โรครังแค แก้ไม่ยาก! อย่าปล่อยไว้ถ้าไม่อยากให้เรื้อรัง
ถ้าพูดถึง ?รังแค? หลายคนอาจจะคุ้นเคยและคิดว่าเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่รังแคอาจเป็นเรื่องยุ่งยากกว่านั้น พ.ญ.นัทจิรา จียาศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จึงได้อธิบายเกี่ยวกับโรครังแคเอาไว้ และเราก็อยากให้สาวๆ ได้อ่านกันนะคะ
?รังแค?
ในทางการแพทย์เป็นชื่อเรียกสะเก็ดที่หลุดลอกออกมาจากหนังกำพร้าชั้นนอกสุด
ของหนังศีรษะในอัตราที่รวดเร็วและปริมาณที่มากกว่าปกติ
จนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดทั้งบนเส้นผม หนังศีรษะ หรือเศษที่ร่วงลงมาบนไหล่
โดยคนที่เป็นรังแคมักเป็นทั่วทั้งศีรษะ มีลักษณะเป็นขุย สะเก็ด
หรือแผ่นสีขาว หลุดลอกออกมา
ซึ่งไม่ว่าจะผิวแห้งหรือผิวมันเกินไปก็สามารถเป็นรังแคได้ทั้งนั้นค่ะ
และเวลาเป็นรังแคก็มักจะมีอาการคันร่วมด้วย ส่วนรังแคเกิดจากสาเหตุอะไร
และเราจะรับมือกับรังแคยังไงให้ถูกวิธี ลองไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ!สาเหตุของการเกิดรังแค
หลายคนอาจจะคิดว่ารังแคเกิดขึ้นจากการไม่สระผมเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ
แล้วนั่นไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดอย่างที่เข้าใจนะคะ
รังแคเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเลยล่ะ ทั้งเรื่องความสะอาด เชื้อรา
หรือแม้กระทั่งสภาพอากาศ และพฤติกรรมของบุคคลด้วยนะคะ
สาเหตุที่พบได้บ่อยก็คือ เชื้อราชนิดยีสต์ชื่อ Pityrosporum Ovale
ซึ่งจริงๆ แล้วมีอยู่เป็นปกติบนหนังศีรษะ
แต่ในบางคนและบางครั้งเชื้อราชนิดนี้ก็เพิ่มจำนวนขึ้นจากภาวะความเครียด
ความผิดปกติของฮอร์โมน การสระผมแบบนานๆ ครั้ง จนหนังศีรษะเกิดความมัน
และเซลล์หนังศีรษะที่ตายแล้วมาก่อตัวรวมกันจนเป็นรังแคขึ้นมา
กลายเป็นรังแคที่กวนใจเรานั่นเองหรือบางคนอาจจะเป็นรังแคเพราะแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
จนทำให้ผมและผิวหนังศีรษะแห้งลอก ซึ่งรังแคที่เกิดจากผิวแห้ง
ขุยมักจะมีขนาดเล็กและมีความมันน้อยกว่ารังแคจากสาเหตุอื่นๆ
แต่จะไม่ค่อยมีอาการอักเสบหรือระคายเคืองหนังศีรษะค่ะระดับความรุนแรงเมื่อเป็นขุยบนหนังศีรษะ
โรครังแค
โรค ?รังแค? ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของขุยบนหนังศีรษะ ถ้าใครสังเกตว่าตัวเองอาจจะเป็นโรครังแค ถ้าไม่รุนแรงส่วนใหญ่มักจะควบคุมได้โดยการใช้แชมพูขจัดรังแค (Anti ? Dandruff Shampoo) ที่หาซื้อตามร้านทั่วไป แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นๆ หายๆ แนะนำให้ใช้ แชมพูยา (Medicated Anti-Dandruff Shampoo)
สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ แต่ถ้ามีอาการรุนแรง
ใช้แชมพูยาหลายสัปดาห์แล้วก็ไม่หาย หรือว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องจะดีกว่า
ซึ่งแพทย์อาจจะให้ใช้ยารักษารังแคประเภทสเตียรอยด์ (Steroid Lotion)
ซึ่งในกรณีนี้ควรใช้เท่าที่จำเป็น และไม่ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไปนะคะ
ไม่อย่างนั้นจะทำให้ผิวบางลง และอาจทำให้เป็นสิวจากยาได้ด้วยโรคเซ็บเดิร์ม
นอกจากโรครังแคแล้ว อาการที่รุนแรงกว่านั้นคืออาจจะเป็นโรคเซ็บเดิร์ม
ซึ่งอาการจะมีสะเก็ดที่ลอกหลุดจากหนังศีรษะมีลักษณะมันๆ พร้อมกับ
หนังศีรษะอักเสบและแดง รวมถึงอาจจะเป็นผื่นแดงเป็นขุยที่หัวคิ้ว ข้างจมูก
หรือหลังหูร่วมด้วย โดยโรคนี้มีมีชื่อทางการแพทย์ว่า Seborrheic Dermatitis
หรือที่เรารู้จักกันสั้นๆ ว่า ?เซ็บเดิร์ม? นี่แหละค่ะ
เป็นโรคที่เป็นเรื้อรังที่ไม่หายขาด มักจะกำเริบหรือเห่อเป็นพักๆ
ส่วนสาเหตุก็ยังไม่แน่ชัดว่าเพราะอะไร
แต่มักพบเชื้อราในปริมาณที่มากกว่าปกติ
จึงแนะนำให้ใช้แชมพูยาที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
ในการรักษาอาการบริเวณหนังศีรษะเช่นเดียวกันโรคสะเก็ดเงิน
ลองสังเกตตัวเองดูว่าถ้าหากมีปื้นแดงหนาที่หนังศีรษะ
แล้วมีสะเก็ดขาวด้านบนปื้น
หรือบางคนอาจจะเป็นบริเวณเลยไรผมออกมาด้านหน้าผาก
แบบนั้นน่าจะเข้าข่ายว่าเป็นโรคสะเก็ดเงิน
ซึ่งโรคนี้จะพบผื่นแบบเดียวกับบนหนังศีรษะตามผิวหนังบริเวณอื่นของร่างกาย
ร่วมกับความผิดปกติของเล็บ และมีอาการปวดข้อ ข้ออักเสบร่วมด้วยได้ปัญหาที่พบบ่อยของคนเป็นรังแค
พ.ญ.นัทจิรา จียาศักดิ์ คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
ได้อธิบายเอาไว้ว่า คนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องเป็นรังแค ส่วนใหญ่จะ
ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยการเปลี่ยนแชมพูมาหลายแบบแล้ว
แต่รังแคก็กลับไม่หายขาด สาเหตุก็เป็นเพราะว่า แชมพูขจัดรังแค
(Non-Medicated Shampoo) ที่หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป
จะไม่สามารถขจัดรังแคได้เกลี้ยง 100% นั่นเองค่ะ โดยเฉพาะคนที่เป็นเยอะๆ
และเรื้อรังเป็นรังแคใช้ยาอะไรดี
แต่ตัวยาที่จะสามารถช่วยรักษารังแคได้ พ.ญ.นัทจิรา จียาศักดิ์
แนะนำว่าควรจะเป็นแชมพูยาที่มีตัวยาซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide)
2.5% ซึ่งจะมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
และบางตัวก็ลดการหลุดลอกของผิวหนังได้ด้วย
โดยเป็นตัวยาเดียวกับที่ใช้รักษาโรคเกลื้อนนั่นเอง จึงทำให้ได้ผลดีกว่า
เนื่องจากแก้ปัญหาได้ตรงจุด
เพราะจะออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา Pityrosporum Ovale
ช่วยลดอัตราการตายและหลุดลอกของเซลล์บนหนังศีรษะ
รวมถึงช่วยลดอาการคันได้ด้วย แชมพูยาสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
รวมทั้ง Boots และ Watson ค่ะขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก พ.ญ.นัทจิรา จียาศักดิ์ขอบคุณภาพประกอบจาก netdoctor, healthy-hair-tips, prima, coolmagz