
(Gansu) ด้วยพื้นที่ภูเขามากกว่า 510 ตารางเมตร มีโทนสีแดงไล่เฉดสี
สลับกันไปมา เกิดเป็นสีสันอันงดงามที่ใครหลายคนต้องหลงเสน่ห์
ซึ่งปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยานี้เกิดจากการที่หินทรายและแร่ต่าง ๆ
เกิดการผุกร่อนและมีการทับถมกับแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ มาอย่างยาวนานหลายร้อยปี
หุบเขาแห่งนี้จึงมีความงดงามคล้ายกับจิตรกรนำพู่กันมาละเลงแต่งแต้มสีสันเลยทีเดียว
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าเยี่ยมชมคือช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน
8. เมทิโอร่า ประเทศกรีซ
เมทิโอร่า (Meteora) สวรรค์กลางเวหา
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้าบนก้อนหินทรายขนาดใหญ่ในบริเวณตอนกลางของประเทศกรีซ
มีความสูงประมาณ 310 เมตร
ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของนักบวชคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์? (Orthodox)
ซึ่งมีความเชื่อว่าการสร้างปราสาทให้อยู่บนที่สูงนั้นจะเป็นการได้ใกล้ชิดกับสวรรค์
ในปี 1988 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมทิโอร่าเป็นมรดกโลก
9. ทะเลทรายขาว ประเทศบราซิล
ด้วยพื้นที่ที่มีครอบคลุมถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร
ทำให้หาดทรายสีขาวแห่งนี้ดูคล้ายกับผ้าคลุมเตียงที่เรียบเนียนผืนใหญ่
ภายในอุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ (Lencois Maranhenses National
Park) รัฐมายันเยา (Maranh?o) ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล
โดยลักษณะของมันจะเป็นเนินทรายขนาดใหญ่สลับซับซ้อนกันไปมามีแอ่งน้ำในบางช่วง
ซึ่งนักท่องเที่ยวควรไปเยี่ยมชมในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน
เพราะน้ำในทะเลสาบที่เกิดจากการสะสมของน้ำฝนจะมีสีเขียวมรกต
และยังสามารถดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพอันงดงามในช่วงพระอาทิตย์ตกดินได้ดีอีกด้วย
10. หลุมน้ำเงิน (Great Blue Hole) ประเทศเบลีซ
ตื่นตากันอีกนิดกับหลุมน้ำเงินใต้ทะเล
ที่ดูน่าหลงใหล ชวนให้เข้าไปค้นหา
ซึ่งหลุมมหัศจรรย์นี้ตั้งอยู่นอกชายฝั่งประเทศเบลีซ
อยู่ใกล้กับเกาะปะการังเล็ก ๆ Lighthouse Reef ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 70
กิโลเมตร มีลักษณะเป็นวงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 300 เมตร
และลึกประมาณ 124 เมตร
และจากการวิเคราะห์หินงอกหินย้อยที่พบภายในหลุมน้ำเงินแสดงให้เห็นว่ามีการก่อตัวมามากกว่า
153,000 ปี
จึงไม่แปลกใจที่สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกไปเป็นที่เรียบร้อย
ใครถูกใจสถานที่ไหนก็เตรียมตัวออกเดินทางกันเลย
อย่ามัวแต่ร้องว้าวอยู่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เพราะมันไม่สามารถทำให้คุณไปเยือนสวรรค์เหล่านี้ได้หรอกนะจ๊ะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
eventegg.com, beautifulworld.com, cinqueterre.a-turist.com, harpersbazaar.com, travelblog.viator.com